หมายเหตุจากผู้เขียน
กระทู้นี้ เป็นเพียงประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ที่ได้มาจากการเดินทางภายในประเทศบังคลาเทศในระยะเวลาสั้นๆด้วยเรื่องธุรกิจ หวังเพียงแบ่งปันเรื่องราวที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับชาวบังคลาเทศหลายท่าน และหวังว่าอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
.............................................................................................................
อรุณแรกแห่งDhaka
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ฉันสะดุ้งตื่น
เสียงกังวานเสนาะที่ดังก้องไปทั่วจากเสียงเรียกเพื่อละหมาดในตอนก่อนแสงทองจะสาดจับขอบฟ้านั้นปลุกให้ฉันตื่นขึ้นจากอาการหลับราวสลบไสล
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา พลังงานในกายและใจคล้ายจะถูกสูบออกไป อาจเรียกได้ว่าเกือบทุกหยาดหยดกันเลยทีเดียว
ตื่นเช้าจัด นอนดึกจัด บางวันก็เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอน ด้วยเวลามันน้อยเต็มที และฉันก็เป็นคนที่ จะเรียกได้ว่า อืมห์ “มีกรรม” เป็น”คนมีกรรม” ก็เห็นจะได้ ด้วยเป็นคนที่หลับไม่ง่ายเลย
จากสัมผัสมือแรกทักทายที่โฮจิมินห์ซิตี้ ชักนำมาสู่ดินเนอร์แรกกับคู่ค้าคนแรกแห่งดินแดนบังคลาเทศที่กรุงเทพ และต่เนื่องไปสู่การดูงานอันแสนทรหดทั้งในเมืองไทยและพม่า กว่าจะมาจนถึงประเทศบังคลาเทศได้ คล้ายกับรู้สึกราวรับศึกหนักมาสักเดือนก็ไม่ปาน ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านมาเพียงแปดวันที่ฉันอยู่ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพของการเยี่ยมเยือน
และ ยัง ยังไม่จบ เพราะนั่นเพียงแค่ครึ่งทาง
ยังเหลือเวลาอีกเก้าวัน สำหรับการผจญกับแผนงานในตลาดใหม่ กับคู่ค้าคนเดิม ที่เปลี่ยนสภาพมาเป็นเจ้าบ้านและรับรองฉันในฐานะผู้มาเยือน
อาห์ พี่แกจะ “เอาคืน” ไหมหว่า
เช้าแรกในกรุงธากา เมืองหลวงแห่งบังคลาเทศ
ฉันตัดสินใจสลัดตัวเองออกไปให้พ้นจากเตียงนุ่ม และผ้านวมผืนนิ่มตั้งแต่ราวตีห้าครึ่ง
นั่งงุนงงอยู่ชั่วครู่ขณะเรียกสติและปลุกตัวเองให้รับรู้ว่าขณะนี้ กำลังนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องที่มีสิ่งของเครื่องใช้อันแปลกตา
เสียงดังที่รู้สึกไปได้ว่าคล้ายจะสะท้านไปทั่วปฐพี
หัวใจเต้นรัวกระหน่ำผิดจังหวะ เพราะถูกกระชากออกจากนิทราอย่างไม่ทันตั้งตัว
ถามตัวเองอย่าง งง งง “ที่ไหนฟะเนี่ย?”
ถามเอง ก็ตอบเอง “ อ้อ อยู่บังคลาเทศแล้วนี่หว่า”
ยื่นมือเปะปะไปหยิบโทรศัพท์แถวข้างเตียงมาดูเวลา แล้วแอบไถลกายเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกนิด อยากนอนต่อเหลือเกิน กว่าจะถึงเวลาปฏิบัติภารกิจก็อีกตั้งนาน
แต่แล้วก็ต้องตัดใจ นอนฟังเสียงเรียกละหมาดไปได้แค่ชั่วครู่ ทนนอนต่อไม่ได้ กังวานเสียงเสนาะดังสนั่นแหวกความมืดยั่วใจและกระชากฉันให้ลุกขึ้นมาเดินเปะปะแหวกม่านแล้วมองออกไปให้ทั่ว
ตื่นเต็มตา นึกขึ้นได้ว่า นี่ไม่ใช่เช้าแรก ไม่ใช่ดินแดนแรกที่ฉันตื่นเพราะเสียงเรียกละหมาด
คำถอดความไพเราะเพราะพริ้งจากบุคคลนิรนามที่ฉันได้เคยคัดลอกไว้ ขออภัยที่ไม่ทราบที่มาจริงๆ
แต่...คงไม่เป็นไรกระมัง หากฉันจะนำมาถ่ายทอด ณ ที่แห่งนี้
“พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
ข้าขอปฏิญานว่า ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ข้าขอปฏิญานว่า ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ข้าขอปฏิญานว่า มูหัมมัดเป็นผู้สื่อสารของพระองค์อัลลอฮ์
ข้าขอปฏิญานว่า มูหัมมัดเป็นผู้สื่อสารของพระองค์อัลลอฮ์
จงรีบมาประสาทพรเถิด จงรีบมาประสาทพรเถิด จงรีบมายังชัยชนะ
จงรีบมายังชัยชนะ พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิง
ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์”
ใครกันหนอ ถอดความออกมาเป็นภาษาไทยได้สละสลวยเหลือเกิน ช่างทำให้ช่วงเวลาของละหมาดแรกแห่งกรุงธากาของฉันเปี่ยมมนต์ขลัง
หมายเหตุ
เพราะเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น เราจึงได้ยินเสียงเรียกละหมาดได้ชัดเจนในหลายๆพื้นที่ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเลือกพักโรงแรมที่ใกล้มัสยิด ในยามเช้าตรู่ ในขณะที่บรรยากาศยังเงียบสงัด เสียงไพเราะนั้นจะดังก้องกังวานไปไกลในความมืด
.....ลีลาเบงกาลี..... (รอยยิ้มริมทาง@Bangladesh)
กระทู้นี้ เป็นเพียงประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ที่ได้มาจากการเดินทางภายในประเทศบังคลาเทศในระยะเวลาสั้นๆด้วยเรื่องธุรกิจ หวังเพียงแบ่งปันเรื่องราวที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับชาวบังคลาเทศหลายท่าน และหวังว่าอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
.............................................................................................................
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ฉันสะดุ้งตื่น
เสียงกังวานเสนาะที่ดังก้องไปทั่วจากเสียงเรียกเพื่อละหมาดในตอนก่อนแสงทองจะสาดจับขอบฟ้านั้นปลุกให้ฉันตื่นขึ้นจากอาการหลับราวสลบไสล
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา พลังงานในกายและใจคล้ายจะถูกสูบออกไป อาจเรียกได้ว่าเกือบทุกหยาดหยดกันเลยทีเดียว
ตื่นเช้าจัด นอนดึกจัด บางวันก็เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอน ด้วยเวลามันน้อยเต็มที และฉันก็เป็นคนที่ จะเรียกได้ว่า อืมห์ “มีกรรม” เป็น”คนมีกรรม” ก็เห็นจะได้ ด้วยเป็นคนที่หลับไม่ง่ายเลย
จากสัมผัสมือแรกทักทายที่โฮจิมินห์ซิตี้ ชักนำมาสู่ดินเนอร์แรกกับคู่ค้าคนแรกแห่งดินแดนบังคลาเทศที่กรุงเทพ และต่เนื่องไปสู่การดูงานอันแสนทรหดทั้งในเมืองไทยและพม่า กว่าจะมาจนถึงประเทศบังคลาเทศได้ คล้ายกับรู้สึกราวรับศึกหนักมาสักเดือนก็ไม่ปาน ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านมาเพียงแปดวันที่ฉันอยู่ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพของการเยี่ยมเยือน
และ ยัง ยังไม่จบ เพราะนั่นเพียงแค่ครึ่งทาง
ยังเหลือเวลาอีกเก้าวัน สำหรับการผจญกับแผนงานในตลาดใหม่ กับคู่ค้าคนเดิม ที่เปลี่ยนสภาพมาเป็นเจ้าบ้านและรับรองฉันในฐานะผู้มาเยือน
อาห์ พี่แกจะ “เอาคืน” ไหมหว่า
เช้าแรกในกรุงธากา เมืองหลวงแห่งบังคลาเทศ
ฉันตัดสินใจสลัดตัวเองออกไปให้พ้นจากเตียงนุ่ม และผ้านวมผืนนิ่มตั้งแต่ราวตีห้าครึ่ง
นั่งงุนงงอยู่ชั่วครู่ขณะเรียกสติและปลุกตัวเองให้รับรู้ว่าขณะนี้ กำลังนั่งอยู่เพียงลำพังในห้องที่มีสิ่งของเครื่องใช้อันแปลกตา
เสียงดังที่รู้สึกไปได้ว่าคล้ายจะสะท้านไปทั่วปฐพี
หัวใจเต้นรัวกระหน่ำผิดจังหวะ เพราะถูกกระชากออกจากนิทราอย่างไม่ทันตั้งตัว
ถามตัวเองอย่าง งง งง “ที่ไหนฟะเนี่ย?”
ถามเอง ก็ตอบเอง “ อ้อ อยู่บังคลาเทศแล้วนี่หว่า”
ยื่นมือเปะปะไปหยิบโทรศัพท์แถวข้างเตียงมาดูเวลา แล้วแอบไถลกายเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกนิด อยากนอนต่อเหลือเกิน กว่าจะถึงเวลาปฏิบัติภารกิจก็อีกตั้งนาน
แต่แล้วก็ต้องตัดใจ นอนฟังเสียงเรียกละหมาดไปได้แค่ชั่วครู่ ทนนอนต่อไม่ได้ กังวานเสียงเสนาะดังสนั่นแหวกความมืดยั่วใจและกระชากฉันให้ลุกขึ้นมาเดินเปะปะแหวกม่านแล้วมองออกไปให้ทั่ว
ตื่นเต็มตา นึกขึ้นได้ว่า นี่ไม่ใช่เช้าแรก ไม่ใช่ดินแดนแรกที่ฉันตื่นเพราะเสียงเรียกละหมาด
คำถอดความไพเราะเพราะพริ้งจากบุคคลนิรนามที่ฉันได้เคยคัดลอกไว้ ขออภัยที่ไม่ทราบที่มาจริงๆ
แต่...คงไม่เป็นไรกระมัง หากฉันจะนำมาถ่ายทอด ณ ที่แห่งนี้
“พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
ข้าขอปฏิญานว่า ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ข้าขอปฏิญานว่า ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ข้าขอปฏิญานว่า มูหัมมัดเป็นผู้สื่อสารของพระองค์อัลลอฮ์
ข้าขอปฏิญานว่า มูหัมมัดเป็นผู้สื่อสารของพระองค์อัลลอฮ์
จงรีบมาประสาทพรเถิด จงรีบมาประสาทพรเถิด จงรีบมายังชัยชนะ
จงรีบมายังชัยชนะ พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ทรงเป็นใหญ่ยิง
ไม่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์”
ใครกันหนอ ถอดความออกมาเป็นภาษาไทยได้สละสลวยเหลือเกิน ช่างทำให้ช่วงเวลาของละหมาดแรกแห่งกรุงธากาของฉันเปี่ยมมนต์ขลัง
หมายเหตุ
เพราะเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น เราจึงได้ยินเสียงเรียกละหมาดได้ชัดเจนในหลายๆพื้นที่ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเลือกพักโรงแรมที่ใกล้มัสยิด ในยามเช้าตรู่ ในขณะที่บรรยากาศยังเงียบสงัด เสียงไพเราะนั้นจะดังก้องกังวานไปไกลในความมืด