คลองนาคาน้ำยังใส แต่ที่หายไปคือพลับพลึงธาร


สำรวจคลองนาคาปี 56
https://www.facebook.com/photo.php?v=558812317518085

ในช่วงระยะเวลาย้อนหลังไป 5-6 ปีที่ผ่านมา คลองนาคา ต.นาคา อ.สุขสำราญ จังหวัดระนอง เป็นที่รู้จักกัน และมีชื่อเสียงกันมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อันเนื่องมาจากพลับพลึงธาร ซึ่งได้สมญานามว่า ราชินีแห่งสายน้ำคลองนาคา

แต่ช่วงระยะ 3-4 ปี ที่ผ่านมา คลองนาคาเริ่มมีปัญหาการพังทลายของตลิ่งริมฝั่ง การเคลื่อนตัวของหินใต้พื้นคลอง อันเนื่องมาจากโครงการการพัฒนา หรือโครงการการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของภาครัฐ ที่ไม่เข้าใจในบริบทของพื้นที่ รวมถึงไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอันสมควร ดังที่รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านสิ่งแวดล้อมได้ส่งไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย

วันนี้ นายชำนิ อุ่นขาว ประธานวิสาหกิจชุมชนเพลินไพรศรีนาคา พร้อมด้วยสมาชิก และนักวิชาการจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ประกอบด้วย ดร.ขวัญฤทัย บุญร่วมแก้ว และ ดร.สุจิตรา โกศล พร้อมด้วยคณะ ได้ลงพื้นคลองนาคา เพื่อทำการล่องเรือสำรวจต้นพลับพลึงธารที่คงเหลืออยู่ในคลองนาคาสายหลัก

จากการล่องเรือสำรวจคลองนาคาในครั้งนี้ เราแทบจะไม่พบเจอต้นพลับพลึงธารในคลองนาคาสายหลักเลย แต่พบเจอได้บ้างในคลองสายย่อยที่มีกระแสน้ำไม่เชี่ยวกราด

การล่องเรือสำรวจคลองนาคาทำให้เราได้เห็นว่า ณ จุดที่เคยมีต้นพลับพลึงธารขึ้นอย่างหนาแน่นที่สุด ในขณะนี้ไม่เหลือต้นพลับพลึงธารให้เห็นเลยแม้แต่ต้นเดียว

อีกทั้งเรายังพบว่าตลิ่งริมคลองยังคงมีการพังทลายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหินและทรายใต้พื้นคลองยังคงมีการเคลื่อนตัว เมื่อมีฝนตกหนักน้ำหลาก ดินและหินก็จะถูกกระแสน้ำซัดไปกองรวมกัน ซึ่งนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หัวพลับพลึงธารไม่สามารถยึดเกาะกับหินและทรายใต้พื้นคลองได้ ทำให้มีหัวและต้นพลับพลึงธารจำนวนมากที่หลุดและลอยไปกับกระแสน้ำ ซึ่งสมาชิกของเพลินไพรศรีนาคาได้มีการเก็บหัวพลับพลึงธารขึ้นมาเป็นระยะ ๆ

ดร.สุจิตรา โกศล บอกว่า จากการลงสำรวจคลองนาคาในวันครั้งนี้จะทำการสำรวจให้ได้มากที่สุดทั้งการล่องเรือและเดินเท้า เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ว่าพื้นที่ใดมีความเหมาะสมที่จะได้รับการอนุรักษ์ และพื้นที่ใดควรจะได้รับการฟื้นฟู และการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ ที่จะนำไปประกอบการพิจารณาในการประกาศพื้นที่คุ้มครองพลับพลึงธารต่อไป


นายชำนิ อุ่นขาว ประธานวิสาหกิจเพลินไพรศรีนาคา บอกว่า จากการลงสำรวจคลองนาคาในวันนี้พบว่าต้นพลับพลึงธารในคลองสายหลักสูญหายไปเกือบหมด ตัวลำคลองเองก็กว้างขึ้น อีกทั้งมีพืชผลทางการเกษตรพังทลายลงในคลองนาคาเป็นระยะ ๆ ตลอดสาย สำหรับหัวพลับพลึงธารที่หลุดลอยตามกระแสน้ำ และทางสมาชิกได้เก็บมานั้น จะนำไปอนุบาลและนำกลับไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป

จากหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาของภาครัฐได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของคลองนาคาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นพลับพลึงธารที่แทบจะสูญหายไปจากลำคลองนาคาสายหลัก จนทำให้ชุมชนที่รวมตัวกันเปิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ “ล่องแพ แลพลับพลึงธาร หนึ่งเดียวในโลกที่คลองนาคา” ต้องประกาศหยุดการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 2 ปีมาแล้ว

พลับพลึงธาร พืชน้ำที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศลำคลอง พลับพลึงธาร พืชน้ำที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความสะอาดและบริสุทธิ์ของแหล่งต้นน้ำในขุนเขา และได้อยู่คู่กับคลองนาคามายาวนาน

สำหรับวันนี้ น้ำในคลองนาคายังคงใส แต่ที่หายไปคือพลับพลึงธาร

นายโอ๋ พรชัย - รายงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่