รีวิวแบบสั้น แต่ยาว
(ขออนุญาตรีวิวละเอียดบางเพลง และข้ามบางเพลง)
Dir en grey live at Nippon Budokan -dum spiro spero- day2
วันนี้เรานั่งหลังเกือบสุดเหมือนเดิม เพราะไม่มีเงิน 555 ปีนี้ดูหลายรอบเกิน แต่ไม่กังวลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะระบบเสียงคุณภาพเยี่ยม วันนี้รู้สึกเซทดีกว่าเมื่อวานด้วยซ้ำค่ะ (จริงๆ ระบบเสียงของวันแรก ช่วงแรกมีเสียงที่ดังไป แตกออก บอกไม่ถูกในเพลงแรก แต่วันนี้หมดจดมากค่ะ)
ทันทีที่ไฟดับลง เสียงกรีดร้องดังกระหึ่ม เอฟเฟคต์เปิดตัวคล้ายเมื่อวาน แต่ไม่มีอินโทรแนะนำสมาชิกขึ้น จากนั้นสมาชิกทุกคนค่อยๆ เดินขึ้นเวทีมา ค่อนข้างเร็ว รวมทั้งkyoขึ้นมาไม่ห่างกันเหมือนทุกครั้ง
สมาชิกทุกคนยืนนิ่ง ไฟมืด เสียงในฮอลล์เงียบลง
ทันใดนั้น ไฟสาดไปที่shinya และเพลงที่ทำเราตกใจเพราะไม่นึกฝันว่าจะได้ยินในไลฟ์ก็ดังขึ้น และนี่คือsetlistช่วงแรกค่ะ
KYOUKOTSU NO NARI
MACABRE -SANAGI NO YUME NO AGEHA NO HANE- (2013 Ver.)
RUTEN NO TOU
HAGESHISA TO, KONO MUNE NO NAKA DE KARAMITSUITA SHAKUNETSU NO YAMI
"YOKUSOU NI DREAMBOX" ARUIWA SEIJUKU NO RINEN TO TSUMETAI AME
JUUYOKU
DECAYED CROW
Bottom of the death valley (With Kimi ga yo intro played by Toshiya on bass)
INWARD SCREAM
KASUMI (2013 Ver.)
SAJOU NO UTA
KODOKU NI SHISU, YUENI KODOKU.
INWARD SCREAM
THE BLOSSOMING BEELZEBUB
KARMA (2013 Ver.)
Unraveling
DIABOLOS
Encore:
RINKAKU
umbrella (First time since 2006)
RASETSUKOKU (2011 Ver.)
SUSTAIN THE UNTRUTH
Encore 2:
THE FINAL
Encore 3:
-Saku-
เสียงแรกที่ดังขึ้น คือเสียงกลอง shinyaตีได้ดุดันหนักแน่น เข้ากับอารมณ์เพลง แฟนๆ ปรบมือตามจังหวะอย่างเมามัน เป็นคอนที่มันตั้งแต่ยังไม่จบประโยคแรกของเพลงแรกด้วยซ้ำ
ช่วงกลางเพลง เป็นท่อนที่kaoruสลับกันเล่นกับdie คล้ายประลองฝีมือกัน ไฟสาดสลับกันระหว่างทั้งคู่
จากนั้นมีท่อนที่toshiya leadขึ้นมา เรียกว่าขึ้นมาแทรกอย่างเร้าใจ
เพลงนี้เสียงสูงสุดของคำร้อง สูงมากๆ ซึ่งในcdร้องเหมือนหลบเสียงนิดหน่อย แต่ในไลฟ์ร้องเต็มเสียงค่ะ ตอนฟังถึงท่อนนั้น เราขนลุกไปหมด คิดว่าrangeเสียงkyoกว้างขึ้นกว่าเดิม ปากสั่น มือสั่น อยากจะกรี๊ดแล้วพุ่งหลาวไปหาเฮียเคียวให้ได้
ใกล้จบเราเกิดสงสัยขึ้นมา ปกติdirจะเล่นเพลงยาวๆ ของตัวเอง คอนละอย่างมาก 1 เพลง แต่นี่เล่น macabreไปแล้ว แล้วdiabolosล่ะ
ไม่มีเวลาสงสัยนาน ยอมรับว่าตอนฟังmacabreในcd รู้สึกว่าทำใหม่ได้ดี แต่ไม่ใช่เพลงที่กระชากหู จึงกลับมาฟังไม่บ่อยนัก แต่พอฟังกับไลฟ์แบบนี้แล้ว ทั้งอารมณ์ ทั้งการเน้นเสียง เอฟเฟคต์บนเวทีช่วยเน้นเครื่องดนตรีที่เด่นในขณะนั้น ไกด์หูของเรา ให้จับจดไปยังเครื่องดนตรีชิ้นที่สมควรตั้งใจฟัง จบเพลงนี้ สาบานกับตัวเอง จะรีบกลับไปฟังซ้ำ ซ้ำไปซ้ำมา
ไลฟ์นี้ของmacabreเล่นได้ดีมาก ขับอารมณ์เพลงซึ่งเข้าใจยากออกมาอย่างเด่นชัด เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เครื่องดนตรีที่เด่นสุดตลอดงาน น่าชมมากคือกลอง รู้สึกว่าเพลงนี้ ดำเนินได้สมูทลื่นไหล เพราะกลองเป็นฐานล้วนๆ ขากลองมาฟังเพลงไลฟ์นี้ อาจจิตหลุดได้ค่ะ
เพลงนี้ตอนจบชาวบ้านเค้าตะโกนชื่อสมาชิกที่ตนประทับใจ แต่เราละอยากตะโกน อีกรอบได้ม้ายยยย ให้มันรู้แล้วรู้รอดจริงๆ (แต่คงไม่มีใครฟังออก)
ถัดมา เพลงที่ชื่อยาวที่สุดในสามโลก แน่นอนเป็นเพลงเด่นเพลงมัน และเดอเล่นบ่อยกำลังมือขึ้น ไม่มีจุดติ จำได้ชัดเจน ท่อนที่kyoร้อง Drive like hell and destroy ฮอลล์เงียบมาก ทุกคนรอคำนี้อย่างใจจดใจจ่อ
Yokoso ni drambox และ juuyoku รับลูกต่อจาก hageshisa กระชากอารมณ์ผู้ชมให้พุ่งแรง กลางเพลง juuyoku kyoตะโกนเรียก budokan เป็นครั้งแรกของวันนั้น ทั่วทั้วฮอลล์ส่งเสียงตอบรับอย่างลืมตาย
Decayed crow จขกท จิตหลุดไปแล้ว ณ จุดนี้ รู้แต่มันมากๆ มันมากๆ มันมากๆ เสียงกลองกระหึ่มขึ้นลงเป็นจังหวะ ท่อนร้องในไลฟ์เรียกร้องให้ผู้ชมร้องตาม ทุกคนชูมือ ร้องตะโกนตอบกลับ เรียกอารมณ์คนให้ดำดิ่งสู่เพลงมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังเพลงจบ ไฟดับลง ไฟส่องที่toshiya stepนี้มั่นใจต้องเป็นเพลงที่เรารอคอย bottom of the death valley
แต่ก่อนที่เพลงจริงจะขึ้น toshiyaค่อยดีดเบสเป็นท่วงทำนองอย่างหนึ่ง ไพเราะเพราะพริ้ง รู้สึกคุ้นเหมือนเคยฟังที่ไหนแต่นึกไม่ออก ทั่วทั้งฮอลล์ยืนนิ่ง เงียบงัน ทราบทีหลังว่า นี่คือ kimigayo เพลงชาติญี่ปุ่น เพลงชาติที่เก่าแก่ที่สุด(ที่ยังใช้อยู่) สั้นที่สุด และมีความหมายลึกซึ้ง
Bottom of the death valleyจึงเริ่มขึ้นจากนั้น
versionใหม่นี้ ท่อนที่ทุกคนขึ้นพร้อมกัน ให้อารมณ์อลังการยิ่งใหญ่ บางครั้งเรานึกไปถึงเพลงคลาสสิคบางชิ้น ไลฟ์นี้ไม่ทำให้ผิดหวัง อลังการได้มาตรฐาน แต่ไม่ถึงขั้นเหนือความคาดหมาย (อาจเพราะช่วงmacabreอลังมากกกกก เลยหวังลึกๆ ว่าเพลงนี้จะพีคเกินที่คาดไว้ตอนแรก)
ตัดอารมณ์ด้วย inward scream ปกติช่วงนี้เป็นช่วงที่เราแอบหาว 555 แต่คอนนี้เราตั้งใจดูมากค่ะ ยอมรับว่าไม่ถึงขั้นอิน แต่ไม่อาจละสายตาได้
ต่อด้วย kasumi รอบนี้เล่นอย่างมืดมนทีเดียว สกรีนเพลย์ด้านหลังฉายภาพการ์ตูนเงาที่ดูแปลกประหลาดส่อเค้าน่ากลัว
ตัดอารมณ์ด้วย sajou no uta แบบมาได้ไง เพลงนี้ขึ้นมาอารมณ์ของฮอลล์เปลี่ยนไปเป็นสดใสขึ้น ทุกคนฟังอย่างร่าเริง ร้องตามบางจังหวะ
จบเพลง ต่อด้วยkodoku ni shizu เพลงนี้ ฟังจากcd นับว่ามันในระดับไม่ธรรมดา ทว่า ฟังในไลฟ์
...แม่ม!!!!
แม่มมมม โคดดด มันส์!!!! อ๊ากกกกกกกกก
เขียนถึงตอนนี้ จขกท ยังจำรสชาติความมันตอนนั้นได้ดี ในตัวเพลงจะมีท่อนที่ร้องซ้ำไปซ้ำมา แต่เร็วขึ้นดังขึ้น ถึงจุดหนึ่งตะเปลี่ยนเป็นอีกท่อน เป็นท่อนโยกมันๆ climaxของเพลงอยู่ที่ช่วงเปลี่ยนท่อน ซึ่งมีสองครั้ง เดิมถ้าจำไม่ผิด ท่อนที่ร้องซ้ำไปมา kyoก็เคยร้องสลับกับให้คนดูร้อง ครั้งนี้ รอบแรกพี่แกก็ทำเหมือนเดิมค่ะ เราคนดูก็มันกันร้องตอบ ประกอบกับวงเล่นได้หนักขึ้นมาก นับว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว แต่พอถึงรอบสอง kyoร้องเองไปเรื่อยจนเกือบรอบสุดท้าย แกก็ร้องดังมาก จากนั้นยื่นไมค์ให้คนดู ตอนนั้นรู้สึกอัดอั้นอยากร้องสุดๆ ทั้งฮอลล์ส่งเสียงไปดังมาก kyoเอาไมค์กลับไปร้องเองรอบสุดท้าย ดังสุดๆ แล้วต่อด้วยท่อนถัดมาทันที กรี๊ดพร้อมคำรามอย่างโหด ทั้งฮอลล์บ้างกรี๊ดบ้างโยก เป็นจุดที่มันที่สุด ของเพลง และมันที่สุดจุดหนึ่งของไลฟ์อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าเก้าอี้ข้างหน้ามันสูงกว่านี้ จขกท เอาหัวโขกตายไปแล้วค่ะ มันแบบไม่สามารถอธิบายได้
Inward screamอีกรอบ ซึ่งkyoทำได้ดีมาก แต่สาวกเดนตายเคียวอย่างเราอยากบอกว่า พี่คะ ขอโทษนะคะ แต่ขอoutward screamแบบเมื่อกี้อีกรอบได้มั้ยคะ (สาวกเคียวอย่าเพิ่วปลดเราจากการเป็นเพื่อนนะคะ 555 เพลงก่อนหน้ามันมันเกินไปจริงๆ)
ต่อด้วย blossoming beelzebub เพลงเดียวของ dum spiro speroที่เล่นทั้งสองวัน ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้ โชว์ความงามของเสียง และสะท้อนอารมณ์ภายในต่างๆ เป็นเพลงที่เหมาะยืนฟัง แล้วค่อยๆ ลิ้มรสไปเรื่อยๆ (แต่บางทีเราก็โยก555)
Unraveling เพลงที่เรารอมานานแสนนาน ไลฟ์นี้เปิดpvตัวเต็ม ซึ่งสาวกรอดูในยูทูปมาเป็นปี แม่มไม่ปล่อยซักที ฉายขึ้นสกรีนเพลย์ด้านหลัง
Unravelingนี่เรารอฟังเบสเป็นการเฉพาะ แต่กีต้าร์ช่วงแรก เสียงแหลมเปรียวเนียนมาก กระชากอารมณ์ให้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ตามด้วยเสียงเบส นำเพลงไปยังทิศทางที่ต้องการ ลึกลับ หวาดผวา
ข้อเสียเดียวของเพลงนี้คือ เปิดpvตัวเต็มซึ่งkyoในpv เต้นแรงมาก และหน้าใสมาก5555 ทำให้เรามองแต่จอ ไม่มองของจริง
หลังunravelingจบ ขึ้นต่อด้วยเพลงที่ไม่มีไม่ได้ diabolos
เพลงนี้เราตั้งใจฟังมาก(จริงๆ ก็ตั้งใจฟังทุกเพลง555) เพราะจากในcd เป็นเพลงที่เราเฉยๆ อยากรู้ว่าถ้าเล่นเป็นฟ์แล้วจะเป็นอย่างไร
หลังเพลงจบ ความรู้สึกตอนนั้นแบบ จบแล้วเหรอ ไม่น้าาาา ทำไมสั้นจัง (ซึ่งความจริง14เพลงแล้ว อย่างเยอะ) แฟนๆ ต่างนั่งลง บ้างพักเหนื่อย บ้างเม้าธ์กับเพื่อน ปกติเดอจะencore 1 ครั้งทุกครั้งเป็นdefaultอยู่แล้ว ทำให้ช่วงนี้ ทุกคนดูเฉย ถือเป็นช่วงพัก
สักพัก ด้านล่าง ตรงหลุมเริ่มตะโกนร้องencore ดังขึ้นๆ เราตะโกนตาม คนรอบข้างเริ่มเอาบ้าง ผ่านไปสักพัก เสียงเริ่มดังขึ้นๆ เดอจึงออกมาอีกครั้ง
เสียงเพลงrinkakuดังขึ้น เราแอบกรี๊ดในใจ เพลงนี้เรียบเรียงดี ละเอียด และเป็นเพลงที่สวยงามมาก ครั้งก่อนได้ฟังในไลฟ์ เต็มตื้นเกือบร้องไห้ ครั้งนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง สมาชิกในวงเองก็เครื่องร้อนเต็มที่ เครื่องดนตรีทุกชิ้นเล่นได้ลื่นไหล เรียบเนียน และประสานกันไม่ผิดพลาด ช่วงหลังจากคำว่า minerva แล้วเครื่องดนตรีค่อยขึ้นจนพร้อมกันนั้น ทุกชิ้นเล่นขึ้นพร้อมกัน ประสานกันตรงเป๊ะ ด้วยระดับเสียง และเราอยากใช้คำว่า หนักแน่น มากกว่าปกติ ทำให้เป็นท่อนที่พิเศษมาก
ลังจบrinkaku เสียงเพลงค่อยดังขึ้นต่อ ตกใจถึงขั้นมากค่ะ เมื่อวานaoi tsuki วันนี้ umnrella แม่เจ้าาาา อัลไล ยังไงเนี่ย พอเพลงนี้ขึ้น เสียงกรี๊ดกระหึ่มดังทั่วฮอลล์ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นสนุกสนาน ท่อนที่ร้อง hey missgirl kyoวิ่งไปมาทั่วทั้งเวที ยื่นไมค์ไปด้านโน้นด้านนี้ ให้แฟนๆ ช่วยร้องตาม ส่วนคนอื่นๆ ก็สลับกันมายืนด้านหน้า โบกไม้โบกมือ โชว์ตัวให้สาวกกรี๊ดกันสนั่น เป็นช่วงเพลงที่น่าประทับใจ
ตัดอารมณ์สดใส ต่อความสนุก เพิ่มความมันด้วยrasetsu nokoku ver.2011 แบบเดียวกันกับที่เล่นที่ WOA2011 ฉบับนี้มันโคตร ทั่วฮอลล์ร้อนแรงอีกครั้ง
หลังจบเพลง kyoพูดอะไรสองสามประโยค คนข้างเราหัวเราะใหญ่เลยค่ะ ก่อนจะตะโกนคำที่เรา ไม่อยากได้ยินที่สุด
lastttt songggggg !!!!!
Intro sustain the untruthดังขึ้น เสียงกรี๊ดดังสนั่น เพลงนี้ถูกเล่นไปแล้วเมื่อวาน ทั้งที่วันติดกัน แต่ครั้งนี้เรารู้สึกแปลกไป sustain the untruthวันนี้ ร้อนแรงมาก มันมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่ได้มีท่อนที่เพิ่มมา หรือโน้ต หรือเอฟเฟคต์ที่ต่างออกไป แต่กลับมัน มันอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นเพลงเดียวกันกับเมื่อวาน กับในcdที่ฟัง เราเลือกไม่ถูก ระหว่างตั้งใจดูสมาชิกในวงแต่ละคนว่าเล่นอย่างไร กับheadbangให้สมกับความมันของมัน
ในที่สุดคอนเสิร์ตก็ปตัวอย่างยิ่งใหญ่
แต่มันยังไม่จบ
[CR] รีวิวแบบไม่สด DIR EN GREY live at Nippon Budukan 2014 -dum spiro spero- day 2
(ขออนุญาตรีวิวละเอียดบางเพลง และข้ามบางเพลง)
วันนี้เรานั่งหลังเกือบสุดเหมือนเดิม เพราะไม่มีเงิน 555 ปีนี้ดูหลายรอบเกิน แต่ไม่กังวลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะระบบเสียงคุณภาพเยี่ยม วันนี้รู้สึกเซทดีกว่าเมื่อวานด้วยซ้ำค่ะ (จริงๆ ระบบเสียงของวันแรก ช่วงแรกมีเสียงที่ดังไป แตกออก บอกไม่ถูกในเพลงแรก แต่วันนี้หมดจดมากค่ะ)
ทันทีที่ไฟดับลง เสียงกรีดร้องดังกระหึ่ม เอฟเฟคต์เปิดตัวคล้ายเมื่อวาน แต่ไม่มีอินโทรแนะนำสมาชิกขึ้น จากนั้นสมาชิกทุกคนค่อยๆ เดินขึ้นเวทีมา ค่อนข้างเร็ว รวมทั้งkyoขึ้นมาไม่ห่างกันเหมือนทุกครั้ง
สมาชิกทุกคนยืนนิ่ง ไฟมืด เสียงในฮอลล์เงียบลง
ทันใดนั้น ไฟสาดไปที่shinya และเพลงที่ทำเราตกใจเพราะไม่นึกฝันว่าจะได้ยินในไลฟ์ก็ดังขึ้น และนี่คือsetlistช่วงแรกค่ะ
KYOUKOTSU NO NARI
MACABRE -SANAGI NO YUME NO AGEHA NO HANE- (2013 Ver.)
RUTEN NO TOU
HAGESHISA TO, KONO MUNE NO NAKA DE KARAMITSUITA SHAKUNETSU NO YAMI
"YOKUSOU NI DREAMBOX" ARUIWA SEIJUKU NO RINEN TO TSUMETAI AME
JUUYOKU
DECAYED CROW
Bottom of the death valley (With Kimi ga yo intro played by Toshiya on bass)
INWARD SCREAM
KASUMI (2013 Ver.)
SAJOU NO UTA
KODOKU NI SHISU, YUENI KODOKU.
INWARD SCREAM
THE BLOSSOMING BEELZEBUB
KARMA (2013 Ver.)
Unraveling
DIABOLOS
Encore:
RINKAKU
umbrella (First time since 2006)
RASETSUKOKU (2011 Ver.)
SUSTAIN THE UNTRUTH
Encore 2:
THE FINAL
Encore 3:
-Saku-
เสียงแรกที่ดังขึ้น คือเสียงกลอง shinyaตีได้ดุดันหนักแน่น เข้ากับอารมณ์เพลง แฟนๆ ปรบมือตามจังหวะอย่างเมามัน เป็นคอนที่มันตั้งแต่ยังไม่จบประโยคแรกของเพลงแรกด้วยซ้ำ
ช่วงกลางเพลง เป็นท่อนที่kaoruสลับกันเล่นกับdie คล้ายประลองฝีมือกัน ไฟสาดสลับกันระหว่างทั้งคู่
จากนั้นมีท่อนที่toshiya leadขึ้นมา เรียกว่าขึ้นมาแทรกอย่างเร้าใจ
เพลงนี้เสียงสูงสุดของคำร้อง สูงมากๆ ซึ่งในcdร้องเหมือนหลบเสียงนิดหน่อย แต่ในไลฟ์ร้องเต็มเสียงค่ะ ตอนฟังถึงท่อนนั้น เราขนลุกไปหมด คิดว่าrangeเสียงkyoกว้างขึ้นกว่าเดิม ปากสั่น มือสั่น อยากจะกรี๊ดแล้วพุ่งหลาวไปหาเฮียเคียวให้ได้
ใกล้จบเราเกิดสงสัยขึ้นมา ปกติdirจะเล่นเพลงยาวๆ ของตัวเอง คอนละอย่างมาก 1 เพลง แต่นี่เล่น macabreไปแล้ว แล้วdiabolosล่ะ
ไม่มีเวลาสงสัยนาน ยอมรับว่าตอนฟังmacabreในcd รู้สึกว่าทำใหม่ได้ดี แต่ไม่ใช่เพลงที่กระชากหู จึงกลับมาฟังไม่บ่อยนัก แต่พอฟังกับไลฟ์แบบนี้แล้ว ทั้งอารมณ์ ทั้งการเน้นเสียง เอฟเฟคต์บนเวทีช่วยเน้นเครื่องดนตรีที่เด่นในขณะนั้น ไกด์หูของเรา ให้จับจดไปยังเครื่องดนตรีชิ้นที่สมควรตั้งใจฟัง จบเพลงนี้ สาบานกับตัวเอง จะรีบกลับไปฟังซ้ำ ซ้ำไปซ้ำมา
ไลฟ์นี้ของmacabreเล่นได้ดีมาก ขับอารมณ์เพลงซึ่งเข้าใจยากออกมาอย่างเด่นชัด เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เครื่องดนตรีที่เด่นสุดตลอดงาน น่าชมมากคือกลอง รู้สึกว่าเพลงนี้ ดำเนินได้สมูทลื่นไหล เพราะกลองเป็นฐานล้วนๆ ขากลองมาฟังเพลงไลฟ์นี้ อาจจิตหลุดได้ค่ะ
เพลงนี้ตอนจบชาวบ้านเค้าตะโกนชื่อสมาชิกที่ตนประทับใจ แต่เราละอยากตะโกน อีกรอบได้ม้ายยยย ให้มันรู้แล้วรู้รอดจริงๆ (แต่คงไม่มีใครฟังออก)
ถัดมา เพลงที่ชื่อยาวที่สุดในสามโลก แน่นอนเป็นเพลงเด่นเพลงมัน และเดอเล่นบ่อยกำลังมือขึ้น ไม่มีจุดติ จำได้ชัดเจน ท่อนที่kyoร้อง Drive like hell and destroy ฮอลล์เงียบมาก ทุกคนรอคำนี้อย่างใจจดใจจ่อ
Yokoso ni drambox และ juuyoku รับลูกต่อจาก hageshisa กระชากอารมณ์ผู้ชมให้พุ่งแรง กลางเพลง juuyoku kyoตะโกนเรียก budokan เป็นครั้งแรกของวันนั้น ทั่วทั้วฮอลล์ส่งเสียงตอบรับอย่างลืมตาย
Decayed crow จขกท จิตหลุดไปแล้ว ณ จุดนี้ รู้แต่มันมากๆ มันมากๆ มันมากๆ เสียงกลองกระหึ่มขึ้นลงเป็นจังหวะ ท่อนร้องในไลฟ์เรียกร้องให้ผู้ชมร้องตาม ทุกคนชูมือ ร้องตะโกนตอบกลับ เรียกอารมณ์คนให้ดำดิ่งสู่เพลงมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังเพลงจบ ไฟดับลง ไฟส่องที่toshiya stepนี้มั่นใจต้องเป็นเพลงที่เรารอคอย bottom of the death valley
แต่ก่อนที่เพลงจริงจะขึ้น toshiyaค่อยดีดเบสเป็นท่วงทำนองอย่างหนึ่ง ไพเราะเพราะพริ้ง รู้สึกคุ้นเหมือนเคยฟังที่ไหนแต่นึกไม่ออก ทั่วทั้งฮอลล์ยืนนิ่ง เงียบงัน ทราบทีหลังว่า นี่คือ kimigayo เพลงชาติญี่ปุ่น เพลงชาติที่เก่าแก่ที่สุด(ที่ยังใช้อยู่) สั้นที่สุด และมีความหมายลึกซึ้ง
Bottom of the death valleyจึงเริ่มขึ้นจากนั้น
versionใหม่นี้ ท่อนที่ทุกคนขึ้นพร้อมกัน ให้อารมณ์อลังการยิ่งใหญ่ บางครั้งเรานึกไปถึงเพลงคลาสสิคบางชิ้น ไลฟ์นี้ไม่ทำให้ผิดหวัง อลังการได้มาตรฐาน แต่ไม่ถึงขั้นเหนือความคาดหมาย (อาจเพราะช่วงmacabreอลังมากกกกก เลยหวังลึกๆ ว่าเพลงนี้จะพีคเกินที่คาดไว้ตอนแรก)
ตัดอารมณ์ด้วย inward scream ปกติช่วงนี้เป็นช่วงที่เราแอบหาว 555 แต่คอนนี้เราตั้งใจดูมากค่ะ ยอมรับว่าไม่ถึงขั้นอิน แต่ไม่อาจละสายตาได้
ต่อด้วย kasumi รอบนี้เล่นอย่างมืดมนทีเดียว สกรีนเพลย์ด้านหลังฉายภาพการ์ตูนเงาที่ดูแปลกประหลาดส่อเค้าน่ากลัว
ตัดอารมณ์ด้วย sajou no uta แบบมาได้ไง เพลงนี้ขึ้นมาอารมณ์ของฮอลล์เปลี่ยนไปเป็นสดใสขึ้น ทุกคนฟังอย่างร่าเริง ร้องตามบางจังหวะ
จบเพลง ต่อด้วยkodoku ni shizu เพลงนี้ ฟังจากcd นับว่ามันในระดับไม่ธรรมดา ทว่า ฟังในไลฟ์
...แม่ม!!!!
แม่มมมม โคดดด มันส์!!!! อ๊ากกกกกกกกก
เขียนถึงตอนนี้ จขกท ยังจำรสชาติความมันตอนนั้นได้ดี ในตัวเพลงจะมีท่อนที่ร้องซ้ำไปซ้ำมา แต่เร็วขึ้นดังขึ้น ถึงจุดหนึ่งตะเปลี่ยนเป็นอีกท่อน เป็นท่อนโยกมันๆ climaxของเพลงอยู่ที่ช่วงเปลี่ยนท่อน ซึ่งมีสองครั้ง เดิมถ้าจำไม่ผิด ท่อนที่ร้องซ้ำไปมา kyoก็เคยร้องสลับกับให้คนดูร้อง ครั้งนี้ รอบแรกพี่แกก็ทำเหมือนเดิมค่ะ เราคนดูก็มันกันร้องตอบ ประกอบกับวงเล่นได้หนักขึ้นมาก นับว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว แต่พอถึงรอบสอง kyoร้องเองไปเรื่อยจนเกือบรอบสุดท้าย แกก็ร้องดังมาก จากนั้นยื่นไมค์ให้คนดู ตอนนั้นรู้สึกอัดอั้นอยากร้องสุดๆ ทั้งฮอลล์ส่งเสียงไปดังมาก kyoเอาไมค์กลับไปร้องเองรอบสุดท้าย ดังสุดๆ แล้วต่อด้วยท่อนถัดมาทันที กรี๊ดพร้อมคำรามอย่างโหด ทั้งฮอลล์บ้างกรี๊ดบ้างโยก เป็นจุดที่มันที่สุด ของเพลง และมันที่สุดจุดหนึ่งของไลฟ์อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าเก้าอี้ข้างหน้ามันสูงกว่านี้ จขกท เอาหัวโขกตายไปแล้วค่ะ มันแบบไม่สามารถอธิบายได้
Inward screamอีกรอบ ซึ่งkyoทำได้ดีมาก แต่สาวกเดนตายเคียวอย่างเราอยากบอกว่า พี่คะ ขอโทษนะคะ แต่ขอoutward screamแบบเมื่อกี้อีกรอบได้มั้ยคะ (สาวกเคียวอย่าเพิ่วปลดเราจากการเป็นเพื่อนนะคะ 555 เพลงก่อนหน้ามันมันเกินไปจริงๆ)
ต่อด้วย blossoming beelzebub เพลงเดียวของ dum spiro speroที่เล่นทั้งสองวัน ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้ โชว์ความงามของเสียง และสะท้อนอารมณ์ภายในต่างๆ เป็นเพลงที่เหมาะยืนฟัง แล้วค่อยๆ ลิ้มรสไปเรื่อยๆ (แต่บางทีเราก็โยก555)
Unraveling เพลงที่เรารอมานานแสนนาน ไลฟ์นี้เปิดpvตัวเต็ม ซึ่งสาวกรอดูในยูทูปมาเป็นปี แม่มไม่ปล่อยซักที ฉายขึ้นสกรีนเพลย์ด้านหลัง
Unravelingนี่เรารอฟังเบสเป็นการเฉพาะ แต่กีต้าร์ช่วงแรก เสียงแหลมเปรียวเนียนมาก กระชากอารมณ์ให้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ตามด้วยเสียงเบส นำเพลงไปยังทิศทางที่ต้องการ ลึกลับ หวาดผวา
ข้อเสียเดียวของเพลงนี้คือ เปิดpvตัวเต็มซึ่งkyoในpv เต้นแรงมาก และหน้าใสมาก5555 ทำให้เรามองแต่จอ ไม่มองของจริง
หลังunravelingจบ ขึ้นต่อด้วยเพลงที่ไม่มีไม่ได้ diabolos
เพลงนี้เราตั้งใจฟังมาก(จริงๆ ก็ตั้งใจฟังทุกเพลง555) เพราะจากในcd เป็นเพลงที่เราเฉยๆ อยากรู้ว่าถ้าเล่นเป็นฟ์แล้วจะเป็นอย่างไร
หลังเพลงจบ ความรู้สึกตอนนั้นแบบ จบแล้วเหรอ ไม่น้าาาา ทำไมสั้นจัง (ซึ่งความจริง14เพลงแล้ว อย่างเยอะ) แฟนๆ ต่างนั่งลง บ้างพักเหนื่อย บ้างเม้าธ์กับเพื่อน ปกติเดอจะencore 1 ครั้งทุกครั้งเป็นdefaultอยู่แล้ว ทำให้ช่วงนี้ ทุกคนดูเฉย ถือเป็นช่วงพัก
สักพัก ด้านล่าง ตรงหลุมเริ่มตะโกนร้องencore ดังขึ้นๆ เราตะโกนตาม คนรอบข้างเริ่มเอาบ้าง ผ่านไปสักพัก เสียงเริ่มดังขึ้นๆ เดอจึงออกมาอีกครั้ง
เสียงเพลงrinkakuดังขึ้น เราแอบกรี๊ดในใจ เพลงนี้เรียบเรียงดี ละเอียด และเป็นเพลงที่สวยงามมาก ครั้งก่อนได้ฟังในไลฟ์ เต็มตื้นเกือบร้องไห้ ครั้งนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง สมาชิกในวงเองก็เครื่องร้อนเต็มที่ เครื่องดนตรีทุกชิ้นเล่นได้ลื่นไหล เรียบเนียน และประสานกันไม่ผิดพลาด ช่วงหลังจากคำว่า minerva แล้วเครื่องดนตรีค่อยขึ้นจนพร้อมกันนั้น ทุกชิ้นเล่นขึ้นพร้อมกัน ประสานกันตรงเป๊ะ ด้วยระดับเสียง และเราอยากใช้คำว่า หนักแน่น มากกว่าปกติ ทำให้เป็นท่อนที่พิเศษมาก
ลังจบrinkaku เสียงเพลงค่อยดังขึ้นต่อ ตกใจถึงขั้นมากค่ะ เมื่อวานaoi tsuki วันนี้ umnrella แม่เจ้าาาา อัลไล ยังไงเนี่ย พอเพลงนี้ขึ้น เสียงกรี๊ดกระหึ่มดังทั่วฮอลล์ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นสนุกสนาน ท่อนที่ร้อง hey missgirl kyoวิ่งไปมาทั่วทั้งเวที ยื่นไมค์ไปด้านโน้นด้านนี้ ให้แฟนๆ ช่วยร้องตาม ส่วนคนอื่นๆ ก็สลับกันมายืนด้านหน้า โบกไม้โบกมือ โชว์ตัวให้สาวกกรี๊ดกันสนั่น เป็นช่วงเพลงที่น่าประทับใจ
ตัดอารมณ์สดใส ต่อความสนุก เพิ่มความมันด้วยrasetsu nokoku ver.2011 แบบเดียวกันกับที่เล่นที่ WOA2011 ฉบับนี้มันโคตร ทั่วฮอลล์ร้อนแรงอีกครั้ง
หลังจบเพลง kyoพูดอะไรสองสามประโยค คนข้างเราหัวเราะใหญ่เลยค่ะ ก่อนจะตะโกนคำที่เรา ไม่อยากได้ยินที่สุด
lastttt songggggg !!!!!
Intro sustain the untruthดังขึ้น เสียงกรี๊ดดังสนั่น เพลงนี้ถูกเล่นไปแล้วเมื่อวาน ทั้งที่วันติดกัน แต่ครั้งนี้เรารู้สึกแปลกไป sustain the untruthวันนี้ ร้อนแรงมาก มันมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่ได้มีท่อนที่เพิ่มมา หรือโน้ต หรือเอฟเฟคต์ที่ต่างออกไป แต่กลับมัน มันอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นเพลงเดียวกันกับเมื่อวาน กับในcdที่ฟัง เราเลือกไม่ถูก ระหว่างตั้งใจดูสมาชิกในวงแต่ละคนว่าเล่นอย่างไร กับheadbangให้สมกับความมันของมัน
ในที่สุดคอนเสิร์ตก็ปตัวอย่างยิ่งใหญ่
แต่มันยังไม่จบ