หลายคนมีเมตตา แต่บางทียังขาดกรุณา
คลิปนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของหลายๆ คนในสังคม
ขอชื่นชมจากใจจริงๆ
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงๆ เป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด
อย่างน้อยที่สุด ก็ควรเรียกรถพยาบาลก่อน ไม่ควรขับหนีไปเฉยๆ แบบนี้
ถ้ามอไซด์ผิดจริงก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย เรียกตำรวจ หรืออะไร ก็ว่าไป ฯลฯ
และคลิปนี่คือ ตัวอย่างของ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
- บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย)
==> การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม
- บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย)
==> สละเวลา ตลอดจนสละ กำลังกาย กำลังน้ำมัน และใช้สติปัญญาทำเพื่อส่วนรวม
- บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย)
==> มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม ฯลฯ
บุญที่สำเร็จได้ เบื้องต้นถูกชักนำจาก การเปนคนช่างสังเกตุ และ คุณธรรมพื้นฐานในจิตใจ
คือ เมตตา + กรุณา และ จิตสำนึกต่อส่วนรวม สติปัญญา
- บางคนอาจมีแค่ เมตตา คือ ขับรถเห็นคนเจ็บ แล้วสงสาร
- บางคนอาจมีแค่ เมตตา + กรุณา คือ รีบหาทางช่วยคนเจ็บก่อน เช่น โทรหาตำรวจ รถพยาบาล ฯลฯ
- แต่พี่คนนี้ มีครบทั้ง เมตตา + กรุณา จิตสำนึกต่อส่วนรวม และสติปัญญา คือ ทุกอย่างที่ทำในคลิปนี้
ตั้งแต่ชลอรถสอบถามเหตุการณ์ จากชาวบ้านแถวนั้น ตลอดจนขับตามคู่กรณี
ซึ่งการจะช่วยเหลือใคร ก็ต้องดูตาม้าตาเรือก่อน
คือ ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือไปสร้างกรรมไม่ดีใหม่ขึ้นมาอีก
จากที่ดูในคลิป พี่คนนี้แกดูฟีลของคนที่ขับชน แล้วก็วางแผน 1 2 3 ถ้ามีอะไรฉุกเฉินตัวเองจะรับมือยังไง
ใช้วาจาสุภาพ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา ไม่ได้ใช้อารมณ์ หรือด่าทอคู่กรณี
พอเคลียร์กันได้ ก็นำคู่กรณีกลับมาจุดเกิดเหตุ และเมื่อเห็นคนเจ็บมีรถพยาบาลมารับแล้ว
จึงขอตัวไป ลักษณะแบบนี้ หาได้จากคนที่มี สติปัญญา เท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ต้องบอกก่อนว่า สติปัญญาในทางพุทธจริงๆ นั้น
ละเอียดลึกซึ่งยิ่งกว่านั้น ถึงขั้นขุดรากถอนโคลนกิเลสออกจากจิตใจเลยทีเดียว
ไม่ใช่สติปัญญาในระดับที่คนทั่วๆ ไป เข้าใจ
แต่เป็น สติปัญญา ที่พบได้ตั้งแต่ อริยบุคคล ขั้นโสดาบัน ขึ้นไป
ที่สามารถละสังโยชน์เบื้องต้น 3 ตัว ได้แล้ว
กระทู้นี้อยากฝากให้หลายๆ คน ที่ยังคิดว่า บุญ คือ การเข้าวัด หรือ บริาคเงิน เพียงอย่างเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
คือ สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือกล่าวอย่างง่ายๆว่า การกระทำที่เกิดเป็นบุญ เป็นกุศล แก่ผู้กระทำดังต่อไปนี้
๑. บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย) คือการเสียสละนับแต่ทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม
๒. บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย) คือการตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา ศีล ๑๐ ของสามเณร หรือ ๒๒๗ ข้อของพระภิกษุ เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด พ้นจากกายทุจริต ๔ ประการ คือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการลักทรัพย์ ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม และเสพสิ่งเสพติดมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท วจีทุจริต ๔ ประการ คือไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดปด ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดคำหยาบ มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม
๓. บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย ) คือการอบรมจิตใจในการละกิเลส ตั้งแต่ขั้นหยาบไป จนถึงกิเลสอย่างละเอียด ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นโดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม จนเข้าใจอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ บรรลุมรรค ผล นิพพานได้ในที่สุด
๔. บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย) คือการให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ ๓ ประเภท คือ ผู้มี วัยวุฒิ ได้แก่พ่อแม่ ญาติพี่น้องและผู้สูงอายุ ผู้มี คุณวุฒิ หรือคุณสมบัติ ได้แก่ ครูบาอาจารย์ พระภิกษุสงฆ์ และผู้มี ชาติวุฒิ ได้แก่พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์
๕. บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) คือ การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม โดยเฉพาะทางพระพุทธศาสนา เช่น การชักนำบุคคลให้มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิ
๖. บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) คือ การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ ได้ทราบข่าวการบุญการกุศลที่เราได้กระทำไป
๗. บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย) คือ การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาสได้แสดงการรับรู้ด้วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย
๘. บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) คือ การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้วก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป
๙. บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) คือ การแสดงธรรมไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มาประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไป
๑๐. บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ
บุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนี้ ผู้ใดได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือยิ่งมากจนครบ ๑๐ ประการแล้ว ผลบุญย่อมเกิดแก่ผู้ได้กระทำมากตามบุญที่ได้กระทำ ยิ่งได้มีการเตรียมกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งใจจรดเข้าสู่ศูนย์กลางกาย หยุดในหยุด เข้าไปแล้วก็ยิ่งได้รับบุญมหาศาลตามความละเอียดประณีตที่เข้าถึงยิ่งๆ ขึ้นไป
ทำบุญ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป ชอชื่นชมพลเมืองดี ทำให้สังคมน่าอยู่
คลิปนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของหลายๆ คนในสังคม
ขอชื่นชมจากใจจริงๆ
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงๆ เป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด
อย่างน้อยที่สุด ก็ควรเรียกรถพยาบาลก่อน ไม่ควรขับหนีไปเฉยๆ แบบนี้
ถ้ามอไซด์ผิดจริงก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย เรียกตำรวจ หรืออะไร ก็ว่าไป ฯลฯ
และคลิปนี่คือ ตัวอย่างของ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ
- บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย)
==> การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม
- บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย)
==> สละเวลา ตลอดจนสละ กำลังกาย กำลังน้ำมัน และใช้สติปัญญาทำเพื่อส่วนรวม
- บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย)
==> มโนทุจริต ๓ ประการ คือ ไม่หลงงมงาย ไม่พยาบาท ไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม ฯลฯ
บุญที่สำเร็จได้ เบื้องต้นถูกชักนำจาก การเปนคนช่างสังเกตุ และ คุณธรรมพื้นฐานในจิตใจ
คือ เมตตา + กรุณา และ จิตสำนึกต่อส่วนรวม สติปัญญา
- บางคนอาจมีแค่ เมตตา คือ ขับรถเห็นคนเจ็บ แล้วสงสาร
- บางคนอาจมีแค่ เมตตา + กรุณา คือ รีบหาทางช่วยคนเจ็บก่อน เช่น โทรหาตำรวจ รถพยาบาล ฯลฯ
- แต่พี่คนนี้ มีครบทั้ง เมตตา + กรุณา จิตสำนึกต่อส่วนรวม และสติปัญญา คือ ทุกอย่างที่ทำในคลิปนี้
ตั้งแต่ชลอรถสอบถามเหตุการณ์ จากชาวบ้านแถวนั้น ตลอดจนขับตามคู่กรณี
ซึ่งการจะช่วยเหลือใคร ก็ต้องดูตาม้าตาเรือก่อน
คือ ต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือไปสร้างกรรมไม่ดีใหม่ขึ้นมาอีก
จากที่ดูในคลิป พี่คนนี้แกดูฟีลของคนที่ขับชน แล้วก็วางแผน 1 2 3 ถ้ามีอะไรฉุกเฉินตัวเองจะรับมือยังไง
ใช้วาจาสุภาพ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา ไม่ได้ใช้อารมณ์ หรือด่าทอคู่กรณี
พอเคลียร์กันได้ ก็นำคู่กรณีกลับมาจุดเกิดเหตุ และเมื่อเห็นคนเจ็บมีรถพยาบาลมารับแล้ว
จึงขอตัวไป ลักษณะแบบนี้ หาได้จากคนที่มี สติปัญญา เท่านั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กระทู้นี้อยากฝากให้หลายๆ คน ที่ยังคิดว่า บุญ คือ การเข้าวัด หรือ บริาคเงิน เพียงอย่างเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้