คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขอตอบคำถามจากคุณ Donso ที่ถามเกี่ยวกับเรื่องโอรีซานอลนะครับ พอดีพอรู้มาบ้างและใช้แบบทำกับข้าวอยู่ครับ
>>> ก่อนอื่นขออธิบายเรื่อง"โอรีซานอล"ก่อนนะครับ
โอรีซานอล(Oryzanol) เป็นสารธรรมชาติ ที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ไม่พบในน้ำมันพืชประเภทอื่น โดยมีคุณสมบัติดังนี้
- มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL-C) ให้กับร่างกาย
- ปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนของสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ(Hot Flashes)
- ในทางCosmetic จะช่วยป้องกันแสงยูวี ทำให้ผิวหนังชุมชื้น ต้านการอักเสบ
ข้อมูลจาก www.KingRiceBranOil.com
1. Oryzanol ที่เป็นแคปซูล กับ ที่บรรจุขวดเอาไว้ทำกับข้าว ต่างกันอย่างไร
>>> เหมือนกันในเรื่องคุณสมบัติพื้นฐาน แต่จะต่างกันในเรื่องของปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) ครับ
แบบบรรจุขวดสำหรับประกอบอาหาร จะมีโอรีซานอล ในปริมาณที่น้อยกว่า เนื่องจากสูญไปจาก
กระบวนการผลิตเพื่อทำให้สามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างสะอาดปลอดภัยครับ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาการผลิต
น้ำมันรำข้าวสำหรับประกอบอาหาร ให้สามารถคงระดับสารโอรีซานอลได้ในปริมาณที่สูงพอสมควรเลยละครับ
2. ถ้าต้องการรับประทานช่วยเรื่องข้อเข่า กับ อาการวัยทอง ทานได้หรือไม่ และควรทานแบบไหน ระหว่างแคปซูล กับ บรรจุขวด ที่สอบถามข้างต้น?
>>> โอรีซานอล(Oryzanol) จะช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนของสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ(Hot Flashes)
(ตามข้อมูลข้างต้น)
สำหรับในเรื่องข้อเข่า ต้องบอกว่าอันนี้ไม่แน่ใจครับ อาจต้องไปดูงานวิจัยอีกทีครับ
>>> สามารถทานได้ทั้ง 2 แบบครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) ในน้ำมันรำข้าวมากน้อยแค่ไหน
และเรามีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะสามารถซื้อมาเพื่อมารับประทานเป็นแบบอาหารเสริมหรือไม่
แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ *เรื่องปริมาณน้ำมันและไขมันที่เราควรได้รับเข้าสู่ร่างกาย/วัน
โดยใน 1 วัน แนะนำให้บริโภคน้ำมันได้ในปริมาณ 6 ช้อนชา (ไม่รวมไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์)
*ข้อมูลจากโครงการอาหารไทย หัวใจดี ของมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ถ้าเรากินอาหารปกติทั้งของทอด ของผัด ผมว่าเราก็จะได้น้ำมันเกือบจะเกินจากคำแนะนำ* แล้วละครับ
ถ้ากินน้ำมันรำข้าว เพื่อเป็นอาหารเสริมด้วย อาจได้รับปริมาณน้ำมันเกินความต้องการของร่างกายที่ควรได้รับต่อวันครับ
ดังนั้นก็คงต้องเลือกเอาละครับ ถ้าเลือกจะทานแบบแคปซูล ก็ต้องลดปริมาณอาหารประเภททอด ผัด ลงไป แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นที่
เราจะต้องจ่าย เพื่อทานเป็นอาหารเสริม ก็สามารถใช้น้ำมันรำข้าว สำหรับประกอบอาหาร ชนิดที่มีปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) สูงๆ
ซึ่งปัจจุบันก็มีสูงถึง 8,000 ppm. เลยนะครับ(สามารถดูได้ที่ฉลากครับ)
ที่บ้านผมใช้น้ำมันรำข้าว แบบบรรจุขวดสำหรับประกอบอาหาร ใช้ประเภทเดียวเลยครับ ทำทุกเมนู
ไม่ได้ทานแบบแคปซูลเลยครับ หุหุหุ เพราะมันแพงง่าาา และคิดว่าปริมาณสารโอรีซานอลที่ได้รับจากน้ำมันรำข้าวที่มีอยู่ในแบบบรรจุขวด
ก็เพียงพอแล้ว แค่เราเลือกใช้น้ำมันรำข้าว ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพตัวเราและคนในครอบครัวแล้วครับ
ทุกวันนี้คุณแม่ทำอาหารมาให้ทานที่ออฟฟิศทุกวันเลยครับ อิอิ แม่บอกไปทานข้างนอกก็มีแต่ของไม่ดี
สุขภาพดีเราเลือกได้ครับ
>>> ก่อนอื่นขออธิบายเรื่อง"โอรีซานอล"ก่อนนะครับ
โอรีซานอล(Oryzanol) เป็นสารธรรมชาติ ที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ไม่พบในน้ำมันพืชประเภทอื่น โดยมีคุณสมบัติดังนี้
- มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL-C) ให้กับร่างกาย
- ปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนของสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ(Hot Flashes)
- ในทางCosmetic จะช่วยป้องกันแสงยูวี ทำให้ผิวหนังชุมชื้น ต้านการอักเสบ
ข้อมูลจาก www.KingRiceBranOil.com
1. Oryzanol ที่เป็นแคปซูล กับ ที่บรรจุขวดเอาไว้ทำกับข้าว ต่างกันอย่างไร
>>> เหมือนกันในเรื่องคุณสมบัติพื้นฐาน แต่จะต่างกันในเรื่องของปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) ครับ
แบบบรรจุขวดสำหรับประกอบอาหาร จะมีโอรีซานอล ในปริมาณที่น้อยกว่า เนื่องจากสูญไปจาก
กระบวนการผลิตเพื่อทำให้สามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างสะอาดปลอดภัยครับ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาการผลิต
น้ำมันรำข้าวสำหรับประกอบอาหาร ให้สามารถคงระดับสารโอรีซานอลได้ในปริมาณที่สูงพอสมควรเลยละครับ
2. ถ้าต้องการรับประทานช่วยเรื่องข้อเข่า กับ อาการวัยทอง ทานได้หรือไม่ และควรทานแบบไหน ระหว่างแคปซูล กับ บรรจุขวด ที่สอบถามข้างต้น?
>>> โอรีซานอล(Oryzanol) จะช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนของสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ(Hot Flashes)
(ตามข้อมูลข้างต้น)
สำหรับในเรื่องข้อเข่า ต้องบอกว่าอันนี้ไม่แน่ใจครับ อาจต้องไปดูงานวิจัยอีกทีครับ
>>> สามารถทานได้ทั้ง 2 แบบครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) ในน้ำมันรำข้าวมากน้อยแค่ไหน
และเรามีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะสามารถซื้อมาเพื่อมารับประทานเป็นแบบอาหารเสริมหรือไม่
แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ *เรื่องปริมาณน้ำมันและไขมันที่เราควรได้รับเข้าสู่ร่างกาย/วัน
โดยใน 1 วัน แนะนำให้บริโภคน้ำมันได้ในปริมาณ 6 ช้อนชา (ไม่รวมไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสัตว์)
*ข้อมูลจากโครงการอาหารไทย หัวใจดี ของมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ถ้าเรากินอาหารปกติทั้งของทอด ของผัด ผมว่าเราก็จะได้น้ำมันเกือบจะเกินจากคำแนะนำ* แล้วละครับ
ถ้ากินน้ำมันรำข้าว เพื่อเป็นอาหารเสริมด้วย อาจได้รับปริมาณน้ำมันเกินความต้องการของร่างกายที่ควรได้รับต่อวันครับ
ดังนั้นก็คงต้องเลือกเอาละครับ ถ้าเลือกจะทานแบบแคปซูล ก็ต้องลดปริมาณอาหารประเภททอด ผัด ลงไป แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นที่
เราจะต้องจ่าย เพื่อทานเป็นอาหารเสริม ก็สามารถใช้น้ำมันรำข้าว สำหรับประกอบอาหาร ชนิดที่มีปริมาณสารโอรีซานอล(Oryzanol) สูงๆ
ซึ่งปัจจุบันก็มีสูงถึง 8,000 ppm. เลยนะครับ(สามารถดูได้ที่ฉลากครับ)
ที่บ้านผมใช้น้ำมันรำข้าว แบบบรรจุขวดสำหรับประกอบอาหาร ใช้ประเภทเดียวเลยครับ ทำทุกเมนู
ไม่ได้ทานแบบแคปซูลเลยครับ หุหุหุ เพราะมันแพงง่าาา และคิดว่าปริมาณสารโอรีซานอลที่ได้รับจากน้ำมันรำข้าวที่มีอยู่ในแบบบรรจุขวด
ก็เพียงพอแล้ว แค่เราเลือกใช้น้ำมันรำข้าว ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพตัวเราและคนในครอบครัวแล้วครับ
ทุกวันนี้คุณแม่ทำอาหารมาให้ทานที่ออฟฟิศทุกวันเลยครับ อิอิ แม่บอกไปทานข้างนอกก็มีแต่ของไม่ดี
สุขภาพดีเราเลือกได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
น้ำมันจมูกข้าว หรือ น้ำมันรำข้าว
1. Oryzanol ที่เป็นแคปซูล กับ ที่บรรจุขวดเอาไว้ทำกับข้าว ต่างกันอย่างไร
2. ถ้าต้องการรับประทานช่วยเรื่องข้อเข่า กับ อาการวัยทอง ทานได้หรือไม่ และควรทานแบบไหน ระหว่างแคปซูล กับ บรรจุขวด ที่สอบถามข้างต้น
ขอบคุณค่ะ