หลังจากอ่านพวกเพจรีวิวที่มีแต่ด้านลบของ "Bad Genius" ฉบับรีเมค  จนจขกท.เกิดอคติกับหนังเรื่องนี้  ทั้งที่ยังไม่ได้ตีตั๋วเข้าชม 

ผุยเลยตัดสินใจในวันที่ตั๋ว SF ลดราคาวันอังคาร  เพื่อพิสูจน์คุณค่าของหนังเรื่องนี้ด้วยตาตัวเองค่ะ 

ผุยเลือก SF สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวเพราะใกล้บ้านค่ะ  เหลือเชื่อที่มีผุยอยู่คนเดียวในโรง  แอบวังเวงอยู่เหมือนกัน  แต่ก็อีกใจก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องเจอพวกผีเจาะปาก  ผีตีนเน่า  ผีมือถือ  ผีนักพากษ์  ผีตีนพาดเบาะ  ผีนัวสวาท ผีโกงที่นั่ง  ผีตัวเหม็น  ฯลฯ



แก่นใหญ่ของตัวหนัง  ยังคงเดินเรื่องคล้ายต้นฉบับค่ะ  แตกต่างกันตรงรายละเอียดบางส่วน  และตอนจบที่ไม่เหมือนกัน  ถ้าพูดแบบไม่กลัวโกรธ  ต้องบอกว่าเป็นหนังต้นทุนต่ำของฮอลลีวู้ด  โปรดักชั่นจึงไม่ยิ่งใหญ่มากนัก  ดาราก็ไม่คุ้นหน้าค่าชื่อ  แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นหนังเกรดบีนะคะ  บทหนังถือว่าคมคายอยู่ค่ะ  มีการดัดแปลงน้ำปลาพริกขี้หนูแบบไทย ๆ เพื่อให้เข้ากับบริบทสังคมแฮมเบอร์เกอร์ของอเมริกา  

ส่วนดารานำก็มีเสน่ห์ทั้ง 4 คนเลยนะคะ  ตอนแรกก็รู้สึกว่าพระ-นางไม่ค่อยสวยหล่อเท่าไหร่  แต่เสน่ห์ทางการแสดงก็ทำให้เขาและเธอดูน่าสนใจขึ้นมากค่ะ  โดยบทเด่นจะอยู่ที่นางเอก  กับปมปัญหาในชีวิต

ผุยชอบการนำเสนอแง่มุมชีวิตอีกด้านของพวกอเมริกันชายขอบ  เช่นพวกเอเชีย  หรือคนผิวดำ  ที่ถูกคนขาวกระทำย่ำยี  เหยียดหยาม  และเลือกปฏิบัติอยู่มาก  แม้ในปัจจุบัน  การดิ้นรนของคนรากหญ้า  ที่มีทางเลือกในชีวิตน้อย  จนถูกระบบทุนนิยมบีบบังคับทางอ้อม  ทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อตกเป็นทาสของเงิน   จะเรียกว่า Woke แบบกลาย ๆ ก็ได้นะคะ  หนังเรื่องนี้  

ข้อเสียคือฉากโกงข้อสอบที่ไม่ระทึกเท่าต้นฉบับค่ะ  เหมือนใส่มาเฉย ๆ ให้พอรู้ว่าเป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องนี้  และตัวหนังก็ดูรวบรัดสะบัดพลจนเกินไปค่ะ  หลากฉากที่มีการตัดต่อแบบกระชากกระชั้น  จนทำให้อรรถรสในการรับชมสะดุดไป  

แต่ภาพรวมผุยให้ 8/10 ค่ะ  ไม่เสียดายเวลาชีวิตและเงินอย่างแน่นอน
ตอนนี้รอบฉายเหลือน้อยแล้ว  ถ้าใครอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง  ก็ต้องรีบกันหน่อยนะคะ  

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ  

ปล. ถ้าอยากดูหนังแนวเหล้าเก่าในขวดใหม่ให้เหมือนต้นฉบับ 
แบบนั้นเขาเรียกว่า "Rerun" ค่ะ  ไม่ใช่  "Remake"