ต่อจากกระทู้ที่แล้ว

http://ppantip.com/topic/31775075 (กระทู้ที่แล้ว)

กระทู้นี้ผมจะเล่าถึงแนวคิดของผมให้มากขึ้นนะครับ เรื่องตัวเองจะเล่าน้อยลง..

          ที่ผมบอกว่า ถ้าคุณไม่มีเงินทุนในการเริ่มธุรกิจ ให้คุณซื้อมาขายไป หาแหล่งผลิตเป็นซัพพลายเออร์ให้กับเรา ไม่ว่าคุณจะสนใจทำธุรกิจกิจอะไรก็ตาม ขอแค่คุณเข้าใจมันจริงๆ เข้าใจตลาด รู้ราคากลาง รู้แหล่งผลิต เริ่มแรกในการซื้อขาย คุณอาจจะยังไม่ได้เครดิตจากซัพพลายเออร์ เพราะคุณยังไม่มีความน่าเชื่อถือ สิ่งนี้คุณต้องสร้างมันขึ้นมา (ปกติทั่วไปในการซื้อขาย บริษัทกับบริษัท จะเป็นเครดิตเทอม 30 วัน + - แล้วแต่บริษัท) อย่างที่ผมบอก เมื่อไหร่ที่คุณได้เครดิต ชีวิตคุณรอด .. อันนี้สำคัญ เพราะคุณจะมีเงินหมุนอย่างน้อย 30 วัน ในช่วงแรกที่ทำธุรกิจ สิ่งสำคัญที่สุดคือ cash flow  
        
         และสิ่งที่อยากจะบอกกับคนที่คิดจะเริ่มธุรกิจ ก็คือ ให้เริ่มเร็ว อย่าเริ่มช้า อย่ารอให้เงินเดือนเยอะ หลายหมื่นบาท หลายแสนบาท แล้วค่อยคิดจะเริ่ม เพราะถึงเวลานั้น คุณจะติดกับ อยู่ในกรอบที่มีคนมาตีเส้นไว้ให้คุณ เพราะคุณจะ มีอะไรให้เสีย... หมายถึงว่า เมื่อคุณมีอะไรให้เสีย คุณจะไม่อยากเสียมัน การทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นบาท มาเริ่มต้นธุรกิจที่ไม่รู้ว่าจะไปรอดมั้ย เป็นการตัดสินใจที่ยาก... และเพิ่มความเสี่ยงในจิตใจ มากขึ้น

         การที่คุณเริ่มธุรกิจเร็ว มันจะทำให้คุณกล้า กล้ามากขึ้น ไม่มีอะไรจะเสีย... อายุยังน้อย ถ้าล้ม ก็ลุกใหม่ ทุนน้อย จะไปกลัวอะไร ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ใช้แรงและหัวสมอง ให้เต็มที่ครับ

         จะเริ่มธุรกิจเมื่อไหร่? รอให้พร้อมดีไหม? ถ้าเป็นผม ผมจะเริ่มก็ต่อเมื่อ ข้อมูลผมพร้อม เห็นช่องทาง.. อันนี้สำคัญครับ คุณต้องเห็นช่องทางเสียก่อน ในการที่จะซื้อ หรือจะขาย คุณต้องรู้จักตลาดก่อน คู่แข่งมีกี่ระดับ เค้าขายกันยังไง ราคาไหน คุณซื้อของได้เท่าไหร่ แล้วจะขายเท่าไหร่ ราคานี้ขายได้มั้ย คู่แข่งขายเท่าไหร่ มีช่องให้เราเดินไปมั้ย.. ถ้ามี ให้รีบลุยเลย ครับ อย่ารีรอ อย่าลังเล เพราะ มันอาจจะมีแค่ช่วงเดียวของตลาด ผมจะยกตัวอย่างเรื่องของผมให้ฟัง ..  ตอนที่ผมเริ่ม มีความคิดที่จะตั้งบริษัท เพราะผมเห็นช่องทาง คือราคาขาย บริษัทที่ผมขาย backdropสำเร็จรูป ตอนนั้นบริษัทที่ผมทำงานอยู่ขายในราคา 19,900.- แต่มีบริษัทคนจีน ขายอยู่ราคา 7,500.- โอ้... ทำไมราคาขายมันถึงต่างกันอย่างนี้ spec ก็ไม่ได้ต่างกันมาก ผมเลยมองว่า เราสามารถเสียบช่องว่างนี้มาอยู่ตรงกลางก็น่าจะอยู่ได้ เลยตัดสินใจออกจากงาน มาตั้งบริษัทขายที่ราคา 15,000.- แล้วก็ไปซื้อจากคนจีนนี้แหละเอามาขาย
ผมอยู่ในช่วงตลาดราคานี้ได้ประมาน 1 ปี ราคาสินค้าก็ตก เพราะคู่แข่งเริ่มเยอะ ขายแข่งราคากัน เป็นไปตามกลไลของตลาด ผมก็ต้องลดราคาขายลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ ต้องผลิตเองครับ ถึงจะพอสู้ราคาในตลาดได้อยู่.. เห็นมั้ยครับ ว่าถ้าคุณเห็นช่องทาง มั่นใจ ให้รีบตัดสินใจ.. อย่าลังเล ถ้าผมลังเลอีก 1 ปี ผมคงไม่มีโอกาศ ได้ใช้ช่องว่างนี้ ทำกำไรเติบโตจนเปิดโรงงานได้หรอกครับ เพราะฉะนั้น อย่ารีรอ อย่าลังเล เมื่อเห็นโอกาศ เห็นช่องทาง ต้องรีบคว้าเอาไว้

        เมื่อคุณได้เริ่มธุรกิจของคุณแล้ว ซื้อมาขายไปแล้ว คุณจะเจอปัญหาเรื่องราคา คู่แข่งขายตัดราคา ใครได้ของถูกกว่าย่อมได้เปรียบ เป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจ ที่คุณจะเจอคู่แข่งขายตัดราคา หรือราคาตลาดย่ำแย่ เป็นผลเพราะเรื่องของ demand supply เมื่อคนเห็นตลาดนี้ขายได้ ขายดี มีกำไร ย่อมมีคนอยากจะเข้ามาในตลาดของคุณแน่นอน แต่ถ้าคุณเข้ามาก่อน ศึกษามาก่อน ทำกำไรจากมันมาก่อน คุณก็ได้เปรียบคู่แข่งอยู่แล้ว การที่คุณเป็นตัวกลาง ซื้อมาขายไป ในช่วงแรกที่ตลาดยังไม่มีคู่แข่งเยอะ เป็นช่วงที่ทำกำไร แต่พอเริ่มมีการตัดราคา ราคาลงเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่มีการพัฒนา คุณจะแย่ แล้วก็จะล้มหายตายจากไปในที่สุด

        วิธีแก้ไขปัญหาเรื่องราคา ในความคิดของผมมี 2 วิธี คือ 1.ไปหาตลาดใหม่ หาอย่างอื่นทำ (เลิกทำ) เพราะทำไปก็ไม่ได้กำไร 2.คือถ้าคิดจะสู้ในตลาดนี้อยู่ เราต้องเป็น "ต้นน้ำ"  เริ่มแรกคุณซื้อมาขายไป คุณอยู่ กลางน้ำและปลายน้ำ แต่ถ้าตลาดมันย่ำแย่ ทางเดียวที่คุณจะรอดคือ คุณต้องเป็นต้นน้ำ ผลิตเอง เพราะราคาต้นทุนที่ต่ำ จะทำให้คุณสู้อยู่ในตลาดได้ และเมื่อคุณผลิตเองแล้ว คุณสามารถควบคุมคุณภาพ สู้ด้วยคุณภาพ และราคาที่เราสามารถ แข่งขันในตลาดได้แน่นอน

กระทู้หน้า จะมาเขียนใหม่นะครับ วันนี้ขอตัวไปพักผ่อนวันหยุดต่อนะครับ

ก้อนสีขาวบนท้องฟ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่