สุชาติ ศรีสุวรรณ: ยังเหลืออะไรไว้ให้หวัง คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป มติชนออนไลน์ ..... สิ้นหวังจริงหรือ !!!!!!!

กระทู้สนทนา
คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป   มติชนรายวัน ฉบับประจำวันี่ 16 มีนาคม 2557



ก่อนหน้านั้นหลายคนหลายกลุ่ม หรือกระทั่งเรียกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศมีความเชื่อว่า
"รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน"Ž ยึดมั่นอยู่ในหลักการประชาธิปไตยจะไม่พ่ายแพ้

ถึงแม้ว่าที่สุดแล้วจะมีการยึดอำนาจโดยการใช้กำลัง แต่หลังจากนั้นจะกลับมามีอำนาจใหม่ได้
เพราะประชาชนจะยังให้ความไว้วางใจมากกว่า

เหมือนที่เคยเป็นๆ มา

นั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า ที่สุดแล้วหลักการ และความถูกต้องเป็นธรรม
ยึดมั่นในระบบเป็นหนทางที่ถูกต้อง

ความถูกต้องในหลักการจะไม่พ่ายแพ้

แต่ถึงเวลานี้สถานการณ์เริ่มชี้แล้วว่ามันไม่ใช่เสียแล้ว

ความเป็นจริงในทางการเมืองขณะนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมือนจะปิดประตูแห่งชัยชนะไปแล้ว

คาดเดาได้ชนิดแทบไม่มีทางพลิกไปเป็นอื่นว่าจะพ่ายแพ้ ต้องเดินลงจากตำแหน่งไป
อย่างสะบักสะบอม และโอกาสที่จะกลับคืนสู่อำนาจอีกของฝ่ายนี้แทบจะมองไม่เห็น

การจัดการกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำกันอย่างเป็นระบบ นาทีนี้ชัดเจนแล้วว่า
กลไกที่จะเผด็จศึกคือ "องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญŽ"

มีม็อบมวลมหาประชาชน หรือ กปปส. ภายใต้การขับเคลื่อนของพรรคประชาธิปัตย์เป็น
ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก คอยอธิบายเหตุผลสนับสนุน และตอบโต้ฝ่ายที่ต่อต้านอย่าง
เอาการเอางาน ปกป้องคุ้มครองทุกรูปแบบ

อีกชั้นหนึ่ง กองทัพให้การคุ้มครอง ม็อบ กปปส.อย่างเข้มแข็ง ในระดับที่ไม่ว่าจะเหลือ
ผู้ชุมนุมจำนวนเท่าไร ตำรวจเลิกคิดที่จะเข้าไปสลายหรือจับกุม เพราะจะถูกตอบโต้
อย่างรุนแรงทันที

เป็นการประสานงานแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ

การใช้กฎหมายของ "องค์กรอิสระ"Ž เป็นไปอย่างเข้มข้นแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ทำนอง
ว่าหลายครั้งใช้อำนาจเกินเลยไปกว่าที่กรอบกฎหมายวางไว้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จะทำเสียอย่างใครจะทำไม เมื่อมีผู้โจมตี ฝ่ายม็อบ กปปส.จะออก
มาตอบโต้แก้ต่างให้

จนที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะหลุดหลักการของการแบ่งอำนาจเพื่อคานกันไปไกลแค่ไหน
ก็จะเป็นแค่เรื่องของความเห็นต่างที่ไม่สามารถชี้ขาดว่าใครถูกใครผิด

ฝ่ายที่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ ตามการตัดสินที่ขึ้นอยู่กับ
คนตัดสินมากกว่าหลักการ

เพราะเชื่อว่าที่สุดแล้ว การยึดหลักการความชอบธรรมจะต้องชนะ

แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไป การสร้างความเกลียดชัง การสร้างกระแสต่อต้าน
เมื่อทำได้สำเร็จ ส่งผลต่อการตีความหลักการและความชอบธรรมอย่างสูงยิ่ง

สำหรับคนที่ถูกทำให้เกลียดชังเสียแล้ว จะจัดการอย่างไรย่อมไม่จำต้องไปสนใจ
เรื่องหลักการ

การขจัดบุคคลที่มวลชนเกลียดชัง เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าความคิดจะต้องไปยึดมั่น
ในหลักการอะไร

ขอเพียงให้กำจัดบุคคลที่เป็นศูนย์กลางของความเกลียดชังได้ กระทั่งการใช้อาวุธ
เข่นฆ่าก็ยังเป็นความถูกต้อง ดีงาม ควรจะได้รับการสนับสนุน

ไม่เหลือหนทางให้เป็นชัยชนะของฝ่ายที่ยึดมั่นในหลักการอีกต่อไปแล้ว

ใครที่ยังเชื่อว่าในที่สุดแล้วจะมีมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งออกมาปกป้องหลักการไว้

นั่นเป็นได้แค่ความเชื่อ

เพราะในความเป็นจริงแค่การขยับของกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะปกป้องหลักการ
การสั่งการให้ใช้อำนาจเข้าไปจัดการก็คึกคักโดยพลัน

ทั้งกลไกอำนาจรัฐ และผู้ถือกฎหมายต่างพร้อมที่จะเข้าเล่นงานควบคุม
การปกป้องหลักการนั้น

ทั้งโดยทำให้ความหมายของหลักการถูกตีความไปได้หลายแบบหลายอย่าง
เพื่อให้เกิดความสับสน และใช้อำนาจเข้าจัดการ

ให้การตีความที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ต้องการเป็นเรื่องของการต้องลงโทษทัณฑ์

ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ฝืนใจที่จะสู้ หากไม่หนักแน่นพอที่จะยืนหยัดในหลักการ

อนาคตของฝ่ายประชาธิปไตยยิ่งนับวันยิ่งมองไม่เห็น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394947723&grpid=&catid=02&subcatid=0200

เขียนแบบนี้   แปลว่า   ปลดแอกแล้วใช่ไหม ?  
ไม่ได้รับเงินจาก  คุณทักษิณ   อย่างนั้นหรือเปล่า
หรือว่ากำลังเรียกร้อง   ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่