หากบีทีเอสก็เคยขาดทุนมายาวนานมาก่อน แล้วเขาใช้วิธีไหนเหรอครับที่ทำให้ปัจจุบันดำเนินกิจการจนมีกำไรและจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
แบบนี้ BMCL พอจะสามารถดำเนินรอยตามบีทีเอสได้ไหมครับเนี่ย ภายในเวลาห้าปีหลังจากนี้ไป
ด้วยส่วนตัวผมเห็นว่าน่าจะทยอยสะสมทีละนิดเพื่อรอเวลาเนื่องจาก
1.รถไฟฟ้าจะค่อยๆขยายเข้าสู่ปริมณทลมากขึ้นเรื่อยๆ และจังหวัดรอบนอกก็จะมีรถไฟฟ้าไปจุดสำคัญๆเหมือนกรุงเทพ
2.เด็กรุ่นใหม่ๆทีเกิดมาจะเริ่มเคยชินกับการขึ้นรถไฟฟ้ามากกว่ารถเมล์ เหมือนกับที่เมื่อก่อนคนจะนิยมซื้อสินค้าตามร้านตึกแถว แต่ปัจจุบันเทรนด์เปลี่ยนไปเป็นเดินห้างกันหมด ร้านตึกแถวข้างทางเริ่มตาย รถไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกหลักที่คนนึกถึงก่อน
3.ที่ในเมืองแพงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินกำลังมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะซื้อไหว ผ่อนไหว คนหนีออกไปซื้อที่อยู่บริเวณรอบนอกเพราะว่าราคาถูกกว่าและเข้ามาทำงานก็ใช้บริการรถไฟฟ้าแทน
4.หากสามารถต่อสัมปทานได้เรื่อยๆ(ซึ่งผมคิดว่าสำหรับประเทศนี้แล้วอะไรก็เป็นไปได้เสมอ) ก็จะเป็นการดำเนินกิจการโดยไร้คู่แข่งเพียงแต่รายได้จะโดนจำกัดเอาไว้ระดับหนึ่งตามค่าสัมปทาน แต่หากมองในแง่ของไลฟ์สไตล์ที่คนใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักผมว่ามันมองข้ามปัญหาเรื่องนี้ได้
5.เป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง(หมายถึงรถไฟฟ้าด้วยกัน) หากคนจะใช้บริการก็จะนึกถึงแต่เจ้านี้เท่านั้น
หากเราซื้อติดพอร์ตไว้แล้วซื้อหุ้นตัวอื่นแทน จากนั้นค่อยๆเอาปันผลที่ได้จากหุ้นตัวอื่นมาแบ่งไว้ส่วนนึงทยอยซื้อเก็บไปเรื่อยๆ วิธีนี้น่าจะเวิร์คไหมครับเพราะถ้าหากหนี้หมดเมื่อไร ตอนนั้นราคาคงจะพุ่งหลายเท่าแน่ๆ
เพียงแต่จะอีกกี่ปีกว่าจะถึงวันนั้น คงต้องวัดที่ฝีมือผู้บริหารใช่ไหมครับ
BTS แต่ก่อนเหมือน BMCL เปล่าครับที่ไม่มีปันผล หนี้เยอะ
แบบนี้ BMCL พอจะสามารถดำเนินรอยตามบีทีเอสได้ไหมครับเนี่ย ภายในเวลาห้าปีหลังจากนี้ไป
ด้วยส่วนตัวผมเห็นว่าน่าจะทยอยสะสมทีละนิดเพื่อรอเวลาเนื่องจาก
1.รถไฟฟ้าจะค่อยๆขยายเข้าสู่ปริมณทลมากขึ้นเรื่อยๆ และจังหวัดรอบนอกก็จะมีรถไฟฟ้าไปจุดสำคัญๆเหมือนกรุงเทพ
2.เด็กรุ่นใหม่ๆทีเกิดมาจะเริ่มเคยชินกับการขึ้นรถไฟฟ้ามากกว่ารถเมล์ เหมือนกับที่เมื่อก่อนคนจะนิยมซื้อสินค้าตามร้านตึกแถว แต่ปัจจุบันเทรนด์เปลี่ยนไปเป็นเดินห้างกันหมด ร้านตึกแถวข้างทางเริ่มตาย รถไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกหลักที่คนนึกถึงก่อน
3.ที่ในเมืองแพงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินกำลังมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะซื้อไหว ผ่อนไหว คนหนีออกไปซื้อที่อยู่บริเวณรอบนอกเพราะว่าราคาถูกกว่าและเข้ามาทำงานก็ใช้บริการรถไฟฟ้าแทน
4.หากสามารถต่อสัมปทานได้เรื่อยๆ(ซึ่งผมคิดว่าสำหรับประเทศนี้แล้วอะไรก็เป็นไปได้เสมอ) ก็จะเป็นการดำเนินกิจการโดยไร้คู่แข่งเพียงแต่รายได้จะโดนจำกัดเอาไว้ระดับหนึ่งตามค่าสัมปทาน แต่หากมองในแง่ของไลฟ์สไตล์ที่คนใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักผมว่ามันมองข้ามปัญหาเรื่องนี้ได้
5.เป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง(หมายถึงรถไฟฟ้าด้วยกัน) หากคนจะใช้บริการก็จะนึกถึงแต่เจ้านี้เท่านั้น
หากเราซื้อติดพอร์ตไว้แล้วซื้อหุ้นตัวอื่นแทน จากนั้นค่อยๆเอาปันผลที่ได้จากหุ้นตัวอื่นมาแบ่งไว้ส่วนนึงทยอยซื้อเก็บไปเรื่อยๆ วิธีนี้น่าจะเวิร์คไหมครับเพราะถ้าหากหนี้หมดเมื่อไร ตอนนั้นราคาคงจะพุ่งหลายเท่าแน่ๆ
เพียงแต่จะอีกกี่ปีกว่าจะถึงวันนั้น คงต้องวัดที่ฝีมือผู้บริหารใช่ไหมครับ