ทุกข์ คือ การไม่อาจทนอยู่ได้
ตรงนี้ คือ ความจริงข้อหนึ่งในพุทธฯ
ว่าไปแล้ว นี่คล้ายสิ่งที่เรียกว่า ระยะเปลี่ยนผ่าน
คือ เป็นห้วงเวลา ที่กำลังดำเนินไปสู่สิ่งใหม่
ในภาวะชีวิต
ชีวิตจึงเป็นทุกข์ในตัวเอง
ตัวเองที่ดำรงไว้ซึ่งเจตจำนงเพื่อการกระทำสิ่งใดๆ
แต่ถ้าไม่มี หรือไม่ยอมใช้เจตจำนง อะไรจะเกิดขึ้น
คุณก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ก็ตกเป็นทาสของความสะดวกสบาย หรือกิเลส ตัณหา ซึ่งอาจไม่ต่างจากสัตว์ ก็ได้
เจตจำนงแสดงตัว จากการทำงานของลมปราณ หรือลมหายใจที่อัดเข้าไปในปอด ส่งผ่านไปในกระแสเลือด
และสร้างแรงขับที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ก่อเกิดวิริยภาพหรือการเคลื่อนไหว ที่มุ่งไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ในใจ
แง่นี้ ทุกข์ก็ดี เจตจำนงที่แสดงออกเป็นการกระทำก็ดี จึงเป็นสิ่งเดียวกัน
เท่ากับคุณยอมรับสมมติฐานชีวิตแล้วว่า ทุกข์มีอยู่ จากการเลือกของคุณเอง
คุณได้ยอมตนให้กลายเป็นวัตถุที่ดิ้นรน ล้อลีลาสรรพชีวิต ไม่ต่างกัน
เพียงแต่ว่า คุณมีสำนึกต่อสถานะมนุษย์ของคุณ ยอมรับความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ ทุกข์กับเจตจำนงเป็นสิ่งเดียวกัน
แต่นี่ คือ การเปลี่ยนโลก การสร้างโลก ที่ไม่ใช่แค่การไหลเลื่อนไปตามกระแสอย่างเดียว เช่นสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้ แม้ชีวิตคือทุกข์ในตัวมันเอง
แต่ถ้ามองว่า การเลือกที่ดำรงไว้ในเจตจำนงแล้ว
ทุกข์จากการเลือกนั้นเอง จึงเป็นเสรีภาพบนกองทุกข์ที่มีศักดิ์ศรี
และศักดิ์ศรี ก็เป็นการท้าทาย แม้ว่าชีวิตจะประหนึ่งอยู่ในกรงขังขนาดใหญ่ ที่หนีไปไหนไม่ได้
หรือถ้าไม่เช่นนี้ จะมีอะไรดีกว่า การใช้เสรีภาพเพื่อต่อสู้เพื่อยืนยันตัวตนอีกเล่า
หรือจะเอาแค่ เฝ้าดูเรื่อยไป อย่างผู้สังเกตให้ถึงที่สุดเช่นพุทธฯว่า อันเป็นการปฏิเสธชีวิตแม้จะดำรงอยู่ในชีวิต
พินิจชีวิต
ตรงนี้ คือ ความจริงข้อหนึ่งในพุทธฯ
ว่าไปแล้ว นี่คล้ายสิ่งที่เรียกว่า ระยะเปลี่ยนผ่าน
คือ เป็นห้วงเวลา ที่กำลังดำเนินไปสู่สิ่งใหม่
ในภาวะชีวิต
ชีวิตจึงเป็นทุกข์ในตัวเอง
ตัวเองที่ดำรงไว้ซึ่งเจตจำนงเพื่อการกระทำสิ่งใดๆ
แต่ถ้าไม่มี หรือไม่ยอมใช้เจตจำนง อะไรจะเกิดขึ้น
คุณก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ก็ตกเป็นทาสของความสะดวกสบาย หรือกิเลส ตัณหา ซึ่งอาจไม่ต่างจากสัตว์ ก็ได้
เจตจำนงแสดงตัว จากการทำงานของลมปราณ หรือลมหายใจที่อัดเข้าไปในปอด ส่งผ่านไปในกระแสเลือด
และสร้างแรงขับที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ก่อเกิดวิริยภาพหรือการเคลื่อนไหว ที่มุ่งไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ในใจ
แง่นี้ ทุกข์ก็ดี เจตจำนงที่แสดงออกเป็นการกระทำก็ดี จึงเป็นสิ่งเดียวกัน
เท่ากับคุณยอมรับสมมติฐานชีวิตแล้วว่า ทุกข์มีอยู่ จากการเลือกของคุณเอง
คุณได้ยอมตนให้กลายเป็นวัตถุที่ดิ้นรน ล้อลีลาสรรพชีวิต ไม่ต่างกัน
เพียงแต่ว่า คุณมีสำนึกต่อสถานะมนุษย์ของคุณ ยอมรับความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ ทุกข์กับเจตจำนงเป็นสิ่งเดียวกัน
แต่นี่ คือ การเปลี่ยนโลก การสร้างโลก ที่ไม่ใช่แค่การไหลเลื่อนไปตามกระแสอย่างเดียว เช่นสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้ แม้ชีวิตคือทุกข์ในตัวมันเอง
แต่ถ้ามองว่า การเลือกที่ดำรงไว้ในเจตจำนงแล้ว
ทุกข์จากการเลือกนั้นเอง จึงเป็นเสรีภาพบนกองทุกข์ที่มีศักดิ์ศรี
และศักดิ์ศรี ก็เป็นการท้าทาย แม้ว่าชีวิตจะประหนึ่งอยู่ในกรงขังขนาดใหญ่ ที่หนีไปไหนไม่ได้
หรือถ้าไม่เช่นนี้ จะมีอะไรดีกว่า การใช้เสรีภาพเพื่อต่อสู้เพื่อยืนยันตัวตนอีกเล่า
หรือจะเอาแค่ เฝ้าดูเรื่อยไป อย่างผู้สังเกตให้ถึงที่สุดเช่นพุทธฯว่า อันเป็นการปฏิเสธชีวิตแม้จะดำรงอยู่ในชีวิต