ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่คนเป็นพ่อแม่ที่อยู่ในระบบการศึกษา และลูกกำลังอยู่ในรอยต่อของช่วงชั้นการศึกษาที่ต้องพาลูกไปสอบเข้าสถานศึกษาชื่อดังทั้งหลาย ไม่ว่าจะเข้าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, มัธยมศึกษาปีที่ 1 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 4 ต่างก็กำลังตกอยู่ในสภาวะเครียดด้วยกันทั้งนั้น !
ลูกใครสอบติด พ่อแม่ผู้ปกครองก็ยกภูเขาออกจากอก หลังจากที่กรำศึกหนัก ส่งลูกไปเรียนกวดวิชากันหน้ามืด ชนิดทุกวันหลังเลิกเรียน และทุกวันเสาร์อาทิตย์อีกต่างหาก
เรียกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเหล่านี้ก็ต้องตกอยู่ในวังวนนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นระบบการศึกษาแบบนี้ไปได้
ส่วนลูกใครที่ประกาศผลว่าสอบไม่ติด ช่วงนี้ก็เป็นช่วงวิ่งกันขาขวิด เพื่อหาทางให้ลูกเข้าโรงเรียนที่ตั้งใจไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจำพวกนี้ ตอนนี้กำลังเข้าสู่ภาวะความเครียดมาก ถึงเครียดที่สุด และพยายามวิ่งหาเส้นสายกันอุตลุต พร้อมกับเตรียมเงินก้อนเอาไว้สำหรับค่าบำรุงการศึกษาหรือค่าแป๊ะเจี๊ยะนั่นแหละ !!
แปลกนะ..พ่อแม่ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าอยากเข้าโรงเรียนชื่อดัง ต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ แต่ผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการกลับพูดในทางตรงกันข้าม และบอกว่าไม่มีนโยบาย ทั้งยังท้าถ้าโรงเรียนไหนเรียกแป๊ะเจี๊ยะให้แจ้งมาอีกต่างหาก
และแน่นอนโรงเรียนก็ต้องปฏิเสธ แต่คนเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองทุกคนต่างรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองก็จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะ เพราะเกรงว่าจะกระทบลูก และกลัวว่าลูกจะไม่ได้เรียนในที่แห่งนั้น
ความทุกข์ใจของพ่อแม่ในเรื่องลูกยุคนี้ ไม่มีเรื่องไหนเท่าเรื่อง การหาโรงเรียนให้ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางที่ฝากความหวังไว้ว่าถ้าลูกได้เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนั้นๆ แล้วจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การศึกษาที่ดีต่อไปในอนาคต และด้วยค่านิยมที่ปลูกฝังรากลึกมาอย่างยาวนานว่าอยากให้ลูกเข้าโรงเรียนชื่อดัง ก็เลยทำให้เกิดระบบการจ่ายเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะกันสนั่นโรงเรียน
ก่อนหน้านี้เคยมีรัฐบาลหนึ่งประกาศจะขจัดเรื่องแป๊ะเจี๊ยะให้หมดไปในระบบการศึกษา ซึ่งดูดีมาก แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาเรื่องนี้ได้หยั่งรากลึกลงในสังคมไทย อย่างชนิดที่ถ้าไม่เอาจริงเอาจัง ไม่แก้ทั้งระบบไม่มีทางแก้ได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ผ่านมาอีกรัฐบาลหนึ่งบอกว่าจะเอาแป๊ะเจี๊ยะขึ้นมาอยู่บนดิน จะเปิดโอกาสให้โรงเรียนเรียกเก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะได้ เพราะมีผู้ปกครองส่วนหนึ่งพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ลูกหลานได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพสูง จึงควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองกลุ่มนี้ร่วมระดมทรัพยากรให้โรงเรียนเพื่อตอบสนองเป้าประสงค์นั้น
............................................................................................................................................
ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องเงินกินเปล่าหรือแป๊ะเจี๊ยะ สร้างปัญหามากมาย และส่งผลกระทบต่อการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องโอกาสและความเท่าเทียมด้านการศึกษา ซึ่งยิ่งขยายช่องว่างของโอกาสในการได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของคนรวยกับคนจน และกระทบไปถึงมาตรฐานของโรงเรียนแต่ละแห่งซึ่งไม่เท่ากัน เป็นเรื่องที่แก้ได้ยาก
เอาแค่ปัญหาเรื่องการแบ่งห้องเด็กภายในโรงเรียนเดียวกันยังเกิดปัญหาขึ้นมากมาย เช่น ห้องพิเศษ, ห้อง EP, ห้องกิ๊ฟเต็ด เรียกว่าแทบจะไม่มีใครอยากให้ลูกเรียนห้องธรรมดากันเลยทีเดียว
ทำไปทำมากลายเป็นการแบ่งชนชั้นกันเองภายในโรงเรียน เด็กที่เรียนห้อง EP ก็จะมีความรู้สึกว่าตนเหนือกว่าเด็กห้องธรรมดา กลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก!
ความคาดหวังของผู้คนในชาติคือ อยากเห็นการศึกษาในบ้านเราเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทุกวันนี้โครงสร้างการศึกษาในบ้านเราก็เอื้อให้กับคนมีเงินมากกว่าอยู่แล้ว มีเงินทำให้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่า ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเด็กก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และฐานะยากจนก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรับชะตากรรมเช่นนั้นมิใช่หรือ
ทุกวันนี้ ปัญหาเรื่องโครงสร้างการศึกษาในบ้านเราก็หนักหน่วงกันอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องคุณภาพทางการศึกษา ปัญหาบุคลากร ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ฯลฯ
แปะเจี๊ยะไม่มีวันตาย พิษร้ายทำลายเด็กและเยาวชน !!! ในช่วงเปิดเทอม
ลูกใครสอบติด พ่อแม่ผู้ปกครองก็ยกภูเขาออกจากอก หลังจากที่กรำศึกหนัก ส่งลูกไปเรียนกวดวิชากันหน้ามืด ชนิดทุกวันหลังเลิกเรียน และทุกวันเสาร์อาทิตย์อีกต่างหาก
เรียกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเหล่านี้ก็ต้องตกอยู่ในวังวนนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นระบบการศึกษาแบบนี้ไปได้
ส่วนลูกใครที่ประกาศผลว่าสอบไม่ติด ช่วงนี้ก็เป็นช่วงวิ่งกันขาขวิด เพื่อหาทางให้ลูกเข้าโรงเรียนที่ตั้งใจไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจำพวกนี้ ตอนนี้กำลังเข้าสู่ภาวะความเครียดมาก ถึงเครียดที่สุด และพยายามวิ่งหาเส้นสายกันอุตลุต พร้อมกับเตรียมเงินก้อนเอาไว้สำหรับค่าบำรุงการศึกษาหรือค่าแป๊ะเจี๊ยะนั่นแหละ !!
แปลกนะ..พ่อแม่ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าอยากเข้าโรงเรียนชื่อดัง ต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ แต่ผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการกลับพูดในทางตรงกันข้าม และบอกว่าไม่มีนโยบาย ทั้งยังท้าถ้าโรงเรียนไหนเรียกแป๊ะเจี๊ยะให้แจ้งมาอีกต่างหาก
และแน่นอนโรงเรียนก็ต้องปฏิเสธ แต่คนเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครองทุกคนต่างรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองก็จ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะ เพราะเกรงว่าจะกระทบลูก และกลัวว่าลูกจะไม่ได้เรียนในที่แห่งนั้น
ความทุกข์ใจของพ่อแม่ในเรื่องลูกยุคนี้ ไม่มีเรื่องไหนเท่าเรื่อง การหาโรงเรียนให้ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ชนชั้นกลางที่ฝากความหวังไว้ว่าถ้าลูกได้เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนั้นๆ แล้วจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การศึกษาที่ดีต่อไปในอนาคต และด้วยค่านิยมที่ปลูกฝังรากลึกมาอย่างยาวนานว่าอยากให้ลูกเข้าโรงเรียนชื่อดัง ก็เลยทำให้เกิดระบบการจ่ายเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะกันสนั่นโรงเรียน
ก่อนหน้านี้เคยมีรัฐบาลหนึ่งประกาศจะขจัดเรื่องแป๊ะเจี๊ยะให้หมดไปในระบบการศึกษา ซึ่งดูดีมาก แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาเรื่องนี้ได้หยั่งรากลึกลงในสังคมไทย อย่างชนิดที่ถ้าไม่เอาจริงเอาจัง ไม่แก้ทั้งระบบไม่มีทางแก้ได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ผ่านมาอีกรัฐบาลหนึ่งบอกว่าจะเอาแป๊ะเจี๊ยะขึ้นมาอยู่บนดิน จะเปิดโอกาสให้โรงเรียนเรียกเก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะได้ เพราะมีผู้ปกครองส่วนหนึ่งพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ลูกหลานได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพสูง จึงควรเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองกลุ่มนี้ร่วมระดมทรัพยากรให้โรงเรียนเพื่อตอบสนองเป้าประสงค์นั้น
............................................................................................................................................
ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องเงินกินเปล่าหรือแป๊ะเจี๊ยะ สร้างปัญหามากมาย และส่งผลกระทบต่อการศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องโอกาสและความเท่าเทียมด้านการศึกษา ซึ่งยิ่งขยายช่องว่างของโอกาสในการได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของคนรวยกับคนจน และกระทบไปถึงมาตรฐานของโรงเรียนแต่ละแห่งซึ่งไม่เท่ากัน เป็นเรื่องที่แก้ได้ยาก
เอาแค่ปัญหาเรื่องการแบ่งห้องเด็กภายในโรงเรียนเดียวกันยังเกิดปัญหาขึ้นมากมาย เช่น ห้องพิเศษ, ห้อง EP, ห้องกิ๊ฟเต็ด เรียกว่าแทบจะไม่มีใครอยากให้ลูกเรียนห้องธรรมดากันเลยทีเดียว
ทำไปทำมากลายเป็นการแบ่งชนชั้นกันเองภายในโรงเรียน เด็กที่เรียนห้อง EP ก็จะมีความรู้สึกว่าตนเหนือกว่าเด็กห้องธรรมดา กลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก!
ความคาดหวังของผู้คนในชาติคือ อยากเห็นการศึกษาในบ้านเราเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทุกวันนี้โครงสร้างการศึกษาในบ้านเราก็เอื้อให้กับคนมีเงินมากกว่าอยู่แล้ว มีเงินทำให้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่า ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเด็กก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และฐานะยากจนก็ไม่ได้หมายความว่าต้องรับชะตากรรมเช่นนั้นมิใช่หรือ
ทุกวันนี้ ปัญหาเรื่องโครงสร้างการศึกษาในบ้านเราก็หนักหน่วงกันอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องคุณภาพทางการศึกษา ปัญหาบุคลากร ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ฯลฯ