มีคนชอบมาถามผมบ่อยๆ โดยเฉพาะคนอกหัก
ว่าทำยังไงให้ลืม
ทำอย่างไรความเจ็บช้ำในวันนั้นจึงจะหายไป
ผมมักจะบอกไปเสมอว่า เมื่อใดที่เรารัก เราจะหมดสิทธิ์ใช้คำว่าลืม
คนที่เรารักจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
บางครั้งติดไปถึงชาติหน้าโน่นเลย
แต่สำหรับบางคน ที่เราไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ
ไม่ว่าจะยามตื่นหรือหลับฝัน
เพราะใบหน้า รอยยิ้ม ความทรงจำทั้งหมดที่เป็นเขา
มันกลายเป็นสิ่งที่โหดร้าย คอยตอกย้ำความเสียใจ ความพ่ายแพ้ ความเจ็บช้ำของเรา
เราจึงพยายามที่จะลืม พยายามที่จะลบภาพทุกอย่างทิ้งไปจากใจ
ในฐานะที่ผมเป็นผู้บุกเบิกด้านการลืม
ทำการทดลองวิธีต่างๆที่จะลืมความเสียใจ ลืมใครบางคน
ผมทำมาหมดแล้วครับ ตั้งแต่กรณีเล็กน้อยไปยันคอขาดบาดตาย
ผมขอสรุปจากประสบการณ์ของผมเองว่า
สิ่งที่มากที่สุดที่เราจะทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เราทำได้แค่ กดมันไว้ เก็บมันไว้
ทิ้งมันลงกล่องแล้วมัดเชือกให้แน่นหนา
เก็บมันไว้ในซอกความทรงจำที่ลึกที่สุด
และก็คิดซะว่ากล่องนั้นหายไปแล้ว
เราทำได้แค่นั้นเอง
แต่มันไม่เคยหายไปไหน เราแค่หลอกตัวเองว่า มันไม่อยู่แล้ว
วันดีคืนดี มันจะแอบกลับมาครับ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่
มันก็ยังสามารถกลับมาได้เสมอ
มันไม่เคยหายไปจากใจเราหรอก
เพราะฉะนั้น แค่คุณคิดจะลบ คิดจะลืม
คุณก็ผิดแล้ว
สิ่งที่คุณควรทำ ไม่ใช่การลืม
แต่คือการมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปต่างหาก
อะไรเหรอคือสายตาที่เปลี่ยนไป
ลองคิดดูนะ มนุษย์เราเปลี่ยนไปตามเวลา
เมื่อคุณโตขึ้น ความคิดคุณก็จะเปลี่ยนไปด้วย
สิ่งที่คุณเคยกลัวตอนเด็กๆ ส่วนใหญ่แล้วมันก็จะหายไปเมื่อคุณโตขึ้น
เพราะอะไร ทำไมเราถึงหายกลัวสิ่งที่เราเคยกลัว
ก็เพราะเราโตขึ้น เราเปลี่ยนไป เราไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว
พอเห็นรึยังครับว่าผมกำลังจะบอกเรื่องอะไร
เมื่อคุณเสียใจเพราะใครสักคน
เจ็บปวดแสนสาหัส ร้องไห้ฟูมฟายล้มคว่ำอยู่ตรงนั้น
คุณจะไม่มีวันหาย ถ้าคุณยังอยู่ตรงนั้น
ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน
ปล่อยให้ตัวเราเปลี่ยนไปตามวัฎจักรของโลก
และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อเราเปลี่ยนไปมากพอ
สิ่งที่เคยทำเราเจ็บ ภาพที่เคยเบือนหน้าหนี
เพลงที่เคยฟังแล้วร้องไห้ คนที่เคยทำเราเสียใจ
จะไม่มีผลอะไรกับเราเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ไม่ใช่เพราะเราลืม
ไม่ใช่เพราะกาลเวลาทำให้แผลมันจางลง
แต่เพราะเราต่างหากที่เปลี่ยนไปแล้ว
เหมือนกับที่เราหายกลัวสิ่งที่กลัวตอนเด็กๆ
แล้วเราก็จะเดินต่อไป พบกับสิ่งใหม่ๆ
ทิ้งความเจ็บช้ำไว้ในอดีต ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอดีต
“ไม่เคยมีใครสามารถข้ามสายน้ำสายเดิมได้ถึง2ครั้ง
เพราะเวลาผ่านไป สายน้ำได้เปลี่ยนไปแล้ว
และคนคนนั้นก็ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน”
แต่ถามว่าเราลืมมันไหม
เราไม่เคยลืมมันหรอกครับ
เราไม่มีวันลืม…..
หากในค่ำคืนหนึ่ง ที่ความเดียวดายมาเยี่ยมเยือน
ความทรงจำเก่าๆที่เคยทำร้ายผุดขึ้นมา
จงยิ้มรับมันอย่างเข้าใจ
และถ้าคุณเปลี่ยนไปมากพอ
คุณจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันได้ โดยไม่เจ็บปวดอีกแล้ว
แล้วคุณจะรู้สึกภูมิใจ ที่ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างปลอดภัย
คุณอาจแม้กระทั่งคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น วันที่คุณยังเป็นคนเก่าอยู่
แม้จะไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิม แต่คุณอาจจะเสียดายตัวเองคนเก่า
เหมือนอย่างที่ผมรู้สึกในบางครั้ง
แต่ถ้าคุณยังเปลี่ยนไปไม่มากพอ
ภาพเหล่านั้นยังทำให้คุณเสียน้ำตาอยู่
จงเก็บมันใส่กล่องไว้ตามเดิม ซ่อนมันไว้ในมุมที่ลึกที่สุดในใจอย่างเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป ภาพของกล่องใบนั้นค่อยๆจางลง จนเลือนหายไป
คุณจะลืมนึกถึงมัน ใช้ชีวิตต่อไป
แต่ถ้าวันหนึ่งมันจะแอบย่องมายืนอยู่ตรงหน้าคุณ
ก็อย่าตกใจเลยครับ มันไม่ได้หายไปไหนหรอก
เป็นมุมมองที่ดีนะครับ ผมรู้สึกแบบนั้น
"บทความมุมมองความรักดีดี" จาก พี่ปอย portrait
ว่าทำยังไงให้ลืม
ทำอย่างไรความเจ็บช้ำในวันนั้นจึงจะหายไป
ผมมักจะบอกไปเสมอว่า เมื่อใดที่เรารัก เราจะหมดสิทธิ์ใช้คำว่าลืม
คนที่เรารักจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
บางครั้งติดไปถึงชาติหน้าโน่นเลย
แต่สำหรับบางคน ที่เราไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ
ไม่ว่าจะยามตื่นหรือหลับฝัน
เพราะใบหน้า รอยยิ้ม ความทรงจำทั้งหมดที่เป็นเขา
มันกลายเป็นสิ่งที่โหดร้าย คอยตอกย้ำความเสียใจ ความพ่ายแพ้ ความเจ็บช้ำของเรา
เราจึงพยายามที่จะลืม พยายามที่จะลบภาพทุกอย่างทิ้งไปจากใจ
ในฐานะที่ผมเป็นผู้บุกเบิกด้านการลืม
ทำการทดลองวิธีต่างๆที่จะลืมความเสียใจ ลืมใครบางคน
ผมทำมาหมดแล้วครับ ตั้งแต่กรณีเล็กน้อยไปยันคอขาดบาดตาย
ผมขอสรุปจากประสบการณ์ของผมเองว่า
สิ่งที่มากที่สุดที่เราจะทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เราทำได้แค่ กดมันไว้ เก็บมันไว้
ทิ้งมันลงกล่องแล้วมัดเชือกให้แน่นหนา
เก็บมันไว้ในซอกความทรงจำที่ลึกที่สุด
และก็คิดซะว่ากล่องนั้นหายไปแล้ว
เราทำได้แค่นั้นเอง
แต่มันไม่เคยหายไปไหน เราแค่หลอกตัวเองว่า มันไม่อยู่แล้ว
วันดีคืนดี มันจะแอบกลับมาครับ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่
มันก็ยังสามารถกลับมาได้เสมอ
มันไม่เคยหายไปจากใจเราหรอก
เพราะฉะนั้น แค่คุณคิดจะลบ คิดจะลืม
คุณก็ผิดแล้ว
สิ่งที่คุณควรทำ ไม่ใช่การลืม
แต่คือการมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปต่างหาก
อะไรเหรอคือสายตาที่เปลี่ยนไป
ลองคิดดูนะ มนุษย์เราเปลี่ยนไปตามเวลา
เมื่อคุณโตขึ้น ความคิดคุณก็จะเปลี่ยนไปด้วย
สิ่งที่คุณเคยกลัวตอนเด็กๆ ส่วนใหญ่แล้วมันก็จะหายไปเมื่อคุณโตขึ้น
เพราะอะไร ทำไมเราถึงหายกลัวสิ่งที่เราเคยกลัว
ก็เพราะเราโตขึ้น เราเปลี่ยนไป เราไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว
พอเห็นรึยังครับว่าผมกำลังจะบอกเรื่องอะไร
เมื่อคุณเสียใจเพราะใครสักคน
เจ็บปวดแสนสาหัส ร้องไห้ฟูมฟายล้มคว่ำอยู่ตรงนั้น
คุณจะไม่มีวันหาย ถ้าคุณยังอยู่ตรงนั้น
ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน
ปล่อยให้ตัวเราเปลี่ยนไปตามวัฎจักรของโลก
และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อเราเปลี่ยนไปมากพอ
สิ่งที่เคยทำเราเจ็บ ภาพที่เคยเบือนหน้าหนี
เพลงที่เคยฟังแล้วร้องไห้ คนที่เคยทำเราเสียใจ
จะไม่มีผลอะไรกับเราเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ไม่ใช่เพราะเราลืม
ไม่ใช่เพราะกาลเวลาทำให้แผลมันจางลง
แต่เพราะเราต่างหากที่เปลี่ยนไปแล้ว
เหมือนกับที่เราหายกลัวสิ่งที่กลัวตอนเด็กๆ
แล้วเราก็จะเดินต่อไป พบกับสิ่งใหม่ๆ
ทิ้งความเจ็บช้ำไว้ในอดีต ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอดีต
“ไม่เคยมีใครสามารถข้ามสายน้ำสายเดิมได้ถึง2ครั้ง
เพราะเวลาผ่านไป สายน้ำได้เปลี่ยนไปแล้ว
และคนคนนั้นก็ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน”
แต่ถามว่าเราลืมมันไหม
เราไม่เคยลืมมันหรอกครับ
เราไม่มีวันลืม…..
หากในค่ำคืนหนึ่ง ที่ความเดียวดายมาเยี่ยมเยือน
ความทรงจำเก่าๆที่เคยทำร้ายผุดขึ้นมา
จงยิ้มรับมันอย่างเข้าใจ
และถ้าคุณเปลี่ยนไปมากพอ
คุณจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันได้ โดยไม่เจ็บปวดอีกแล้ว
แล้วคุณจะรู้สึกภูมิใจ ที่ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างปลอดภัย
คุณอาจแม้กระทั่งคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น วันที่คุณยังเป็นคนเก่าอยู่
แม้จะไม่อยากกลับไปเจ็บเหมือนเดิม แต่คุณอาจจะเสียดายตัวเองคนเก่า
เหมือนอย่างที่ผมรู้สึกในบางครั้ง
แต่ถ้าคุณยังเปลี่ยนไปไม่มากพอ
ภาพเหล่านั้นยังทำให้คุณเสียน้ำตาอยู่
จงเก็บมันใส่กล่องไว้ตามเดิม ซ่อนมันไว้ในมุมที่ลึกที่สุดในใจอย่างเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป ภาพของกล่องใบนั้นค่อยๆจางลง จนเลือนหายไป
คุณจะลืมนึกถึงมัน ใช้ชีวิตต่อไป
แต่ถ้าวันหนึ่งมันจะแอบย่องมายืนอยู่ตรงหน้าคุณ
ก็อย่าตกใจเลยครับ มันไม่ได้หายไปไหนหรอก
เป็นมุมมองที่ดีนะครับ ผมรู้สึกแบบนั้น