IEC - จุดวัดใจของผู้ถือหุ้นเดิม คุณกล้าเสี่ยงกับการ turnaround หรือไม่??

กระทู้สนทนา
มีคนวิเคราะหฺ์เกี่ยวกับ IEC เห็นว่าละเอียดดีเลยเอามาแชร์

IEC - จุดวัดใจของผู้ถือหุ้นเดิม คุณกล้าเสี่ยงกับการ turnaround หรือไม่??

เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ต้องทำการชี้แจงให้ทราบ เพราะรายย่อยมีกัน "เพียบ" ขอชี้แจงเป็นประเด็นดังนี้

1. ลดทุน โดยการลดจำนวนหุ้น หมายถึงอะไร??

IEC บอกว่า ต้องการลดทุน เพื่อนำไปล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้น และขาดทุนสะสม

ถ้าใครติดตามผลงานของผมเกี่ยวกับหุ้น TRUE ก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า ล้างขาดทุนสะสมมาแล้ว

การล้างขาดทุนสะสมนั้น ในกรณีของ TRUE ที่หุ้นยังมีพาร์ 10 บาท ก็ยังสามารถจะลดพาร์ลงมาได้

แต่ในกรณีของ IEC ที่หุ้นมีพาร์แค่ 0.10 บาท มันลดไม่ได้อีกแล้ว แล้วจะทำยังไงล่ะ บริษัทก็ต้องใช้วิธีการอื่น นั่นก็คือ การ "ลดจำนวนหุ้น" มันซะเลย โดยบริษัทกำหนดให้ลดหุ้นตามสัดส่วน 8.1 หุ้นเดิม จะลดลงมาเหลือ 1 หุ้น

หรือจะพูดง่ายๆก็คือ หุ้นที่มีอยู่จะต้องถูกรวบจาก 8.1 เหลือ 1 หุ้นนั่นเอง

แล้วราคาหุ้นล่ะจะเป็นอย่างไร??

เนื่องจากการลดทุนด้วยการลดหุ้นนี้ เป็นเพียงแค่การยักย้ายรายการใน "ส่วนของผู้ถือหุ้น" ในงบดุลเท่านั้น ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย

ดังนั้น!!!!! ตามทฤษฎี "ราคาหุ้นจะในกระดานจะต้อง คูณด้วย 8.1 เข้าไปด้วย"

ฉะนั้น หลังการลดทุนด้วยการลดจำนวนหุ้นแล้ว ราคา IEC ควรจะอยู่ที่ 0.162 - 0.243 ถ้าคิดเทียบจาก bid offer ปัจจุบันที่ 0.02 - 0.03 บาท

2. ลดทุนไปเพื่ออะไร??

บริษัทก็ชี้แจงอยู่แล้วว่า บริษัทต้องการลดทุน เพื่อนำไป "ล้างขาดทุนสะสม" และ "ล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้น" เพื่อเป็นการล้างบ้านให้สะอาด

หลังจากลดทุนไป บริษัทจะไม่มีส่วนต่ำมูลค่าหุ้นอีก และขาดทุนสะสมก็จะหมดไป และสามารถจะจ่ายปันผลได้ หากผลประกอบการ "มีกำไร"

แต่สำหรับ IEC นั้น มันยังไม่น่าจะคาดหวังได้ขนาดนั้น แต่การล้างบ้านครั้งนี้ ทำเพื่อเตรียมรอรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากนี้

3. ราคาจะขึ้นไปอยู่บริเวณที่ควรจะเป็น คือ 0.16 - 0.24 บาท ได้จริงหรือไม่??

บอกได้เลยว่า ไม่รู้ครับ!!! เพราะอะไร?? นั่นเพราะคนติดหุ้น IEC อยู่เยอะมาก สมมติมีต้นทุนอยู่ 0.03 บาท ถ้าให้ขายทิ้งที่ 0.02 บาท มันเป็นการขาดทุนถึง 33% คงไม่มีใครกล้าขาย

แต่หากมีการรวบหุ้นและต้นทุนไปอยู่ที่ 0.24 หากราคาในกระดานอยู่ที่ 0.20 บาท ถ้าจะขายก็คิดเป็นการขาดทุนแค่ไม่ถึง 20% อาจจะมีคนเทขายลงมาก็เป็นได้

ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของการรวบหุ้นเช่นนี้ก็คือ จากเดิมราคาหุ้นอยู่ที่ 0.02 บาท ยังไงเสียมันก็ลงไปได้แค่ 0.01 แล้วมันก็ลงไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่พอราคาขยับขึ้นไป 0.16 บาท มันยังเหลือช่วงให้ลงได้อีกเพียบเลย

นอกจากนั้น ที่ผมคิดว่าราคาหุ้นไม่น่าจะจับ คูณ 8.1 ได้เลยนั่นก็เพราะเรื่องของการ "เพิ่มทุน" ที่รออยู่

4. เพิ่มทุน 1.3 หมื่นล้านหุ้น จุดน่าสนใจ

หลังการลดทุนด้วยการลดหุ้น หุ้น IEC จะเหลือราว 1.5 หมื่นล้านหุ้น แต่หลังจากนั้น บริษัทมีแผนที่จะ "เพิ่มทุน" ให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวนทั้งสิ้น 1.3 หมื่นล้านหุ้น

นั่นหมายความว่า นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้ามา อาจจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ IEC ไปเลย จากเดิมที่ IEC เป็นหุ้นที่ไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นตัวเป็นตน

คาดว่า IEC คงมีรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นส่วนนี้ในใจแล้วล่ะ เพียงแต่ยังไม่เปิดเผย

แต่จุดที่น่าแปลกก็คือ ครั้งก่อนหน้านี้ที่มีการขายหุ้นแบบ PP นักลงทุนหน้าใหม่ก็ยอมเข้ามาทั้งๆที่ IEC ยังไม่ได้ล้างบ้านรอเลย แล้วทำไมครั้งนี้ IEC ถีงต้องล้างบ้านต้อนรับนักลงทุนหน้าใหม่ด้วย!!!!

นั่นแสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูง ที่นักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามานั้น อาจต้องการเข้ามาอย่างจริงๆจังๆ จึงต้องการให้ผู้ถือหุ้นเดิมรับรู้ผลขาดทุนที่เคยก่อเอาไว้ให้หมดก่อน แล้วจึงจะยอมใส่เงินเข้ามา

นั่นหมายความว่า การผันตัวไปทำธุรกิจ "พลังงาน" อาจเริ่มเห็นอะไรดีๆขึ้นมาบ้างแล้ว ทำให้มีคน "กล้า" ที่จะใส่เงินเข้ามา โดยบังคับให้บริษัทต้องล้างบ้านให้สะอาดเอี่ยม และพร้อมจ่ายปันผลได้หากบริษัทมีกำไรหลังจากนี้

5. ราคาเพิ่มทุนกำหนดมาแล้ว เหมือนเตรียมพร้อมจะจ่ายปันผลเลย

ราคาเพิ่มทุน PP กำหนดไว้ที่ 90% ของราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันทำการของราคาหุ้น IEC แต่ "ต้องไม่ต่ำกว่า 0.10 บาท"

จะเห็นว่า มีข้อความที่ว่า "ไม่ต่ำกว่า 0.10 บาท" ซึ่งเป็นราคาพาร์ นั่นหมายความจะเพิ่มทุนยังไง ก็ต้องห้ามไปทำให้เกิด "ส่วนต่ำพาร์" ในงบการเงินอีกเป็นอันขาด เพราะถ้ามี "ส่วนต่ำพาร์" ก็จะยังจ่ายปันผลไม่ได้!!!!

6. หุ้นจะไม่หนักเหมือนปัจจุบันอีกต่อไป แต่ก็ยังหนักอยู่ดีล่ะ

เดิม IEC มีหุ้นถึง 1.2 แสนล้านหุ้น ทำให้การลากราคาหุ้นทำได้ยากมาก เพราะมันมี bid offer จำนวนมหาศาลขวางอยู่

การลดจำนวนหุ้นลง ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีมาก ที่จะทำให้สภาพคล่องของหุ้นลดต่ำลง และเป็นประโยชน์ต่อการปรับตัวของหุ้นในอนาคต

เพราะหลังรวบหุ้น จะเหลือหุ้นหมุนเวียนเพียง 1.5 หมื่นล้านหุ้น และถ้ารวมหุ้นเพิ่มทุนอีก 1.3 หมื่นล้านหุ้น บริษัทนี้จะเหลือหุ้นหมุนเวียนแค่ราว 2.8 หมื่นล้านหุ้น หรือเหลือเพียงราว 1 ใน 4 ของจำนวนหุ้นเดิม หุ้นก็จะหนักน้อยลงกว่าเดิมเยอะ แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดีอ่ะนะ

เพราะหากเทียบเคียงกับ TRUE ที่มีหุ้นราว 1.5 หมื่นล้านหุ้น ก็ยังมีการวาง bid offer กันอย่างหนาแน่น แต่นี่มีถึง 3 หมื่นล้านหุ้น ก็เยอะกว่า TRUE ตั้งเท่าตัวนึงนะ

7. ทิศทางในอนาคต

สมมติแบบแย่สุดๆ ก็คือ เพิ่มทุนที่ราคาต่ำสุดคือ 0.10 บาท จะทำให้ IEC ได้เงินเข้ามาถึง 1.3 พันล้านบาท ซึ่งก็น่าจะเพียงพอที่จะใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต

แต่สิ่งที่เราต้องรู้คือ ธุรกิจโรงไฟฟ้านั้น ไม่มีอะไรหวือหวา พอเดินเครื่องก็ขายไฟให้กับ กฟผ. และก็จะได้ในส่วนของ Adder เข้ามาชดเชยด้วย มันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และคาดการณ์ได้ แต่หากต้องการให้รายได้เพิ่มขึ้น ก็ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นนี้ล่ะที่น่าห่วง เพราะถ้าเงินเพิ่มทุนหมด แล้วต้องการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม IEC จะหาเงินจากไหนมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพราะลำพัง cash flow จากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วก็ไม่น่าจะพอที่นำมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เว้นเสียแต่ว่าบริษัทจะเลือกตั้งกองทุนขึ้นมาเหมือนอย่าง อมตะ-บีกริม

สรุป

จุดนี้เป็นจุดวัดใจ และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับ IEC เลยก็ว่าได้ เพราะดูจากแผนที่วางไว้ทั้งเรื่องลดทุน เพิ่มทุน ล้างขาดทุนสะสมแล้ว เชื่อว่า IEC พร้อมแล้วที่จะมุ่งไปสู่ข้างหน้าด้วยธุรกิจ "โรงไฟฟ้า"

แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้หรอกนะ

ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับเขา แนะนำว่าถ้ารวบหุ้นแล้ว ยังพอขายได้ไม่ขาดทุน ก็น่าจะพอขายออกไปได้

แต่ถ้าอยากลุ้นกับอนาคตโรงไฟฟ้า ก็ลองถือหุ้นต่อไปดูละกัน เพราะสิ่งที่ IEC ทำ มันก็คือการล้างบ้านดีๆนี่เอง มันก็ไม่ต่างกับหุ้นพวก TTA และหุ้นอื่นๆอีกหลายตัว ที่ต้องล้างบ้านเพื่อรออนาคตที่ดีขึ้น


CR. https://www.facebook.com/wattanastock

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่