คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เป็นคำถามที่ดีมาก ขอตอบยาวนิดนึงนะครับ
ประวัติวอร์เรน บัฟเฟตต์ (น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง)
1) เขาไม่ได้รวย ตั้งแต่เกิด
2) อุปนิสัย ที่เขามีมาตั้งแต่เด็ก คือ
ประหยัด รู้จักออม กระหายความรู้
(เขาอ่านหนังสือธุรกิจ การเงิน การลงทุน รวมมากกว่า 100 เล่ม)
3) ช่วงวัยรุ่น เขาทำงานหลายอย่าง เช่น รับจ้างส่งหนังสือพิมพ์
และใช้เงินออม ในการลงทุนเล็กๆ หลายอย่าง
4) เขาได้เรียนจากเบนจามิน เกรแฮม
และได้ประยุกต์แนวคิด จนเป็นจุดกำเนิดของแนว VI
5) เขาฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก และเริ่มจัดตั้งกองทุนเล็กๆ
เขาลงทุนเพียงแค่ 100 ดอลลาร์
ที่เหลือเป็นเงินญาติและเพื่อน รวมเงินทั้งหมดได้ 105,000 ดอลลาร์
6) 6 ปีผ่านไป เงิน 105,000 เติบโตเป็น 7.2 ล้านดอลลาร์
7) ต่อมาอีก 7 ปี เขาปิดกองทุน โดยขายหุ้นหมดพอร์ต
ได้เงินรวม 100 ล้านดอลลาร์
เหลือเฉพาะหุ้นบริษัทเบิร์กไซร์ ฮาธาเวย์ ซึ่งเป็นส่วนของเขาเอง
8) บริษัทในข้อ 7) ทำกำไรให้เขาได้ดีตลอดทุกปี
เขาใช้เงินซื้ออีกหลายกิจการ
และทุกปี เขาก็ได้รับเงินสดจำนวนมาก จากกิจการเหล่านี้
และเขานำเงินสดนี้ ไปลงทุนต่อ
(สิ่งที่เขาลงทุน ได้แก่ ธุรกิจ หุ้น หุ้นกู้)
ปล. ผมพิมพ์สรุป โดยอ้างอิงจากหนังสือ
"ตามรอยวิถีเซียนลงทุน" ผู้เขียน ดร.กฤษฎา เสกตระกูล
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เอาล่ะ เริ่มต้นตอบคำถาม ทีละประเด็น
1) เขาไม่ขาย ไม่เทรด ปล่อยให้หุ้นเติบโตเรื่อยๆ หรือเปล่า ?
เขาซื้อขาย น้อยครั้งมากๆ
การซื้อขายของเขา ใช้หลักวิเคราะห์ อดทน ปราศจากอารมณ์
เขาเคยรอซื้อหุ้นตัวหนึ่ง นานถึงกว่า 26 ปี
และหุ้นวอชิงตันโพสต์ เขาถือนานถึง 30 ปี
2) เขาดวงดี เทรดหุ้นบ่อย โยกย้ายหุ้นเก่ง หุ้นขาขึ้นตลอด ?
เขาเคยกล่าวว่า "เขาผิดพลาดมากกว่าสำเร็จ แต่ที่เขารวยได้
เพราะเขากล้าขาย เงินลงทุนที่ผิดพลาด
และเขากล้าถือ เงินลงทุนที่ประสบความสำเร็จ"
3) บริษัทที่เขาซื้อ เติบโตได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เลยได้เงินเยอะกว่า ?
ข้อนี้ ผมไม่ทราบว่า บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ทำรายได้มากกว่า น้อยกว่ายังไง ขอผ่านครับ
4) เขารวยมาก่อน + เขาฉลาด ?
อันนี้ตอบแล้วในประวัติ ^^
5) เขาซื้อ แล้วไม่ขาย เขารวยได้ยังไง (หรือแค่รวยหุ้น) ?
หุ้นบริษัทเบิรกไซร์ ฮาธาเวย์
เขาซื้อเมื่อปี 1962 ราคา 7 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ปี 1998 ราคาอยู่ที่ 70,000 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ถ้าปันผลแค่ 1% ก็เป็นเงินสด 700 ดอลลาร์ต่อหุ้น
(คิดเป็น 10,000% ของเงินต้นเริ่มลงทุน)
การรวยหุ้น (หุ้นคุณภาพดี) ทำให้เรารวยจริง
เพราะสร้างเงินสดให้เราได้ทุกปี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ปล. หลายข้อมูลในคำตอบ อ้างอิงจากหนังสือ
"เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน" ผู้เขียน กวี ชูกิจเกษม
ประวัติวอร์เรน บัฟเฟตต์ (น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง)
1) เขาไม่ได้รวย ตั้งแต่เกิด
2) อุปนิสัย ที่เขามีมาตั้งแต่เด็ก คือ
ประหยัด รู้จักออม กระหายความรู้
(เขาอ่านหนังสือธุรกิจ การเงิน การลงทุน รวมมากกว่า 100 เล่ม)
3) ช่วงวัยรุ่น เขาทำงานหลายอย่าง เช่น รับจ้างส่งหนังสือพิมพ์
และใช้เงินออม ในการลงทุนเล็กๆ หลายอย่าง
4) เขาได้เรียนจากเบนจามิน เกรแฮม
และได้ประยุกต์แนวคิด จนเป็นจุดกำเนิดของแนว VI
5) เขาฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก และเริ่มจัดตั้งกองทุนเล็กๆ
เขาลงทุนเพียงแค่ 100 ดอลลาร์
ที่เหลือเป็นเงินญาติและเพื่อน รวมเงินทั้งหมดได้ 105,000 ดอลลาร์
6) 6 ปีผ่านไป เงิน 105,000 เติบโตเป็น 7.2 ล้านดอลลาร์
7) ต่อมาอีก 7 ปี เขาปิดกองทุน โดยขายหุ้นหมดพอร์ต
ได้เงินรวม 100 ล้านดอลลาร์
เหลือเฉพาะหุ้นบริษัทเบิร์กไซร์ ฮาธาเวย์ ซึ่งเป็นส่วนของเขาเอง
8) บริษัทในข้อ 7) ทำกำไรให้เขาได้ดีตลอดทุกปี
เขาใช้เงินซื้ออีกหลายกิจการ
และทุกปี เขาก็ได้รับเงินสดจำนวนมาก จากกิจการเหล่านี้
และเขานำเงินสดนี้ ไปลงทุนต่อ
(สิ่งที่เขาลงทุน ได้แก่ ธุรกิจ หุ้น หุ้นกู้)
ปล. ผมพิมพ์สรุป โดยอ้างอิงจากหนังสือ
"ตามรอยวิถีเซียนลงทุน" ผู้เขียน ดร.กฤษฎา เสกตระกูล
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เอาล่ะ เริ่มต้นตอบคำถาม ทีละประเด็น
1) เขาไม่ขาย ไม่เทรด ปล่อยให้หุ้นเติบโตเรื่อยๆ หรือเปล่า ?
เขาซื้อขาย น้อยครั้งมากๆ
การซื้อขายของเขา ใช้หลักวิเคราะห์ อดทน ปราศจากอารมณ์
เขาเคยรอซื้อหุ้นตัวหนึ่ง นานถึงกว่า 26 ปี
และหุ้นวอชิงตันโพสต์ เขาถือนานถึง 30 ปี
2) เขาดวงดี เทรดหุ้นบ่อย โยกย้ายหุ้นเก่ง หุ้นขาขึ้นตลอด ?
เขาเคยกล่าวว่า "เขาผิดพลาดมากกว่าสำเร็จ แต่ที่เขารวยได้
เพราะเขากล้าขาย เงินลงทุนที่ผิดพลาด
และเขากล้าถือ เงินลงทุนที่ประสบความสำเร็จ"
3) บริษัทที่เขาซื้อ เติบโตได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เลยได้เงินเยอะกว่า ?
ข้อนี้ ผมไม่ทราบว่า บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
ทำรายได้มากกว่า น้อยกว่ายังไง ขอผ่านครับ
4) เขารวยมาก่อน + เขาฉลาด ?
อันนี้ตอบแล้วในประวัติ ^^
5) เขาซื้อ แล้วไม่ขาย เขารวยได้ยังไง (หรือแค่รวยหุ้น) ?
หุ้นบริษัทเบิรกไซร์ ฮาธาเวย์
เขาซื้อเมื่อปี 1962 ราคา 7 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ปี 1998 ราคาอยู่ที่ 70,000 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ถ้าปันผลแค่ 1% ก็เป็นเงินสด 700 ดอลลาร์ต่อหุ้น
(คิดเป็น 10,000% ของเงินต้นเริ่มลงทุน)
การรวยหุ้น (หุ้นคุณภาพดี) ทำให้เรารวยจริง
เพราะสร้างเงินสดให้เราได้ทุกปี
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ปล. หลายข้อมูลในคำตอบ อ้างอิงจากหนังสือ
"เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน" ผู้เขียน กวี ชูกิจเกษม
แสดงความคิดเห็น
วอร์เรน บัฟเฟตต์ รวยได้อย่างไร
เขาเล่นหุ้นแล้วไม่ขาย ไม่เทรด ปล่อยให้หุ้นมันเติบโตเรื่อยๆ อย่างงั้นหรือเปล่าคับ
หรือว่าเขาดวงดี เทรดหุ้นบ่อย โยกย้ายหุ้นเก่ง ได้แต่หุ้นที่ขาขึ้น ขึ้นตลอด (เขียวอย่างเดียว)
หรือว่าบริษัทที่เขาซื้อ เติบโต เจริญได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เลยได้เงินเยอะกว่า
หรือว่าเขารวยมาแต่ก่อน (คงไม่)
หรือว่าเขาฉลาด (อันนี้มันก็แน่นอนแหละ 55+ )
แต่ผมไม่เข้าใจที่ว่าซื้อแล้วไม่ขาย ผมงง หรือว่าระหว่างที่เล่นหุ้นเขาทำงานไปด้วย แล้วเอาเงินที่ทำงาน ยัดลงหุ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีขาย
ไม่ขายแล้วมันจะรวยได้ยังไงอ่า งง หรือว่าจิงๆเงินที่เขามีเขาไม่ได้รวย แต่จำนวนหุ้นที่เขามี เป็นจำนวนมูลค่าที่มาก(รวยหุ้น)
เพราะเท่าที่ทราบมา เขาก็ไม่ได้รวยมาตั้งแต่ก่อนนิคับ มีคนรวยกว่าเขาเล่นหุ้นเยอะแยะ ที่เขาเอาเงินซื้อรถ มาซื้อหุ้น ผมก็ งง
ขอบคุณพี่ๆคับ