ท้าวความถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยต่อสู้ ดิ้นรนมา เริ่มจากฐานะทางบ้านเราไม่ดี จน ไม่มีสมบัติอะไรเลย พ่อแม่เราไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดิน ตอนนี้เช่าบ้านอยู่ (เรากำลังซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า สร้างกระแสเงินสด และนำเงินค่าเช่ามาซื้อบ้านให้พ่อแม่) (คอนโดเราเก็บเงินสดซื้อได้แล้ว ขาดอีกนิดหน่อย หาเงินอีกประมาณ 1 ปีก็โปะได้)
การศึกษา : อย่างที่บอก เราเริ่มจาก 0 พ่อแม่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงินส่งเสียเรา เราเรียนโรงเรียนวัดไม่เสียเงินและหาทุนเรียนเองมาตลอด ได้ทุนตลอดเพราะเรียนดี เรียนเก่ง ความประพฤติเรียบร้อย ขยัน
จบ ปวช.ก็ทำงาน Part time เสาร์-อาทิตย์ (ก่อนหน้านั้นเราทำงานรับจ็อบไปเรื่อย ๆ ทั้งล้างจาน เก็บของเก่าขาย ได้เงินเล็กน้อย เราทำมาหมด) ทำงาน Part time จนจบ ปวส. หางานประจำที่มีรายได้เป็นรายเดือนเงินเดือน start 7,500 อยู่ไปอยู่มาบริษัทปรับฐานได้เป็น 9,500 จันทร์-ศุกร์ ก็ทำงาน เสาร์-อาทิตย์ เรียนปริญญาตรี
โดยค่าเล่าเรียนทั้งหมดเราหาด้วยตัวเอง แถมมีเงินเหลือเก็บ หลังจากนั้น เราก็ลาออกจากที่เก่ามาได้งานที่ใหม่เงินเดือนใหม่สูงกว่าเดิมประมาณ 70% เป็นบริษัทชั้นนำ พูดชื่อไปคนในวงการรถต้องรู้จัก ตอนนี้ก็ยังทำอยู่
รูปร่างหน้าตา : จัดว่าดีพอใช้ (มีคนเค้าชม) หน้าตาต้อนรับแขกตลอด เคยประกวดดาวคณะได้รองชนะเลิศ
ถึงแม้จะกำเนิดเกิดในสลัมแต่ตอนนี้ย้ายออกมาเช่าบ้านที่สังคมดีกว่าเดิมมากแล้ว
นิสัย : รักการลงทุน สนุกกับการหาเงิน ชอบขายของ มีความมุ่งมั่นว่าสักวันจะเปลี่ยนฐานะตัวเองจากคนเคยจน มาเป็นคนรวยให้ได้ ไม่เคยคิดไม่ดีกับใคร เวลาว่างชอบสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือไปบวชชีพราหมณ์
สำหรับเรา ๆ ก็ว่าชีวิตเราก็เจ๋งพอนะ มีคนที่อายุมากกว่าเรามาปรึกษาเรื่องการลงทุน และเรื่องอื่น ๆ
ที่ผ่านมาเราก็สู้ชีวิตมาตลอด ระยะหลัง แรงกดดันจากรอบข้างทำให้เราคิดมาก ท้อ และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะเรื่องความรัก
เราคบกับแฟนมา 7 ปี ทางบ้านก็บอกให้แต่งงานได้แล้ว บ้านเราแต่งงานเร็ว แม่กับพ่อแต่งอายุประมาณ 22 พี่ชายแต่งตอนอายุ 19 (แฟนเค้าไม่ได้ท้องนะคะ) น้าสาวเราเมื่อก่อนเป็นโสด เพิ่งมาเจอแฟนตอนแก่ เค้ามีลูกตอนอายุ 36 ปี และลูกออกมาไม่สมบูรณ์ เลยมารีบเร่งให้เรารีบแต่งงานมีลูก กลัวเราจะเป็นแบบเค้า เราเล่าให้แฟนเราฟังเค้าก็ว่ายังไม่พร้อม รอพร้อมก่อน บอกขอเวลาสัก 2 ปี อายุประมาณ 27-28 น่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เราก็ฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไร เราก็ปกติดี แต่พอเรามาเห็นคู่อื่น ๆ ที่เค้าไม่ได้มีความพร้อมอะไร บ้านไม่มี รถไม่มี เงินเก็บไม่มี แต่เค้าก็แต่งกันได้ และดูเค้ามีความสุขกันดี (แต่บ้านแฟนเรานั้นพอมีฐานะ ทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ) เราก็มานั่งคิดว่าทำไม ทุกวันนี้เราก็พอมีเงิน มีงานที่ดีทำ แต่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
ทำไมสีหน้าคนที่เรารู้จัก ที่เค้าแต่งงานที่ถ่ายรูปออกมานั้น เค้ายิ้มอย่างมีความสุข ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลย
พี่ชายเราเพิ่งมีลูก เค้าดูมีความสุขมาก พ่อกับแม่ก็มีความสุข ทั้ง ๆ ที่พี่ชาย ไม่มีเงินเก็บเลย ทำงานรับเหมากับพ่อซึ่งถ้าถามถึงความมั่นคง ก็ไม่ได้มั่นคงอะไร แต่ดูมีความสุขกันมาก
พี่ที่ทำงานหลาย ๆ คน มีความพร้อมในหน้าที่การงาน ฐานะทั้งคู่ แต่พอแต่งงานกันไปแล้ว ไม่มีลูก บ่นว่ากลุ้มใจมาก เครียด
เราเลยคิดมาก งงกับคำว่าพร้อมของแฟน ว่าพร้อมมันคืออะไร ไปเจอกระทู้พี่คนนึง อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ทำไมแฟนไม่คิดให้ได้อย่างนี้บ้าง
http://ppantip.com/topic/31681869
มานึกย้อนหลังไปเมื่อตอนเรียน ป.ตรี มีพี่ชายคนหนึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานเงินเดือนเป็นแสน มาขอเราแต่งงาน แต่เราปฎิเสธไป เพราะว่าไม่พร้อมเนื่องจากยังเรียนอยู่ พี่คนนั้นเสียใจกับคำว่าไม่พร้อมของเรา วันนี้กรรมตามสนองโดนแฟนบอกว่าไม่พร้อมเหมือนกัน T_T
เราไม่อยากคุยกับแฟนแล้ว แฟนก็ถามเราว่าเราเป็นอะไร ดูแปลก ๆ ไป ดูเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ แต่เราไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเค้าอีกแล้ว เพราะพอเอ่ยคำว่าที่บ้านอยากให้แต่งงาน เค้าก็เปลี่ยนเรื่องพูดตลอด
ที่เล่ามาทั้งหมดเราแค่อยากรู้ว่าเราไม่ดีพอใช่ไหม หรือเราควรทำตัวอย่างไร ให้เรามีความสุข ยิ้มได้ อย่างที่คนอื่น ๆ เค้ายิ้มกัน
พ่อแม่ก็เสียใจที่เรายังไม่แต่งงานสักที เวลาใครถามท่านก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินหนี เราก็อยากทำให้พ่อแม่เรายิ้มแบบปลื้มใจบ้างนะคะ
ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดในสลัม พยายามทำตัวเองให้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีพอใช่ไหม
การศึกษา : อย่างที่บอก เราเริ่มจาก 0 พ่อแม่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงินส่งเสียเรา เราเรียนโรงเรียนวัดไม่เสียเงินและหาทุนเรียนเองมาตลอด ได้ทุนตลอดเพราะเรียนดี เรียนเก่ง ความประพฤติเรียบร้อย ขยัน
จบ ปวช.ก็ทำงาน Part time เสาร์-อาทิตย์ (ก่อนหน้านั้นเราทำงานรับจ็อบไปเรื่อย ๆ ทั้งล้างจาน เก็บของเก่าขาย ได้เงินเล็กน้อย เราทำมาหมด) ทำงาน Part time จนจบ ปวส. หางานประจำที่มีรายได้เป็นรายเดือนเงินเดือน start 7,500 อยู่ไปอยู่มาบริษัทปรับฐานได้เป็น 9,500 จันทร์-ศุกร์ ก็ทำงาน เสาร์-อาทิตย์ เรียนปริญญาตรี
โดยค่าเล่าเรียนทั้งหมดเราหาด้วยตัวเอง แถมมีเงินเหลือเก็บ หลังจากนั้น เราก็ลาออกจากที่เก่ามาได้งานที่ใหม่เงินเดือนใหม่สูงกว่าเดิมประมาณ 70% เป็นบริษัทชั้นนำ พูดชื่อไปคนในวงการรถต้องรู้จัก ตอนนี้ก็ยังทำอยู่
รูปร่างหน้าตา : จัดว่าดีพอใช้ (มีคนเค้าชม) หน้าตาต้อนรับแขกตลอด เคยประกวดดาวคณะได้รองชนะเลิศ
ถึงแม้จะกำเนิดเกิดในสลัมแต่ตอนนี้ย้ายออกมาเช่าบ้านที่สังคมดีกว่าเดิมมากแล้ว
นิสัย : รักการลงทุน สนุกกับการหาเงิน ชอบขายของ มีความมุ่งมั่นว่าสักวันจะเปลี่ยนฐานะตัวเองจากคนเคยจน มาเป็นคนรวยให้ได้ ไม่เคยคิดไม่ดีกับใคร เวลาว่างชอบสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือไปบวชชีพราหมณ์
สำหรับเรา ๆ ก็ว่าชีวิตเราก็เจ๋งพอนะ มีคนที่อายุมากกว่าเรามาปรึกษาเรื่องการลงทุน และเรื่องอื่น ๆ
ที่ผ่านมาเราก็สู้ชีวิตมาตลอด ระยะหลัง แรงกดดันจากรอบข้างทำให้เราคิดมาก ท้อ และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะเรื่องความรัก
เราคบกับแฟนมา 7 ปี ทางบ้านก็บอกให้แต่งงานได้แล้ว บ้านเราแต่งงานเร็ว แม่กับพ่อแต่งอายุประมาณ 22 พี่ชายแต่งตอนอายุ 19 (แฟนเค้าไม่ได้ท้องนะคะ) น้าสาวเราเมื่อก่อนเป็นโสด เพิ่งมาเจอแฟนตอนแก่ เค้ามีลูกตอนอายุ 36 ปี และลูกออกมาไม่สมบูรณ์ เลยมารีบเร่งให้เรารีบแต่งงานมีลูก กลัวเราจะเป็นแบบเค้า เราเล่าให้แฟนเราฟังเค้าก็ว่ายังไม่พร้อม รอพร้อมก่อน บอกขอเวลาสัก 2 ปี อายุประมาณ 27-28 น่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เราก็ฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไร เราก็ปกติดี แต่พอเรามาเห็นคู่อื่น ๆ ที่เค้าไม่ได้มีความพร้อมอะไร บ้านไม่มี รถไม่มี เงินเก็บไม่มี แต่เค้าก็แต่งกันได้ และดูเค้ามีความสุขกันดี (แต่บ้านแฟนเรานั้นพอมีฐานะ ทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ) เราก็มานั่งคิดว่าทำไม ทุกวันนี้เราก็พอมีเงิน มีงานที่ดีทำ แต่เรารู้สึกไม่มีความสุขเลย
ทำไมสีหน้าคนที่เรารู้จัก ที่เค้าแต่งงานที่ถ่ายรูปออกมานั้น เค้ายิ้มอย่างมีความสุข ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลย
พี่ชายเราเพิ่งมีลูก เค้าดูมีความสุขมาก พ่อกับแม่ก็มีความสุข ทั้ง ๆ ที่พี่ชาย ไม่มีเงินเก็บเลย ทำงานรับเหมากับพ่อซึ่งถ้าถามถึงความมั่นคง ก็ไม่ได้มั่นคงอะไร แต่ดูมีความสุขกันมาก
พี่ที่ทำงานหลาย ๆ คน มีความพร้อมในหน้าที่การงาน ฐานะทั้งคู่ แต่พอแต่งงานกันไปแล้ว ไม่มีลูก บ่นว่ากลุ้มใจมาก เครียด
เราเลยคิดมาก งงกับคำว่าพร้อมของแฟน ว่าพร้อมมันคืออะไร ไปเจอกระทู้พี่คนนึง อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ทำไมแฟนไม่คิดให้ได้อย่างนี้บ้าง http://ppantip.com/topic/31681869
มานึกย้อนหลังไปเมื่อตอนเรียน ป.ตรี มีพี่ชายคนหนึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานเงินเดือนเป็นแสน มาขอเราแต่งงาน แต่เราปฎิเสธไป เพราะว่าไม่พร้อมเนื่องจากยังเรียนอยู่ พี่คนนั้นเสียใจกับคำว่าไม่พร้อมของเรา วันนี้กรรมตามสนองโดนแฟนบอกว่าไม่พร้อมเหมือนกัน T_T
เราไม่อยากคุยกับแฟนแล้ว แฟนก็ถามเราว่าเราเป็นอะไร ดูแปลก ๆ ไป ดูเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ แต่เราไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเค้าอีกแล้ว เพราะพอเอ่ยคำว่าที่บ้านอยากให้แต่งงาน เค้าก็เปลี่ยนเรื่องพูดตลอด
ที่เล่ามาทั้งหมดเราแค่อยากรู้ว่าเราไม่ดีพอใช่ไหม หรือเราควรทำตัวอย่างไร ให้เรามีความสุข ยิ้มได้ อย่างที่คนอื่น ๆ เค้ายิ้มกัน
พ่อแม่ก็เสียใจที่เรายังไม่แต่งงานสักที เวลาใครถามท่านก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินหนี เราก็อยากทำให้พ่อแม่เรายิ้มแบบปลื้มใจบ้างนะคะ