Rififi (1955)
ได้ยินคนยกย่องหนังเรื่องนี้มานานมากในแง่ความเป็นหนังฟิล์มนัวร์+หนังวางแผนปล้น ติด Criterion Collection ด้วย คะแนน IMDb เฉลี่ย 8.2 คะแนนเฉลี่ยนักวิจารณ์ Metacritic ก็สูงมากถึง 97/100 จาก 13 คน แต่คืออยากดูแค่ไหนก็ไม่มีซับไทย สุดท้ายเมื่อวานเลยดูแบบซับอังกฤษไปเลยครับ เหนื่อยหน่อยแต่รู้สึกคุ้มค่าจริง ๆ ภูมิใจด้วยที่ดูรู้เรื่องจนจบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
Rififi เป็นหนังฟิล์มนัวร์ครับ กล่าวต่อเนื่องก็คือมันเป็นหนังอาชญากรรมดราม่าที่เล่นความเป็นมนุษย์ได้ดีมาก ๆ และเนื้อหาของหนังมีแรงจูงใจเกี่ยวข้องกับความปรารถนาทางเพศ ซึ่งแผนปล้นใน Rififi ก็ล่มเพราะคนในทีมติดหญิงครับ!
หลังจาก 'โทนี่' พ้นโทษติดคุก 5 ปี เขาก็ได้รับการชักชวนจาก 'โจ' และ 'มาริโอ' ให้มาร่วมโจรกรรมเพชร โดยได้ชักชวน 'ซีซ่าร์' ผู้เชี่ยวชาญการเจาะตู้เซฟมาร่วมทีมเพื่อแผนปล้นครั้งใหญ่กว่าที่พวกเขาตั้งใจไว้ แผนปล้นสุดยอดแห่งความสมบูรณ์แบบของพวกเขาทั้ง 4 คนควรจะผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่ใช่เพราะ 'ซีซ่าร์' แอบหยิบเพชรในลิ้นชักไปให้นักร้องในคลับที่เขาตามจีบอยู่!! และนั่นก็ทำให้ 'ปิแอร์' มาเฟียเจ้าของคลับซึ่งเป็นแฟนใหม่ของ 'มาโด' แฟนเก่าของ 'โทนี่' รู้ตัวว่าแก๊งไหนคือกลุ่มคนที่ปล้นเพชรอุกอาจครั้งใหญ่นี้ครับ แล้วมีหรือที่ 'ปิแอร์' จะแจ้งความกับตำรวจเพื่อเอาเงินรางวัลนำจับ 10 ล้าน ในเมื่อพวกเขามีเพชรมูลค่า 240 ล้านรออยู่!!
สามเหตุผลที่คุณควรดู Rififi
1. หนึ่งในหนังปล้น (heist film) ที่ดีที่สุด
- ถ้าหนังมันมีดีแค่ฉากปล้นเจ๋ง ๆ มันคงไม่ถูกยกย่องขนาดนี้แน่นอนครับ ที่มันโดดเด่นสำหรับผมคือนอกจากฉากปล้นที่น่าจดจำแล้ว (เหมือนกับที่คนจดจำฉากปล้นในหนังเรื่อง The Killing, The Taking of Pelham One Two Three, The Italian Job) มันยังต่อยอดหลังฉากปล้นได้อย่างน่าสนใจ มีความเป็นฟิล์มนัวร์เล่นกับจิตใจความเป็นมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม และนั่นทำให้มันเป็นหนึ่งในหนังอาชญากรรมที่ดีที่สุดครับ
2. ฉากปล้นสุดเพอเฟค
- เกือบ 30 นาทีนับตั้งแต่ที่ 'โทนี่' ขโมยรถจนถึงตอนที่พวกเขางัดแงะตู้เซฟในร้านเพชรสำเร็จ หนังไม่มีบทพูดสักแอะ!!! ความยอดเยี่ยมไม่ได้อยู่แค่ฉากปล้นสุดเนี้ยบ แต่มันเริ่มต้นจากการสืบหาข้อมูล การศึกษาระบบสัญญาณเตือนภัย การทดลองหาจุดอ่อนของกล่องสัญญาณเตือนภัย จนเมื่อพวกเขาเจอจุดอ่อนก็ลงมือวางแผนเจาะเพดานร้านเพชรเข้าไปโดยไม่ให้สัญญาณเตือนภัยดัง มุกใช้ร่มกางรองเศษหินแล้วไต่เพดานแบบในโปสเตอร์มันมันเจ๋งมากครับ!!! เป็นฉากปล้นที่ไม่มีบทสนทนา ไม่มีดนตรีมาบิ๊วอารมณ์ ขายไอเดียฉากปล้นล้วน ๆ ดูแล้วลุ้นและกดดันไปกับแผนปล้นครั้งนี้มากครับ!!!
3. ฟิล์มนัวร์คลาสสิกเล่นกับความเป็นมนุษย์
- มันเป็นแนว good bad guy (เป็นคนดีในหมู่ตัวร้าย) vs. bad bad guy (คือเอ็งเป็นตัวร้ายแล้วยังพฤติกรรมร้ายอีก) และยังเป็นหนังที่เล่นกับจิตใจของมนุษย์ได้ดีมาก ๆ อีกเรื่อง
ตั้งแต่ 'ความโลภ' ของซีซ่าร์ที่ละเมิดกฎของทีมด้วยการแอบหยิบแหวนเพชรไปให้นักร้องในคลับจนโดนจับไต๋ได้ (และอาจจะสื่อถึงความโลภของโทนี่ด้วยที่เปลี่ยนแผนจากปล้นเพชรไม่กี่เม็ดเป็นงัดตู้เซฟ)
'ความอ่อนแอ' ของโจที่เกิดขึ้นหลังจากลูกสาวคนเดียวถูกลักพาตัวไปทำให้เขาควบคุมสติไม่ได้ และมีผลต่อการตัดสินใจในภาวะที่จิตใจไม่มั่นคง
'ความกล้า' ของโทนี่ในการตาม 'ล้างแค้น' ปิแอร์ และอาจรวมถึงในฉากจบด้วย และอาจรวมถึงความกล้าของมาโดที่มาช่วยโทนี่ตามหาปิแอร์
'ความอิจฉา' ของปิแอร์ ทั้งเรื่องแฟนสาวบอกเลิกเมื่อโทนี่ออกจากคุก และความอิจฉาที่คู่อริของตัวเองปล้นเพชรครั้งใหญ่สำเร็จทำให้เขาวางแผนปล้นต่ออีกทอด
Jules Dassin ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้รางวัล 'ผู้กำกับยอดเยี่ยม' จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1955 ด้วยครับ
Director: Jules Dassin
Novel: Auguste Le Breton
Adaptation: Jules Dassin
collaboration by: René Wheeler, Auguste Le Breton
Dialogue: Auguste Le Breton
Genre: Film-noir, Crime, Drama, Thriller
9.5/10
รีวิวหนังคลาสสิก หนังใหม่
หนังโปรดของข้าพเจ้า:
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
Rififi สุดยอดฟิล์มนัวร์วางแผนปล้นสุดคลาสสิกตลอดกาล หนังเจ๋งชนิดว่าหนังยุคหลัง ๆ มีอาย (heist film)
ได้ยินคนยกย่องหนังเรื่องนี้มานานมากในแง่ความเป็นหนังฟิล์มนัวร์+หนังวางแผนปล้น ติด Criterion Collection ด้วย คะแนน IMDb เฉลี่ย 8.2 คะแนนเฉลี่ยนักวิจารณ์ Metacritic ก็สูงมากถึง 97/100 จาก 13 คน แต่คืออยากดูแค่ไหนก็ไม่มีซับไทย สุดท้ายเมื่อวานเลยดูแบบซับอังกฤษไปเลยครับ เหนื่อยหน่อยแต่รู้สึกคุ้มค่าจริง ๆ ภูมิใจด้วยที่ดูรู้เรื่องจนจบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
Rififi เป็นหนังฟิล์มนัวร์ครับ กล่าวต่อเนื่องก็คือมันเป็นหนังอาชญากรรมดราม่าที่เล่นความเป็นมนุษย์ได้ดีมาก ๆ และเนื้อหาของหนังมีแรงจูงใจเกี่ยวข้องกับความปรารถนาทางเพศ ซึ่งแผนปล้นใน Rififi ก็ล่มเพราะคนในทีมติดหญิงครับ!
หลังจาก 'โทนี่' พ้นโทษติดคุก 5 ปี เขาก็ได้รับการชักชวนจาก 'โจ' และ 'มาริโอ' ให้มาร่วมโจรกรรมเพชร โดยได้ชักชวน 'ซีซ่าร์' ผู้เชี่ยวชาญการเจาะตู้เซฟมาร่วมทีมเพื่อแผนปล้นครั้งใหญ่กว่าที่พวกเขาตั้งใจไว้ แผนปล้นสุดยอดแห่งความสมบูรณ์แบบของพวกเขาทั้ง 4 คนควรจะผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่ใช่เพราะ 'ซีซ่าร์' แอบหยิบเพชรในลิ้นชักไปให้นักร้องในคลับที่เขาตามจีบอยู่!! และนั่นก็ทำให้ 'ปิแอร์' มาเฟียเจ้าของคลับซึ่งเป็นแฟนใหม่ของ 'มาโด' แฟนเก่าของ 'โทนี่' รู้ตัวว่าแก๊งไหนคือกลุ่มคนที่ปล้นเพชรอุกอาจครั้งใหญ่นี้ครับ แล้วมีหรือที่ 'ปิแอร์' จะแจ้งความกับตำรวจเพื่อเอาเงินรางวัลนำจับ 10 ล้าน ในเมื่อพวกเขามีเพชรมูลค่า 240 ล้านรออยู่!!
สามเหตุผลที่คุณควรดู Rififi
1. หนึ่งในหนังปล้น (heist film) ที่ดีที่สุด
- ถ้าหนังมันมีดีแค่ฉากปล้นเจ๋ง ๆ มันคงไม่ถูกยกย่องขนาดนี้แน่นอนครับ ที่มันโดดเด่นสำหรับผมคือนอกจากฉากปล้นที่น่าจดจำแล้ว (เหมือนกับที่คนจดจำฉากปล้นในหนังเรื่อง The Killing, The Taking of Pelham One Two Three, The Italian Job) มันยังต่อยอดหลังฉากปล้นได้อย่างน่าสนใจ มีความเป็นฟิล์มนัวร์เล่นกับจิตใจความเป็นมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม และนั่นทำให้มันเป็นหนึ่งในหนังอาชญากรรมที่ดีที่สุดครับ
2. ฉากปล้นสุดเพอเฟค
- เกือบ 30 นาทีนับตั้งแต่ที่ 'โทนี่' ขโมยรถจนถึงตอนที่พวกเขางัดแงะตู้เซฟในร้านเพชรสำเร็จ หนังไม่มีบทพูดสักแอะ!!! ความยอดเยี่ยมไม่ได้อยู่แค่ฉากปล้นสุดเนี้ยบ แต่มันเริ่มต้นจากการสืบหาข้อมูล การศึกษาระบบสัญญาณเตือนภัย การทดลองหาจุดอ่อนของกล่องสัญญาณเตือนภัย จนเมื่อพวกเขาเจอจุดอ่อนก็ลงมือวางแผนเจาะเพดานร้านเพชรเข้าไปโดยไม่ให้สัญญาณเตือนภัยดัง มุกใช้ร่มกางรองเศษหินแล้วไต่เพดานแบบในโปสเตอร์มันมันเจ๋งมากครับ!!! เป็นฉากปล้นที่ไม่มีบทสนทนา ไม่มีดนตรีมาบิ๊วอารมณ์ ขายไอเดียฉากปล้นล้วน ๆ ดูแล้วลุ้นและกดดันไปกับแผนปล้นครั้งนี้มากครับ!!!
3. ฟิล์มนัวร์คลาสสิกเล่นกับความเป็นมนุษย์
- มันเป็นแนว good bad guy (เป็นคนดีในหมู่ตัวร้าย) vs. bad bad guy (คือเอ็งเป็นตัวร้ายแล้วยังพฤติกรรมร้ายอีก) และยังเป็นหนังที่เล่นกับจิตใจของมนุษย์ได้ดีมาก ๆ อีกเรื่อง
ตั้งแต่ 'ความโลภ' ของซีซ่าร์ที่ละเมิดกฎของทีมด้วยการแอบหยิบแหวนเพชรไปให้นักร้องในคลับจนโดนจับไต๋ได้ (และอาจจะสื่อถึงความโลภของโทนี่ด้วยที่เปลี่ยนแผนจากปล้นเพชรไม่กี่เม็ดเป็นงัดตู้เซฟ)
'ความอ่อนแอ' ของโจที่เกิดขึ้นหลังจากลูกสาวคนเดียวถูกลักพาตัวไปทำให้เขาควบคุมสติไม่ได้ และมีผลต่อการตัดสินใจในภาวะที่จิตใจไม่มั่นคง
'ความกล้า' ของโทนี่ในการตาม 'ล้างแค้น' ปิแอร์ และอาจรวมถึงในฉากจบด้วย และอาจรวมถึงความกล้าของมาโดที่มาช่วยโทนี่ตามหาปิแอร์
'ความอิจฉา' ของปิแอร์ ทั้งเรื่องแฟนสาวบอกเลิกเมื่อโทนี่ออกจากคุก และความอิจฉาที่คู่อริของตัวเองปล้นเพชรครั้งใหญ่สำเร็จทำให้เขาวางแผนปล้นต่ออีกทอด
Jules Dassin ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้รางวัล 'ผู้กำกับยอดเยี่ยม' จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1955 ด้วยครับ
Director: Jules Dassin
Novel: Auguste Le Breton
Adaptation: Jules Dassin
collaboration by: René Wheeler, Auguste Le Breton
Dialogue: Auguste Le Breton
Genre: Film-noir, Crime, Drama, Thriller
9.5/10
รีวิวหนังคลาสสิก หนังใหม่
หนังโปรดของข้าพเจ้า: https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms