โดยทั่วไปแล้ว  ธนาคารจะไม่ได้ให้กู้เต็มตามราคาบ้าน มักให้กู้สูงสุด 80% ของราคาบ้านหรือราคาประเมิน สมมติอยากซื้อบ้าน 2.5 ล้านบาท อาจกู้ได้เต็มที่ก็ประมาณ 2 ล้านบาท จึงต้องเตรียมเงินก้อนสำหรับเป็นเงินดาวน์อีกอย่างน้อย 20% ของราคาบ้านด้วยค่ะ

ส่วนการพิจารณาว่าจะอนุมัติสินเชื่อบ้านหรือเปล่านั้น ธนาคารจะพิจารณาจาก ความสม่ำเสมอของรายได้ และความสามารถในการผ่อนในแต่ละเดือน ดูจากรายได้ และภาระผ่อนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินเชื่อรถ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด หรือหนี้บัตรเครดิตที่เราผ่อนจ่ายรายเดือนไว้ ก็นับรวมด้วยนะคะ โดยทั่วไป ธนาคารจะประเมินว่า ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 40%ของรายได้ค่ะ เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาในการผ่อนภายหลัง

สมมติเงินเดือน 30,000 บาท ภาระผ่อนหนี้แต่ละเดือนก็ไม่ควรเกิน 40% x 30,000 = 12,000 บาท ถ้าไม่มีภาระผ่อนหนี้อะไรอยู่เลย ธนาคารจะประเมินว่าสามารถผ่อนบ้านได้สูงสุดเดือนละ 12,000 บาท ส่วนกู้ได้วงเงินสูงสุดเท่าไหร่ ต้องดูอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ระยะเวลาผ่อน ยิ่งเลือกผ่อนนาน ยิ่งมีโอกาสกู้ได้วงเงินสูงมากขึ้นค่ะ

ลองมาดูกันว่า ถ้าอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 7% ต่อปี วงเงินกู้ที่ได้รับจะเป็นเท่าไหร่ คิดที่เงินเดือน 30,000 บาท และไม่มีภาระหนี้เลย
-    ผ่อน 15 ปี ไม่อยากเป็นหนี้นานมากนัก น่าจะกู้ได้สูงสุด 1.2 ล้านบาท
-    ผ่อน 20 ปี นานขึ้นอีกหน่อย น่าจะกู้ได้สูงสุด 1.3 ล้านบาท
-    ผ่อน 30 ปี ผ่อนยาวสุดๆ น่าจะกู้ได้อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท

ถ้าเลือกผ่อนที่ 15 ปี จะกู้ได้ประมาณ 1.2 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ที่ 20% ราคาบ้านที่ซื้อจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่ถ้าอยากได้บ้านราคาสูงกว่านี้ ต้องทำยังไง... ก็มีอยู่ 2 ทางเลือกที่ทำได้
1.    ผ่อนให้นานขึ้น จะช่วยให้ขอวงเงินกู้บ้านได้มากขึ้น
2.    หาผู้กู้ร่วม จะทำให้มีความสามารถในการผ่อนมากขึ้น

แล้วอย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เพิ่มขึ้นจากการมีบ้าน ทั้งค่าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง ค่าบำรุงรักษา ค่าทำประกันอัคคีภัย ค่าส่วนกลาง ฯลฯ อย่าลืมเผื่อเอาไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นบ้านที่รักของเราจะกลายเป็นภาระในอนาคตได้ค่ะ

อยากรู้ว่าเราจะซื้อบ้านได้ราคาเท่าไหร่ ลองคำนวณดูได้ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/CalToolHomeLoanMain.aspx
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้ที่  "ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่อนสบายกระเป๋า" ที่ http://k-expert.askkbank.com/Article/Pages/A2_058.aspx