หนังสือบทสรุปเกมส์ที่เป็นเล่มๆเด๋วนี้เค้าเลิกทำแล้วหรอครับ

กระทู้คำถาม
แบบเมื่อก่อนสมัยผมเล่นps2เวลาผมซื้อแผ่นเกมไหนมาเล่นผมจะต้องซื้อบทสรุปเกมส์นั้นคู่กันมาเล่นด้วยเสมอเพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่นและความเข้าใจเนื้อเรื่องต่างๆ แต่เด๋วนี้ผมหันมาเล่นเกมบนคอมก็ไม่ค่อยได้ไปร้านขายแผ่นเกมแบบสมัยก่อนเพราะผมจะผมจะซื้อจากsteamเอา และเด๋ยวนี้ผมก็เล่นเกมไม่จบเหมือนสมัยก่อนเมื่อก่อนในps2ผมเล่นเกมจบทุกเกมเพราะหนังสือบทสรุปเนี่ยแหละนอกจากบอกเนื้อเรื่อง วิธีผ่านแล้วมันยังบอกถึงวิธีปลดล็อคนู่นนี่นั่นรวมถึงด่านลับ,ไอเท็มลับอีกด้วย แต่กลับกันตอนนี้เกมในsteamผมเกือบ300เกมแต่เล่นจบไม่ถึง10เกมเพราะรู้สึกไม่อินกับการเล่นเหมือนเมื่อก่อนแล้วอ่ะครับ
บทสรุปต่างๆในเน็ตมันก็ไม่ละเอียดและไม่ได้อารมณ์เหมือนนั่งเปิดคู่มืออ่านจริงๆเป็นเล่มตอนนั่งเล่นอ่ะครับ เลยอยากจะถามว่าเดี๋ยวนี้เค้าไม่มีบทสรุปเกมใหม่ๆทำเป็นเล่มขายแล้วหรอครับเช่นbioshock in,farcry3,L.A. Noire,Cod:ghostไรงี้อ่ะครับ ถ้ายังมีอยู่ช่วยแนะนำร้านให้ผมได้มั้ยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยทำหนังสือบทสรุปเกมขาย ในยุคประมาณ 15 ปีก่อน

ไม่รู้มีใครในนี้เคยเป็นลูกค้าช่วยอุดหนุนบ้าง หนังสือยี่ห้อ Game Guide

บทสรุปที่เคยทำก็มี Dragon Quest VII, Final Fantasy IX, Super Robot Taisen, Vagrant Story, Breath of Fire IV, Parasite Eve 2, Dino Csysis 2 ที่เป็น Play Station
ถ้าเป็น Game Boy Color ก็จะมี Bokujou Monogatai (Harvest Moon) 3, Pokemon Gold & Silver, Zelda, Dragon Quest 1&2, Dragon Quest 3

จุดขายของหนังสือผมคือ "การแปลเนื้อเรื่องทั้งหมดให้ผู้เล่นเข้าใจเหมือนกับเจ้าของภาษา" เพราะผมจบทางด้านภาษาญี่ปุ่นโดยตรง และผมมั่นใจว่าหนังสือของผมตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดในท้องตลาดแล้วในเวลานั้น

งานนี้สนุกและเหนื่อยมาก เพราะผมทำคนเดียวทั้งเล่ม ตั้งแต่เล่นเอง สรุปเอง ดึงภาพที่ปรากฎบนจอโทรทัศน์ลงแผ่น floppy disk ด้วยอุปกรณ์พิเศษ (เครื่องละ 20,000 กว่าบาทในยุคนั้น) แล้วใช้โปรแกรม Page Maker กับ Photoshop ทำหนังสือเอง

ด้านข้อมูลไอเท็มและภาพประกอบก็ใช้วิธีซื้อบทสรุปจากญี่ปุ่นให้แอร์โฮสเตสหิ้วมา

ต้นทุนอุปกรณ์ทั้งหมดบริษัทออกให้ ผมได้ค่าจ้างหน้าละ 120 บาท หนังสือเล่มหนึ่งหนาประมาณ 250 หน้า ก็ได้ 30,000 บาท แต่ทำแบบหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอน กว่าจะเสร็จเล่มหนึ่งก็เกือบเดือน ยิ่งพวก DQ หรือ FF ข้อมูลโหดมาก

ช่วงนั้นการแข่งขันสูงจริง ๆ และมีสำนักพิมพ์ห่วย ๆ ทำบทสรุปมั่ว ๆ ออกมาหลอกเอาเงินคนมากมาย ผมซื้อมาเปรียบเทียบแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อมูลมั่วสุด ๆ ที่สำคัญคือไม่ได้เล่นเอง แต่ไปเอามาจากในเน็ต แล้วจ้างคนแปลโดยที่ไม่เห็นภาพ บางทีเลยได้เห็นอะไรพิลึก ๆ

เช่น DQ VII มีฉากหนึ่งจะต้องไปเจอกับรากไม้ ซึ่งภาษาญี่ปุ่นคือ nekko (เขียนเป็นภาษาอังกฤษจะได้เข้าใจง่าย) แต่บทสรุปของสำนักพิมพ์หนึ่งบอกว่าต้องไปเจอกับแมว ซึ่งภาษาญี่ปุ่นคือ neko แบบนี้ชัดเลยว่าคนทำบทสรุปไม่ได้แม้แต่จะเล่นเกมเองด้วยซ้ำ

ช่วงนั้นค่าย Rocket (ถ้าจำผิดขออภัย) มาแรง หนังสือสวย กราฟฟิคเยี่ยม ข้อมูลแน่น ได้ข่าวว่าใช้ทีมงาน 5 คน

ผมซึ่งทำอยู่คนเดียวต้องสู้ด้วย "เนื้อหา" ซึ่งทั้งสนุกและเหนื่อยเอามาก ๆ เป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ผมคงไม่ลืมไปตลอดชีวิตนี้

มีครั้งหนึ่งบทสรุปเกม Pokemon Gold & Silver ของผมดันขายดี ขายไปได้ 12,000 เล่มทั่วประเทศ ราคาหน้าปก 120 บาท สนพ.ได้กำไรเล่มละประมาณ 30 - 40 บาท

ผมได้ค่าแรงในการทำทั้งหมดแค่ 30,000 บาท แต่ สนพ.กำไรเกือบ 500,000 บาท เล่นเอาเพื่อน ๆ ผมที่รู้ข่าวแห่มาขอหุ้น จะเปิดสำนักพิมพ์เอง แล้วให้ผมลงแรงทำหนังสืออย่างเดียว แต่ผมปฏิเสธไปเพราะรู้ว่าวงการนี้จะอยู่ได้ไม่นาน ด้วยการมาถึงของอินเตอร์เน็ต แล้วในวันนี้มันก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิด

กระทู้นี้ ผมอยากตอบจนต้องไปขุดเลขสมาชิกขึ้นมาใช้ หลังจากไม่ได้ตอบอะไรในพันทิปตั้งเกือบปี

อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนสมาชิกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากครับ !!


Mr.GII (มิสเตอร์ จีทู)
ความคิดเห็นที่ 13
แฟนผมเล่าให้ฟังครับ เพราะแฟนผมอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ที่ผลิตหนังสือบทสรุปเกมส์มาเกือบๆ 20 ปี
อย่างที่ทุกท่านว่าล่ะครับ ยุคมันเปลี่ยน เข้าถึงกัน อินเตอร์เน็ตหาได้ด้วยปลายนิ้ว คนก็นิยมหนังสือเกมส์ลดลง บริษัทมีรายได้ลดลง หนังสือค้างในสต็อคเกือบหมื่นเล่ม เค้าจำใจต้องยุบ ยกเลิกการทำในที่สุด แต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่า เค้าเลิกผลิตไปแล้ว เค้าอยากให้เงียบหายไปเองตามกาลเวลา  อยากให้มันเป็นตำนานไป

เครื่องเกมส์ Console ที่มีอยู่ที่บริษัทหัวหน้าเค้าก็เริ่มทยอยขายให้พนักงานอย่าง Xbox ขายต่อพันต้นๆ (1000-2000 มั๊ง) PS3 ก็ 4000 บาท (เครื่องนี้ใหม่มากๆ ผมยังเสียดายเลย) แล้วบรรดาทีมงานทำหนังสือเกมส์ก็จำใจต้องไปทำหนังสืออย่างอื่นแทน บางคนเคยทำบทสรุปเกมส์พวกภาษาญี่ปุ่นก็ไปทำหนังสือท่องเที่ยว บางคนที่ทำกราฟิกหนังสือเกมส์ ก็ต้องไปทำหนังสือแฟชั่นอื่นๆแทน ฯลฯ บางคนเป็นเกมเมอร์ขั้นเทพ ฝีมือดีๆ เป็นตัวชูโรงให้กับบริษัท  กลับต้องลาออก ไปเป็นเซลล์ เสียดายฝีมือมากๆ

ก่อนแฟนลาออกจากที่นั่น ผมก็ขอซื้อมาจำนวนนึง ผมว่าจะเก็บเอาไว้ เป็นความทรงจำอย่างนึง ในยุคที่เกมส์ยังเป็น Offline อยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่