เด็กรุ่นใหม่ ทำไมไม่คิดบวก ไม่ค่อยสู้งานเลย

เห็นมาเยอะมาก

เจองานหนักนิดหน่อย มักปัดความรับผิดชอบ

ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะขวนขวายหาความรู้

สั่งงานยาก ๆ หน่อย หาว่าหัวหน้าโยนงานให้ซะงั้น แทนที่จะมองว่าจะได้เป็นการศึกษางานให้เข้าใจ

หรือว่าเด็กจบใหม่ เดี่ยวนี้เยอะเกินไป จบกันง่ายมากหรือป่าว

ผมว่าน่าจะมีส่วนไม่น้อย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
บอกก่อนว่าผม Gen Y นะ

เด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้แหละครับ ถูกพ่อแม่เลี้ยงมาแบบตามใจมาก ไม่เคยขัดใจ

ถ้ายังอยากได้คนมาทำงานอยู่ ก็ต้องทำความเข้าใจนะคับ เพราะมันเลือกไม่ได้ว่าอยากได้คน Gen ไหน

ทำความเข้าใจถึง Nature ของ Gen นี้ให้ดี ที่บอกว่าไม่มึความอดทนมันไม่ใช่ทั้งหมดนะคับ

เพราะเด็กรุ่นใหม่ถึงจะถูกเลี้ยงมาแบบนั้นก็จริง แต่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก

และมักตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอ กล้าืที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะแตกต่าง...

ที่คือเหตุผลว่าไม่ใช่ Gen นี้ ไม่อดทน แต่ความคิดของคน Gen นี้ คือ ทำไมต้องทน

เพราะเค้ามีทางเลือกหลากหลาย อินเตอร์เน็ตเปิดกว้าง โอกาสหลากหลายกว่า

ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ทำงานอยู่บ้านก็เยอะ หรือดูแลกิจการของครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกจ้างใครเสมอไป

ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมก็ลูกจ้างเหมือนกัน บริษัทใหญ่มั่นคง รัฐวิสาหกิจขั้นเทพ

แต่ถ้าไม่ตอบโจทย์ผม ผมก็เชิดใส่มาเยอะเหมือนกันคับ I don't care... I love it
ความคิดเห็นที่ 3
สั่งงานยากๆ ได้สอนเค้าบ้างมั้ย หรือว่าปล่อยตูมลงน้ำ

อย่าให้เด็กๆมันมาหยามเหยียดกลับว่า ผู้ใหญ่ทำไมมองแต่แง่ลบ เอะอะก็เขี่ยๆงานให้ทำ
ความคิดเห็นที่ 25
ขอตอบในฐานะตัวเองเป็น Gen Y (1984) และเป็นผู้บริหารระดับต้น (มีลูกน้องแล้ว)

จริงๆ ผมไม่คิดว่า Gen จะเป็นตัวอธิบาย "ลักษณะเฉพาะ" ของประชากรที่เกิดในช่วงเวลาใด
เวลาหนึ่งได้ทั้งหมดนะครับ แต่ขออธิบายว่าผมคิดแบบนี้ เท่าที่ผมทำงานมา 8 ปี เปลี่ยนงานมา 4 บริษัท
พบว่าสิ่งที่เหมือนกันของเด็กที่เราเรียกว่า Gen Y คือ ฐานะทางบ้านปานกลาง จนไปถึงดี
(ดีมากจะไม่ค่อยเจอ เพราะพวกนี้คือจะไปเรียนปริญญาเมืองนอก แล้วกลับมาฝึกงานที่
บริษัทตัวเอง แล้วค่อยขึ้นเป็นผู้บริหาร) ดังนั้น เมื่อพบอุปสรรคหรือความยากลำบากในการทำงาน
จึงอยู่ในสถานการณ์ที่ "ทำไมกรูต้องทนแมร่งด้วยฟะ" ซึ่งจาก starting point ดังกล่าว ทำให้
เกิดพฤติกรรมต่างๆ ตามมามากมาย ตั้งแต่บ่นๆ บ่ายเบี่ยงงาน ด่าหัวหน้า เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
ลามปามไปถึงลาออกจากงาน

สาเหตุที่พวกเค้าคิดแบบนี้เพราะถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อมที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับคนยุคก่อน เช่น BB หรือ X
พวกเค้าไม่เคยต้องอดทนอะไรมากมาย ต้องออกไปช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน หรือเดินขายของ ขายก๋วยเตี๋ยว
แบบที่คนสมัยก่อนต้องทำ ด้วยเหตุนี้ ผู้ใหญ่หลายๆ คนจึงคิดว่าคนกลุ่มนี้มีปัญหา จัดการยาก
ผมขออนุญาตคิดเอาเองว่าเพราะผู้ใหญ่พบว่าเด็กพวกนี้ "ไม่เหมือน" กับรุ่นตน จึงมองพวกเค้าไม่ดีต่างๆ นาๆ

แต่อย่าลืมว่า เด็กในยุคนี้ที่ต้องปากกัดตีนถืบก็ยังมี เพราะฐานะทางบ้านยังไม่เอื้ออำนวย
ผมเองก็ทำงานพาร์ไทม์มาตั้งแต่ ม.4 เสาร์อาทิตย์ช่วยแม่ขายของ ปิดเทอมโดนพ่อไล่ไปเป็นพนักงานห้าง
เรียนจบมาไม่เลือกงาน ทำงานบริษัทตามหนี้ อะไรแบบนี้ กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็เหนื่อยพอสมควรเมื่อเทียบกับเพื่อน

แต่ที่พูดมาทั้งหมดมันเป็นเพราะ "รูปแบบวิธีคิด" เมื่อเด็ก Gen Y เจอกับปัญหา ไม่ใช่การอธิบายสิ่งที่พวกเค้าเป็นทั้งหมด
ผมพบว่าเด็กวัยนี้เก่ง และมีความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าคนรุ่นก่อนๆ รวมทั้งสามารถพัฒนาได้ง่ายกว่าเพราะ
พวกเค้าเติบโตมาท่ามกลางเทคโนโลยีที่หมุนเร็ว ไม่หยุดอยู่กับที่ เด็ก Gen Y จึงไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ไม่กลัว "Change"
ไม่ตั้งคำถามเวลาต้องเปลี่ยนอะไรว่า "ทำไปทำไม ของเก่าก็ดีอยู่แล้ว"

สิ่งที่สำคัญของคนที่ต้องทำงานกับ Gen Y คือ "คุณจะมีวิธีการดึงศักยภาพของพวกเค้าออกมาอย่างไร" มากกว่ามาคิดว่า
ทำไมคนพวกนี้เป็นปัญหากับองค์กรครับ ประเด็นคือคนๆนั้นพร้อมที่จะ "เปลี่ยน" ตัวเองเพื่อทำงานกับพวกเค้าหรือเปล่า

แค่นั้นแหละ
ความคิดเห็นที่ 10
ขออนุญาตเข้ามาตอบนะคะ
ก่อนอื่นเลยคือเป็น Gen Y และเพิ่งลาออกจากงาน !!!!
แต่เหตุผลของเราไม่ใช่ว่าไม่สู้งานหนัก งานหนักส่วนตัวเราคิดว่าเราสู้นะ
พี่ที่เป็นหัวหน้าโยนงานให้ตลอด มาแค่คำสั่ง ไม่บอกว่าต้องทำยังไง เรามองว่าที่เขาทำอย่างนั้นมันก็มีข้อดี ส่วนหนึ่งต้องถือว่าพี่เขาไว้ใจและมันทำให้เรารู้จักคนมากขึ้น (เนื่องจากใช้ปากไปถามคนนู้นคนนี้ว่ามันควรทำอย่างไร-แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นวิธีที่ถูกไหม)

แต่สาเหตุที่คิดว่า "ทำไมฉันต้องทนอยู่ที่นี่ต่อ" คือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมค่ะ พนักงานลูกรักท่านหนึ่งมาสาย งานเข้า 8.30 มา 9.00 นั่งทานข้าวเช้าก่อนเริ่มงานอีกครึ่งชั่วโมง เริ่มงานจริง 10.00 พี่หัวหน้าตักเตือนแล้วจบค่ะ!!!! ไม่มีมาตราการอะไรอื่นอีกทั้
ที่ทำประจำ และท่านอื่นๆก็มองว่าพนักงานท่านนี้ชดใช้การมาสายด้วยการทำงานล่วงเวลาแล้ว(บ.ไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลา)
ทำให้พี่พนักงานท่านนั้นเอามาพูดเสมอว่า "เหนื่อยจัง อยู่ดึกๆ ทำงานเยอะ" โดยงานของเราไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับพี่ท่านนั้นเลย แค่อยู่แผนกเดียวกัน นั่งเยื้องกัน  แต่มันก็เป็นสาเหตุให้เราไม่ทนค่ะ

Gen Y เป็นอย่างที่หลายท่านพูดจริงค่ะ คือไม่ทนงานหนัก ด้วยมีอีกหลายวิธีที่เขาจะหาเงินและงานใหม่ได้ในยุคนี้ แต่งานหนักก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว
บางครั้งเรื่องการแสดงออกของคนก็เป็นอีกเหตุผลค่ะ Gen Y เซ็นซิทีฟมากจริงๆ (ความคิดส่วนตัว)โดยเฉพาะความเสมอภาค ถ้าเขามองว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ไม่เท่าเทียมเมื่อไหร่ ความคิดลาออกมันเกิดทันทีค่ะ (มันโดน hot button เรามากๆ)

โม้ไปเรื่อย.....เกี่ยวไหมหว่า?????
ความคิดเห็นที่ 11
เด็กสมัยนี้เก่ง ๆ ก็เยอะ แต่ทำไมคุณถึงได้เด็กแบบนี้เข้ามาล่ะครับ ลองมองปัญหาอีกมุมหนึ่งไหม
- HR มีปัญหาหรือเปล่าถึงได้เด็กอย่างนี้เข้ามา
- เวลาโยนงานให้คุณบอกหรือเปล่าว่าทำอย่างไร ทำแล้วได้อะไร
- เงินเดือนผลประโยชน์เหมาะสมหรือเปล่า บางที่บอกสวัสดิการดีมาก แต่เป็นค่ารักษาพยาบาล ลองถามเด็กไหมว่าเด็กอยากได้อะไร
- เด็กมองเห็นโอกาสก้าวหน้าในอนาคตหรือเปล่า ถ้าไม่มีความก้าวหน้าให้ก็ไม่มีใครทนทำต่อหรอกครับ

ผมเป็นยุค Baby Boom นะครับ แต่ก็เข้าใจเด็กสมัยใหม่และมองกลับไปเหมือนกันว่า ถ้าองค์กรไม่ดีจะทนทำไม ให้มันเจ๊งไปเองดีกว่า หาโอกาสดี ๆ ให้ตัวเอง ซึ่งอาจไม่ใช่การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ได้ ซึ่งคนรุ่นเก่ามักจะมองว่ามนุษย์เงินเดือนเป็นอาชีพที่ดีที่สุดและพยายามยัดเยียดมันให้คนรุ่นใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่