15 กรกฎาคม 2554
+ ประเทศอังกฤษ +
ถ้าในวันนี้โชคชะตานำพาเธอมาหาฉันได้ ฉันขออธิฐานขอให้เธอพบเจอฉัน ฉันขอแค่นี้แหละในชีวิตนี้ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว พระเจ้าทรงโปรด ได้โปรดเมตตาลูกด้วย ถ้าลูกย้อนกลับเวลาไปได้ลูกจะขอใช้ชีวิตดังเดิม ฉันประสานมือไว้ที่หน้าอกหลับตาแล้วรอเวลาให้นำพาตัวของฉันไป
27 มกราคม 2557
+ ประเทศอเมริกา +
ทุกๆวันฉันคิดอยู่ในใจว่าเมื่อไรชีวิตที่น่าเบื่อเช่นนี้จะผ่านพ้นไป ฉันก็ได้แต่ภาวนาในใจให้ชีวิตของฉันมันดีขึ้นกว่าเดิม แต่มันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเกิดว่าฉันยังเป็นอยู่แบบนี้
31 ธันวาคม 2553
+ ประเทศญี่ปุ่น +
ฉันรู้สึกสูญเสีย ฉันรู้สึกเสียใจ วันนี้คือวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ ฉันจะฆ่าตัวตายตามคนที่ฉันรักไป เพราะถึงอยู่ไปมันก็ไม่มีความสุข ฉันพยายามข่มน้ำตาแต่มันก็ทำไม่ได้ ดวงตาทั้งสองของฉันร้องไห้อาบแก้ม ฉันหยิบมีดเล่มยาวมาวางบนอ่างล้างหน้า ฉันเตรียมตัวที่จะฆ่าตัวตาย วันนี้แหละฉันจะตายตามไปอยู่กับคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต
ปฐมบท
ฉันชื่อเล่นว่านีออน เป็นคนประเทศแคนาดาลูกครึ่งออสเตรีย ฉันมาอยู่ที่ประเทศไทยได้ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ฉันมาอยู่ที่นี้เพราะว่าฉันต้องย้ายตามพ่อมา พ่อของฉันทำงานเกี่ยวกับการส่งออกอาหารแปรรูป ฉันย้ายไปที่อื่นหรืออยู่ไม่ค่อยนานเพราะต้องย้ายไปเรื่อยๆ ตามที่พ่อจะไปทำงานประเทศนั้นๆ และครั้งนี้ฉันมาอยู่ที่ประเทศไทย ฉันต้องอยู่ที่นี้อีก 3 ปีถึงก่อนที่จะย้ายไปที่ญี่ปุ่น ฉันพูดเลยว่าฉันไม่มี
“เพื่อน” เพราะว่าฉันย้ายที่อยู่บ่อยๆก็เลยไม่ได้สนิทกับใครเขาสักที แต่ตัวฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรมากนักหรอกเพราะว่าฉันเองก็เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว ถึงมันจะน่าเบื่อและไม่มีอะไรทำก็ตาม แต่มันก็สบายใจที่มีพ่อเป็นเพื่อน ท่านเป็นได้ทั้งเพื่อนและพ่อที่ดี พ่อคอยปลอบใจฉันเวลาฉันเสียใจและยามมีความสุขท่านก็สนุกสนานไปกับฉัน ถ้าถามเรื่องของแม่ ท่านเสียไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุเพียงแค่ 4 ขวบ ในตอนนั้นฉันยังเด็กมากและมันก็นานมากจนฉันจำแทบไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังมีรูปของแม่ติดตัว เสมอ วันนี้ฉันต้องนอนอยู่บ้านคนเดียวเพราะว่าพ่อต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด จริงๆแล้วท่านไม่อยากไปเพราะไม่อยากให้ฉันอยู่ตัวคนเดียวกลัวฉันเหงา
แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ของท่านและงานครั้งนี้ของพ่อก็สำคัญมากด้วย ฉันเลยบอกพ่อว่าฉันอยู่คนเดียวเองได้ฉันโตแล้วไม่ต้องห่วง ท่านได้ยินแบบนั้นก็ตามใจฉันและออกจากบ้านไปแล้วตั้งแต่ 15:30 น. จนตอนนี้เวลา 19:00 น. กว่าๆฉันก็เริ่มรู้สึกเซ็งๆขึ้นมาอีกแล้ว เพราะว่าไม่มีใครคุยด้วย ฉันเป็นคนประเภทแบบว่าไม่ชอบเข้าสังคม ไม่พูดคุยกับใครถ้าไม่จำเป็นและที่สำคัญไม่เล่นอินเทอร์เน็ตเลยไม่ได้ติดต่อกับใครแม้แต่คนเดียว หลายๆคนก็หาว่าฉันเป็นคนแปลกประหลาดชอบเก็บตัวบางทีก็แอบน่ากลัว แต่ใครเขาจะคิดกับฉันแบบไหนฉันเองก็ไม่สนใจหรอกเพราะฉันมีพ่อแค่คนเดียวฉันเองก็พอใจแล้ว แน่นอนว่าเพื่อนแก้เหงาของฉันก็คือการอ่านหนังสือ อ่านหนังสือแบบไหนก็ได้ฉันชอบอ่านทุกประเภทได้หมดเลย สถานที่ที่ฉันไปเที่ยวก็คือห้องสมุดและที่สำคัญส่วนมากฉันจะอยู่ที่ห้องสมุดใช้เวลากับหนังสือทั้งวัน และฉันเองก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองไม่มีเพื่อน ฉันเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่โต๊ะมันเป็นหนังสือขนาดใหญ่เหมือนพจนานุกรมขนาดยักษ์เลยทีเดียว มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ฉันอ่านเล่มนี้มาทั้งสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังอ่านไม่เสร็จสักที แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเบื่อแม้แต่น้อย
ฉันอ่านไปอ่านมาไม่รู้เผลอหลับไปเมื่อไรตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนกว่าๆ ฉันรู้สึกหิวน้ำมากเลยเดินลงมาข้างล่างของบ้านเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม ฉันเหลือบไปเห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่โต๊ะกับข้าวฉันรู้สึกสงสัยมากว่าทำไมก่อนที่ฉันจะขึ้นห้องโต๊ะกับข้าวตรงนี้ไม่มีจดหมายเลยสักฉบับเดียว แล้วจดหมายนี้มันของใครกันแน่ ฉันเดินไปหยิบซองจดหมายนั่นมาก็พบว่า มันเป็นจดหมายที่เก่ามากทั้งดำและเต็มไปด้วยฝุ่น และลงชื่อเอาไว้ว่า
“ ถึงมาเรีย จากเจสัน” มันเป็นคำจ่าหน้าซองด้วยประโยคสั้นๆ ฉันสงสัยใครคือมาเรียแล้วใครคือเจสันฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วเก็บจดหมายเอาไว้ที่ลิ้นชักถ้าพ่อกลับมาฉันจะถามท่านอีกที สักพักฉันรู้สึกง่วงนอนมากและกำลังจะขึ้นนอนฉันล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำเสร็จ ก็ล้มตัวลงบนที่นอนและหลับทันทีและบอกตัวเองว่าคืนนี้ขอให้ฝันดี
ห้วงเวลา ลิขิตรัก
+ ประเทศอังกฤษ +
ถ้าในวันนี้โชคชะตานำพาเธอมาหาฉันได้ ฉันขออธิฐานขอให้เธอพบเจอฉัน ฉันขอแค่นี้แหละในชีวิตนี้ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว พระเจ้าทรงโปรด ได้โปรดเมตตาลูกด้วย ถ้าลูกย้อนกลับเวลาไปได้ลูกจะขอใช้ชีวิตดังเดิม ฉันประสานมือไว้ที่หน้าอกหลับตาแล้วรอเวลาให้นำพาตัวของฉันไป
27 มกราคม 2557
+ ประเทศอเมริกา +
ทุกๆวันฉันคิดอยู่ในใจว่าเมื่อไรชีวิตที่น่าเบื่อเช่นนี้จะผ่านพ้นไป ฉันก็ได้แต่ภาวนาในใจให้ชีวิตของฉันมันดีขึ้นกว่าเดิม แต่มันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเกิดว่าฉันยังเป็นอยู่แบบนี้
31 ธันวาคม 2553
+ ประเทศญี่ปุ่น +
ฉันรู้สึกสูญเสีย ฉันรู้สึกเสียใจ วันนี้คือวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ ฉันจะฆ่าตัวตายตามคนที่ฉันรักไป เพราะถึงอยู่ไปมันก็ไม่มีความสุข ฉันพยายามข่มน้ำตาแต่มันก็ทำไม่ได้ ดวงตาทั้งสองของฉันร้องไห้อาบแก้ม ฉันหยิบมีดเล่มยาวมาวางบนอ่างล้างหน้า ฉันเตรียมตัวที่จะฆ่าตัวตาย วันนี้แหละฉันจะตายตามไปอยู่กับคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิต
ฉันชื่อเล่นว่านีออน เป็นคนประเทศแคนาดาลูกครึ่งออสเตรีย ฉันมาอยู่ที่ประเทศไทยได้ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ฉันมาอยู่ที่นี้เพราะว่าฉันต้องย้ายตามพ่อมา พ่อของฉันทำงานเกี่ยวกับการส่งออกอาหารแปรรูป ฉันย้ายไปที่อื่นหรืออยู่ไม่ค่อยนานเพราะต้องย้ายไปเรื่อยๆ ตามที่พ่อจะไปทำงานประเทศนั้นๆ และครั้งนี้ฉันมาอยู่ที่ประเทศไทย ฉันต้องอยู่ที่นี้อีก 3 ปีถึงก่อนที่จะย้ายไปที่ญี่ปุ่น ฉันพูดเลยว่าฉันไม่มี “เพื่อน” เพราะว่าฉันย้ายที่อยู่บ่อยๆก็เลยไม่ได้สนิทกับใครเขาสักที แต่ตัวฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรมากนักหรอกเพราะว่าฉันเองก็เริ่มคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว ถึงมันจะน่าเบื่อและไม่มีอะไรทำก็ตาม แต่มันก็สบายใจที่มีพ่อเป็นเพื่อน ท่านเป็นได้ทั้งเพื่อนและพ่อที่ดี พ่อคอยปลอบใจฉันเวลาฉันเสียใจและยามมีความสุขท่านก็สนุกสนานไปกับฉัน ถ้าถามเรื่องของแม่ ท่านเสียไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุเพียงแค่ 4 ขวบ ในตอนนั้นฉันยังเด็กมากและมันก็นานมากจนฉันจำแทบไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังมีรูปของแม่ติดตัว เสมอ วันนี้ฉันต้องนอนอยู่บ้านคนเดียวเพราะว่าพ่อต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด จริงๆแล้วท่านไม่อยากไปเพราะไม่อยากให้ฉันอยู่ตัวคนเดียวกลัวฉันเหงา
แต่ว่ามันเป็นหน้าที่ของท่านและงานครั้งนี้ของพ่อก็สำคัญมากด้วย ฉันเลยบอกพ่อว่าฉันอยู่คนเดียวเองได้ฉันโตแล้วไม่ต้องห่วง ท่านได้ยินแบบนั้นก็ตามใจฉันและออกจากบ้านไปแล้วตั้งแต่ 15:30 น. จนตอนนี้เวลา 19:00 น. กว่าๆฉันก็เริ่มรู้สึกเซ็งๆขึ้นมาอีกแล้ว เพราะว่าไม่มีใครคุยด้วย ฉันเป็นคนประเภทแบบว่าไม่ชอบเข้าสังคม ไม่พูดคุยกับใครถ้าไม่จำเป็นและที่สำคัญไม่เล่นอินเทอร์เน็ตเลยไม่ได้ติดต่อกับใครแม้แต่คนเดียว หลายๆคนก็หาว่าฉันเป็นคนแปลกประหลาดชอบเก็บตัวบางทีก็แอบน่ากลัว แต่ใครเขาจะคิดกับฉันแบบไหนฉันเองก็ไม่สนใจหรอกเพราะฉันมีพ่อแค่คนเดียวฉันเองก็พอใจแล้ว แน่นอนว่าเพื่อนแก้เหงาของฉันก็คือการอ่านหนังสือ อ่านหนังสือแบบไหนก็ได้ฉันชอบอ่านทุกประเภทได้หมดเลย สถานที่ที่ฉันไปเที่ยวก็คือห้องสมุดและที่สำคัญส่วนมากฉันจะอยู่ที่ห้องสมุดใช้เวลากับหนังสือทั้งวัน และฉันเองก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองไม่มีเพื่อน ฉันเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่โต๊ะมันเป็นหนังสือขนาดใหญ่เหมือนพจนานุกรมขนาดยักษ์เลยทีเดียว มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ฉันอ่านเล่มนี้มาทั้งสัปดาห์แล้วแต่ก็ยังอ่านไม่เสร็จสักที แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเบื่อแม้แต่น้อย
ฉันอ่านไปอ่านมาไม่รู้เผลอหลับไปเมื่อไรตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนกว่าๆ ฉันรู้สึกหิวน้ำมากเลยเดินลงมาข้างล่างของบ้านเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม ฉันเหลือบไปเห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่โต๊ะกับข้าวฉันรู้สึกสงสัยมากว่าทำไมก่อนที่ฉันจะขึ้นห้องโต๊ะกับข้าวตรงนี้ไม่มีจดหมายเลยสักฉบับเดียว แล้วจดหมายนี้มันของใครกันแน่ ฉันเดินไปหยิบซองจดหมายนั่นมาก็พบว่า มันเป็นจดหมายที่เก่ามากทั้งดำและเต็มไปด้วยฝุ่น และลงชื่อเอาไว้ว่า “ ถึงมาเรีย จากเจสัน” มันเป็นคำจ่าหน้าซองด้วยประโยคสั้นๆ ฉันสงสัยใครคือมาเรียแล้วใครคือเจสันฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วเก็บจดหมายเอาไว้ที่ลิ้นชักถ้าพ่อกลับมาฉันจะถามท่านอีกที สักพักฉันรู้สึกง่วงนอนมากและกำลังจะขึ้นนอนฉันล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำเสร็จ ก็ล้มตัวลงบนที่นอนและหลับทันทีและบอกตัวเองว่าคืนนี้ขอให้ฝันดี