[นิยาย] มิติหัวใจ บทที่ ๒

กระทู้สนทนา
กาแฟบทนำ
กาแฟบทที่ ๑



    คุณานนท์ส่งเสียงในลำคอกระตุ้นกลุ่มนางพยาบาลที่ยังละล้าละลังปรึกษากันไม่เสร็จสิ้น ขณะที่กริ่งเรียกพยาบาลจากห้องผู้ป่วยดังซ้ำขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    “อรไปดูเองค่ะ” พยาบาลสาวแสนเรียบร้อยขันอาสาเพราะนัยต์ตาคมของคุณหมอคุณานนท์มองมาอย่างตำหนิ ร่างสูงยืดตัวยืนขึ้น ท่าทางใจดีขี้เล่นที่เห็นอยู่เป็นประจำหายไป หญิงสาวมองออกว่าคุณหมอกำลังโกรธ หากความสุภาพของเขาก็ยังบดบังอาการนั้นไว้จนแทบสังเกตไม่เห็น ปรกติแล้วเมื่อสัญญาณร้องเตือน พวกเธอจะออกไปดูผู้ป่วยโดยไม่ลังเลทันที แต่เพราะเรื่องที่พี่ทิพย์นำมาเล่าพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆไม่กี่ชั่วโมงก่อน ซ้ำห้องที่กดกริ่งเรียกนั้นยังเป็นห้องต้นเรื่องอีก

    “ไปครับ”

    ขายาวก้าวเร็วจนคนเดินตามต้องเร่งฝีเท้าให้ทันกัน เมื่อถึงที่หมายแล้วพบว่าไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินอย่างที่คิด ใบหน้าเคร่งเครียดของคุณหมอก็ค่อยคลายลง

    “ขอโทษด้วยนะคะที่กดออดไปทั้งที่ไม่จำเป็น นายเอิร์ธไม่ยอมให้เอ๋ยทิ้งไปนะค่ะ” ภัทรจารินยกมือไหว้ทั้งคุณหมอและนางพยาบาลด้วยความรู้สึกผิด

    “ไม่เป็นไรค่ะ” น้ำเสียงสดใสนั้นกระจ่างไม่แพ้เครื่องหน้าบนวงหน้าของนางพยาบาลสาว หล่อนสวยจนภัทรจารินแอบนึกชื่นชม

    “ครับ เรียกได้ แล้ว... มีอะไรหรือครับ” คนถามมองสำรวจเด็กชายระหว่างที่ขยับเข้าไปหา

    “เอ่อ คือ ตรงนี้น่ะค่ะ” ภัทรจารินชี้จุดแล้วเผลอหันกลับไปมองนางพยาบาลคนสวยซ้ำ สวยจัง

    “เอิร์ธโดน...” อาสาวรีบตะปบมือปิดปากนายตัวร้ายไม่ให้ก่อคดีซ้ำ คุณหมอขมวดคิ้วจ้องมาก่อนจะเปิดเสื้อผ้าของปฐวีดูบริเวณอื่นด้วย หรือเขาจะคิดว่าเธอทำร้ายร่างกายหลานชายตัวเอง อีตาหมอบ้า

    “เวลาแปรงฟันมีเลือดออกมั้ยครับ”

    เด็กชายสั่นหน้าหวือแล้วขยายความว่า “ไม่มีครับ มีแต่แมงกินฟัน เยอะมาก” จอมแสบลากเสียง ก ไก่ยาวเหยียดแถมอธิบายต่ออีก “อาเอ๋ยบอกว่าแมงรุมกินฟันเอิร์ธจนหลอไปหมดทั้งปากแล้ว”

    คุณานนท์หัวเราะ แกล้งส่องดูแมงกินฟันแวบหนึ่ง เมื่อเด็กชายอ้าปากกว้างจนแทบจะเห็นฟันเล็กๆเรียงครบทุกซี่ให้ดู

    “แล้วมีเลือดกำเดาไหลบ้างไหมครับ”

    “ไม่มีครับ” ภัทรจารินเองก็พยักหน้ายืนยันคำตอบของหลานชายด้วย

    คุณานนท์ลองกดจ้ำเลือดบนขาของปฐวี เด็กชายสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งแต่ไม่ร้องไห้งอแงแล้วยอมให้คลำแผลต่อ

    “เดี๋ยวหมอขอเจาะเลือดคนเก่งหน่อยนะครับ”

    คุณหมอบอกกับเด็กชายพลางส่งภาษามือให้คุณพยาบาลซึ่งพยักอย่างเข้าใจกัน ภัทรจารินมองตามหลังพยาบาลคนสวยที่กลับออกไปเตรียมอุปกรณ์  รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าคุณหมอกำลังพิจารณาเธออยู่คล้ายว่ากำลังครุ่นคิด

    “เอิร์ธเป็นอะไรหรอคะ” ความรู้สึกแปลกๆทำให้ภัทรจารินเสกลับมาถามอาการหลานชาย

    “อาจจะเป็นภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือส่วนประกอบอื่นในเลือดที่ช่วยในการทำให้เลือดแข็งตัวเร็วนั้นมีต่ำ ไม่น่ากังวลครับ ถ้าเป็นก็แค่ต้องระวังเรื่องเลือดออกง่าย”

    “แต่ว่า ผีมาจับขาเอิร์ธจริงๆนะ อาเอ๋ยก็เชื่อเอิร์ธแล้วนี่” เด็กชายป้องมือกระซิบใส่หูอาสาว แต่คุณานนท์ได้ยินทุกคำพูดของปฐวีชัดแจ๋ว
    
    “ก็เดี๋ยวคุณหมอเอาเลือดพี่เอิร์ธไปตรวจ แล้วจะได้เอายาให้กินไง ผีจะได้มาทำรอยแบบนี้กับพี่เอิร์ธไม่ได้อีก” อาสาวป้องมือกระซิบใส่หูหลานชายกลับ แต่คุณานนท์ก็ได้ยินทุกคำพูดชัดแจ๋วเหมือนกัน    

    “แล้วเราขอคุณหมอออกจากโรงพยาบาลเลยได้มั้ยอาเอ๋ย นะๆ เจาะเลือดก็ได้ แต่กลับบ้านกันเลย” นายจอมป่วนทำหน้าอ้อน แต่เธอตามใจไม่ได้ อำนาจการตัดสินใจเป็นของคุณหมอตรงหน้านี่ต่างหาก

    “แข็งแรงขึ้นเมื่อไหร่ก็กลับได้แน่นอนครับ แต่ถ้ายังอ่อนแออยู่แล้วกลับไปบ้านตอนนี้ล่ะก็ อาจจะต้องกลับมาอยู่นานกว่าเดิมอีกนะ”

    คุณหมอให้เหตุผลน่าคิด แต่เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ อ๊ะ คิดไปคิดมาก็นึกออก “ถ้างั้น ขอย้ายห้องแทนได้มั้ยครับ”

    “หมอต้องขอดูก่อนนะครับ ถ้ามีห้องว่าง วันพรุ่งนี้ก็เปลี่ยนได้”

    เด็กชายทำหน้าผิดหวัง คุณานนท์เลยต้องรีบหาทางเจรจา “เอิร์ธเห็นผีกี่ตัวครับ”

    เจอคำถามนี้เข้าปฐวีถึงกับต้องรีบคว้าเอวอาสาวมากอด อุ่นใจแล้วจึงตอบพึมพำว่า “ตัวเดียว”

    “ถ้างั้นเดี๋ยวหมอจะอยู่เป็นเพื่อนนะ มีหมอ แล้วก็คุณอา มีผู้ใหญ่ตั้งสองคน ผีสู้เราไม่ได้อยู่แล้ว” คุณหมอคุณานนท์ชี้มือนับประกอบคำอธิบายแล้วนายหลานชายของภัทรจารินก็คล้อยตาม หมันไส้นัก ทีกับเธอล่ะก็ ยอมเข้าใจง่ายๆแบบนี้เสียเมื่อไหร่

    “เอาล่ะ มาเจาะเลือดกันนะ” คุณหมอรับเข็มจากพยาบาลสาวที่เดินกลับเข้ามา ดูสิขนาดเห็นเข็มเจาะแล้วยังสงบนิ่งได้ ภัทรจารินชักนึกเลื่อมใสคุณหมอเข้าบ้างอีกคน

    “โตขึ้นอยากเป็นอะไรครับ” อาสาวรอฟัง เพราะเคยถามแต่ไม่ได้คำตอบเลยสักครั้ง

    “เอิร์ธอยากเป็นหมอ จะได้ช่วยรักษาพ่อกับแม่ แล้วก็จะได้เท่เหมือนกับคุณหมอครับ” ภัทรจารินน้ำตาหยด คำตอบที่ผิดคาดทำให้เก็บกลั้นอารมณ์ไม่อยู่จนเธอต้องแกล้งเดินไปหยิบน้ำจากกระติกมารินใส่แก้วดื่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พ้นสายตาของคุณานนท์

    “เยี่ยมเลย ไม่กลัวเข็มแบบนี้ต้องเป็นคุณหมอที่เก่งมากแน่ๆ” คนได้รับคำชมยิ้มแป้น แทบจะไม่หลงเหลืออาการของคนกลัวเข็มอีกเลย

    “ถ้ามีอะไร มาตามผมที่นี่นะครับ” คุณานนท์บอกกล่าวกับนางพยาบาลเมื่อเจาะเลือดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    “ค่ะ” พรรณอรไม่ซักถามอะไรเพิ่มเติมเขาจึงส่งยิ้มขอบคุณให้เธอ แล้วหันไปเย้าภัทรจาริน

    “ชอบหรือครับ คู่แข่งเยอะหน่อยนะ เฉพาะคุณหมอที่นี่ก็หลายคนแล้ว”

    “จะบ้า เอ้ย ไม่ใช่นะคะคุณหมอ” คนอะไรคิดผิดผีชะมัด เธอแค่ชอบมองผู้หญิงสวยเพราะชื่นชมก็เท่านั้นเอง หรือคุณหมอจะหึง ทั้งๆที่เธอก็เป็นผู้หญิงนี่น่ะนะ

    “ถ้าอย่างผมน่ะ ไม่มีคู่แข่งครับ”

    ใบหน้าหวานของคนฟังระเรื่อด้วยสีเลือด ครั้นทำตัวไม่ถูกก็หันไปหาหลานชาย “พี่เอิร์ธนอนเถอะ”

    “อาเอ๋ยเล่านิทานให้เอิร์ธฟังหน่อยนะ นะ” นายจอมยุ่งนี่ล่ะก็เวลาจะน่ารักก็น่ากอดน่าถนอมไม่น้อย แต่เวลางอแงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็น่าฟาดก้นไม่น้อยเหมือนกัน

    ภัทรจารินพยายามบ่ายเบี่ยง สุดท้ายก็ทนแรงตื้อของหลานชายไม่ไหว ต้องยอมเล่านิทานเรื่องโปรดของปฐวีรอบที่หลายร้อยแล้วอีกครั้ง

    คุณานนท์หลับตานั่งพิงโซฟาฟังนิทานอาหรับราตรี เสียงหวานชวนให้เขาเคลิ้มตามจนเกือบจะหลับไปเหมือนกัน ถ้าหากว่าหญิงสาวไม่หยุดเล่าลงเสียดื้อๆ พอหรี่ตาขึ้นมองชายหนุ่มก็พบสาเหตุ เขาแอบหัวเราะคนเล่าที่หลับไปแล้วเสียเอง แต่เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่ฟุบหลับนิ่งไปแล้วก็นึกเมื่อยคอแทน ถ้าโดนจับไปดามคอเข้าคงลำบากกันทั้งอาทั้งหลาน

    “คุณเอ๋ยไปนอนที่โซฟาเถอะครับ จะได้หลับสบายๆหน่อย” คุณานนท์โล่งใจที่หญิงสาวลุกขึ้นอย่างว่าง่าย แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น

    “เดี๋ยวครับ นั่นมันตู้เย็น” คนขี้เซาแถมยังนอนละเมอคว้าจับประตูตู้เย็นแล้วทำท่าจะมุดหัวเข้าไปนอนทั้งๆที่เปลือกตายังปิดสนิท คุณานนท์หมดหนทาง ตัดสินใจอุ้มคนหลับลึกขึ้นมา หญิงสาวส่ายศีรษะเหมือนจะปฏิเสธ แต่เมื่อพิจารณาดูกลับกลายเป็นว่าเธอกำลังเอาแก้มถูเข้ากับอกของเขาอย่างกับลูกแมว สุดท้ายคุณานนท์ก็วางหญิงสาวลงบนโซฟายาวสำเร็จ แน่นอนว่าคุณอาเอ๋ยของเด็กชายไม่รู้สึกตัวเลยแม้สักนิด

    ปฐวีรู้สึกหนาวจนตื่น เขาร้องขอผ้าห่มอีกผืนจากอาเอ๋ยแต่กลายเป็นว่าคุณอาหมอมานั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนที่ตรงคุณอาหมอเคยนั่งอยู่กลับเป็นอาเอ๋ยของเขาไปนอนม้วนอยู่แทน

    “ขอผ้าห่มหน่อยครับ” เด็กชายร้องขอดังขึ้นอีกแต่ไม่มีใครสน จนกระทั่งปฐวีเห็นคุณหมอลูบปัดผมให้ก็ตกใจ ทำไมตัวเขาถึงมีสองคน คนที่คุณหมอกำลังลูบผมให้นอนหลับอยู่บนเตียง และอีกคนก็คือเขาซึ่งกำลังนั่งทับอยู่บนตัวของตัวเอง

    ยังมีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่า เสียงร้องครวญจากตรงหน้าต่างพร้อมกับเสียงลั่นเอี๊ยดของบานพับที่ถูกผลักออก เด็กชายรีบยกมือปิดตา รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเคยเห็นภาพนั้นมาก่อนแล้ว

    “ไม่ต้องกลัวนะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้บอกกับเขา จำได้แล้ว พี่สาวคือคนที่เขาเคยเห็นว่าตัวเปียกชุ่มราวกับไปตากฝนมาคนนั้น ห้องนี้มีผีตั้งสองตัวเลยหรอ

    “ผีหรือ อาจจะเป็นนางฟ้าก็ได้นะ” นั้นสิ ตอนนี้พี่สาวตัวแห้งสนิท ดูแล้วก็สวยพอๆกับอาเอ๋ยเหมือนกัน

    “แล้ว แล้วพี่นางฟ้ามาทำไม” พ่อเอ้ยเคยสอนเขาว่าอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ ปฐวีจำได้ดี
ปรายฟ้ายิ้มเศร้า เด็กชายยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจเหตุผลของเธอ “พี่อยากเป็นเพื่อนกับเอิร์ธ ได้รึเปล่า” นั่นเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญ

    “พี่ไม่มีเพื่อนเล่นหรอครับ”

    คำถามซื่อๆชวนเอ็นดูทำให้ปรายฟ้ายิ้มออก ความกลัวของเด็กชายคลายลงมากแล้ว เธอจึงสามารถขยับเข้าไปใกล้เขาขึ้นอีกนิด

    “เคยมี คุณหมอนี่ไง แต่คุณหมอไม่เล่นกับพี่มานานแล้ว” ปรายฟ้าผายมือไปที่คุณานนท์ เขากำลังขยับผ้าห่มคลุมให้ปฐวี บางครั้งคุณก็เหมือนจะรับรู้สิ่งที่เธอคิด ทำให้ปรายฟ้าเชื่อว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขายังไม่ขาดลงเสียทีเดียว แต่บางครั้งอาการที่แสดงชัดว่าไม่รับรู้ของเขาก็บั่นทอนความหวังของเธอ

    “ทำไมล่ะครับ เอิร์ธว่าคุณหมอใจดีออก” เด็กชายชื่นชมคุณอาหมอ เพราะคุณอาหมอเก่งเหมือนกับพ่อของเขา พ่อเอ้ยไม่ขี้กลัว กล้าหาญแล้วก็ใจดีอีกด้วย

    “ใช่ ใจดีมาก แต่พอพี่กลายเป็นนางฟ้าเราก็ไม่สนิทกันอีกแล้ว”

    “งั้นเราเป็นเพื่อนกันก็ได้ เอิร์ธจะเล่นกับพี่เอง จะบอกคุณอาหมอให้ด้วยว่าพี่นางฟ้าคิดถึง” คนช่างจำนรรจาช่วยบรรเทาความเหงาให้เธอได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ กับคณาภพเขาทำให้ปรายฟ้าอบอุ่นหัวใจ แต่บางหนโทสะของเธอก็สุมเข้าจนกลายเป็นเพลิงแห่งความโกรธ เมื่อโกรธก็พาลเกลียด ยิ่งรักก็ยิ่งชัง

    “อย่าร้องนะครับ โอ๋ๆ” มือเล็กโอบรอบตัวปรายฟ้า เธอไม่เคยร้องไห้หนักแบบนี้มานานมากแล้ว

    “ต่อไปนี้เอิร์ธก็ไม่ต้องกลัวพวกผีแล้วนะ ถ้าเอิร์ธฝันพี่ก็จะมาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลเอิร์ธให้เอง ดีมั้ย” ปรายฟ้ายื่นนิ้วก้อยให้เพื่อนตัวน้อยคนใหม่ เด็กชายเกี่ยวนิ้วก้อยตอบแล้วยิ้มยิงฟัน

    “ดีที่สุดเลยครับ”

    ปรายฟ้าหลงรักเด็กชายตัวน้อยนี้เข้าเสียแล้ว ใจหนึ่งก็นึกเศร้ากับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับปฐวี หากอีกใจหนึ่งซึ่งเห็นแก่ตัวอย่างน่าชังนักกลับนึกยินดี

    “ความจริงพวกวิญญาณเขาน่าสงสารออกนะรู้มั้ยครับ” จู่ๆปรายฟ้าก็เปรยออกมา คงเป็นเพราะกระแสความทุกข์กับความเศร้าของดวงจิตในห้องนี้
    
    คิ้วหนาของเด็กชายขดขมวดเข้าหากัน “ยังไงหรอครับ”

    “เขาผิดหวัง คิดว่าไม่มีใครรัก” ปรายฟ้าอธิบาย

    “ก็เลยกระโดดหน้าต่างหรอครับ” ปฐวีไม่เข้าใจ ไม่มีใครรักแล้วทำไมไม่ทำน่ารักให้คนอื่นรัก ทำไมถึงต้องกระโดดหน้าต่างลงไปนะ

    “ใช่จ้ะ เพราะเขาไม่รู้ ไม่รู้ว่ามันเป็นบาปอย่างหนัก เขาเลยต้องมาที่นี่ แล้วกระโดดออกจากหน้าต่างแบบนี้เวลาเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆวัน”

    “ไม่ทำไม่ได้หรือครับ” ปฐวีสงสัย ใครเป็นคนบังคับลงโทษคนอื่นอย่างนี้ได้ แล้วทำโทษคนอื่นไม่เป็นบาปหรือ

    “ไม่ได้หรอกจ้ะ ถึงแม้จะไม่อยากทำ เขาผูกกรรมของตัวเองไว้แบบนี้ หนีไปไม่พ้น เขาเลยมาขอให้เอิร์ธช่วยเพราะว่าเอิร์ธส่งบุญให้เขาได้” ปรายฟ้าอธิบายอย่างที่คณาภพเคยสอนกับเธอ

    “ถ้าส่งให้แล้วเขาก็จะหยุดทำแบบนี้ได้ใช่มั้ยครับ” ความสงสารเริ่มเคลื่อนเข้ามาแทนความขลาดกลัว ทั้งยังเกิดคำถามอีกมากมาย

    “ถูกแล้วคนเก่ง เขาจะพ้นทุกข์เมื่อใช้กรรมหมดและมีบุญมากพอ” ปรายฟ้าค่อยๆไขข้อสงสัยของเด็กชายในเรื่องที่เธอพอจะรู้อย่างตื้นเขิน

    “ถ้าเขามาบอกเอิร์ธดีๆ เอิร์ธก็ไม่คงไม่กลัว”

    ปรายฟ้าลูบศีรษะเล็กๆด้วยความเอ็นดู ก่อนอธิบายว่า “เพราะบุญเขาไม่พอน่ะครับ เขาเลยมาดีๆไม่ได้”

    “ไม่เหมือนพี่นางฟ้าใช่มั้ยฮะ” ปรายฟ้าหัวเราะให้กับความช่างพูด

    “มา นอนตักพี่นะ พี่จะเล่าให้ฟัง”

ฝากติชมด้วยนะคะ อมยิ้ม07
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่