เนื่องจากบ้านใหม่ในฝันของเราอยู่ห่างไกลจากความเจริญมาก ไม่มีน้ำประปาเข้าถึง ทางออกที่เราเลือกคือการเจาะน้ำบาดาล
ตัวเรานั้นไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย เพราะชีวิตที่ผ่านมาเคยใช้เเต่น้ำประปา เปิดก๊อกมาก็เป็นอันเสร็จเรื่อง เเค่ผ่านเครื่องกรองน้ำธรรมดาก็ดื่มได้เเล้ว
เเต่น้ำบาดาลนั้นไม่เหมือนกัน จากที่ได้ยินมาบ้าง หาอ่านตามเวปต่างๆบ้าง ก็ทำให้เราได้รู้ว่า
โดยทั่วไปน้ำบาดาลเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากสารอินทรีย์เคมี และเชื้อโรคต่างๆ ไม่มีกลิ่น แต่ขณะที่น้ำไหลผ่านไปตามชั้นดิน ชั้นหิน อาจจะละลายเอาแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แมงกานีส แคลเซียม เป็นต้น เข้ามาปะปน รวมทั้งถูกปนเปื้อนด้วยน้ำที่มีคุณภาพ ด้อยกว่า ทำให้คุณภาพของน้ำบาดาลเปลี่ยนไป
บางคนเข้าใจว่าแคลเซียมในหินปูนจะทำให้เป็นโรคนิ่ว แต่ในทางการแพทย์ มีหลักฐานยืนยันว่าโรคนิ่วไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำที่มีหินปูน แต่เกิดจากความไม่สมดุลของแร่ธาตุบางชนิดที่ได้จากอาหาร เช่น พวกฟอสเฟต เป็นต้น
ในด้านสุขภาพ ร่างกายคนเราต้องการแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้เป็นโรคหัวใจอีกด้วย ซึ่งน้ำดื่มที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ส่วนใหญ่ก็นำน้ำบาดาลไปผลิต แต่จะต้องผ่านขั้นตอนให้อยู่ในมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มตามองค์การอนามัยโลก
อย่างไรก็ตาม บางครั้งพบว่าคุณภาพน้ำบาดาลจะมีแร่ธาตุเจือปนมากจนบริโภคไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำ ได้แก่ การกำจัดสิ่งเจือปนในน้ำ การกำจัดเหล็กและแมงกานีส การกำจัดความกระด้าง การกำจัดน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม การฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคน้ำบาดาล จึงควรผ่านการกรองให้อยู่ในมาตรฐานก่อนนำไปบริโภค และควรมีการบำรุงรักษาทั้งในแง่ของการบำรุงรักษาบ่อบาดาล และการบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องสูบด้วย
จากข้อความทั้งหมดนี้ทำให้เราเข้าใจว่า น้ำบาดาลมีสารหลายๆชนิดที่ร่างกายเราต้องการ เเต่บางครั้งก็มีมากเกินความต้องการจนทำให้เกิดโทษ
ตอนนี้เราได้ทำการติดตั้งเครื่องกรองน้ำเเล้วสองชนิด ชนิดเเรกคือกำจัดสิ่งเจือปนในน้ำ การกำจัดเหล็กและแมงกานีส การกำจัดความกระด้าง การกำจัดน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม เเละชนิดที่สองเพื่อกำจัดเชื้อโรค เเละยังคิดติดตั้งชนิดที่สามซึ่งต่อจากก๊อกน้ำดื่มโดยตรงอีกครั้งเพื่อความสบายใจ
รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เราลองคิดคร่าวดูเเล้ว น่าจะกินเวลาถึง 10-15 ปี ถึงจะคุ้มกับเงินที่เสียไป (เปรียบเทียบกับค่าน้ำประปาที่เราต้องจ่ายเป็นรายเดือน)
เรื่องราวของน้ำบาดาลที่เราอ่านมาก็มีประมาณนี้ หรือถ้าใครทีใช้น้ำบาดาลอยู่เจอกับปัญหาอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ เเละมีวิธีเเก้ไขยังไง ยังไงก็ขอคำเเนะนำด้วยนะคะ อย่างที่กล่าวไปเเล้วตั้งเเต่เเรก เราไม่มีความรู้อะไรทางด้านนี้เลย เเค่คิดว่ามันน่าจะทำได้ เเล้วก็ลงมือทำเลย จุดประสงค์ของเราคือสร้างเเหล่งน้ำใช้เองในครัวเรือน เเละหวังเอาไว้ว่าสักวันนึงจะไม่ต้องได้จ่ายค่าน้ำอีกต่อไป
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ
"เครดิตจาก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล"
เจาะน้ำบาดาลเพื่อใช้ในครัวเรือน
ตัวเรานั้นไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย เพราะชีวิตที่ผ่านมาเคยใช้เเต่น้ำประปา เปิดก๊อกมาก็เป็นอันเสร็จเรื่อง เเค่ผ่านเครื่องกรองน้ำธรรมดาก็ดื่มได้เเล้ว
เเต่น้ำบาดาลนั้นไม่เหมือนกัน จากที่ได้ยินมาบ้าง หาอ่านตามเวปต่างๆบ้าง ก็ทำให้เราได้รู้ว่า โดยทั่วไปน้ำบาดาลเป็นน้ำที่สะอาด ปราศจากสารอินทรีย์เคมี และเชื้อโรคต่างๆ ไม่มีกลิ่น แต่ขณะที่น้ำไหลผ่านไปตามชั้นดิน ชั้นหิน อาจจะละลายเอาแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แมงกานีส แคลเซียม เป็นต้น เข้ามาปะปน รวมทั้งถูกปนเปื้อนด้วยน้ำที่มีคุณภาพ ด้อยกว่า ทำให้คุณภาพของน้ำบาดาลเปลี่ยนไป
บางคนเข้าใจว่าแคลเซียมในหินปูนจะทำให้เป็นโรคนิ่ว แต่ในทางการแพทย์ มีหลักฐานยืนยันว่าโรคนิ่วไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำที่มีหินปูน แต่เกิดจากความไม่สมดุลของแร่ธาตุบางชนิดที่ได้จากอาหาร เช่น พวกฟอสเฟต เป็นต้น
ในด้านสุขภาพ ร่างกายคนเราต้องการแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้เป็นโรคหัวใจอีกด้วย ซึ่งน้ำดื่มที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ส่วนใหญ่ก็นำน้ำบาดาลไปผลิต แต่จะต้องผ่านขั้นตอนให้อยู่ในมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มตามองค์การอนามัยโลก
อย่างไรก็ตาม บางครั้งพบว่าคุณภาพน้ำบาดาลจะมีแร่ธาตุเจือปนมากจนบริโภคไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำ ได้แก่ การกำจัดสิ่งเจือปนในน้ำ การกำจัดเหล็กและแมงกานีส การกำจัดความกระด้าง การกำจัดน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม การฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการบริโภคน้ำบาดาล จึงควรผ่านการกรองให้อยู่ในมาตรฐานก่อนนำไปบริโภค และควรมีการบำรุงรักษาทั้งในแง่ของการบำรุงรักษาบ่อบาดาล และการบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องสูบด้วย
จากข้อความทั้งหมดนี้ทำให้เราเข้าใจว่า น้ำบาดาลมีสารหลายๆชนิดที่ร่างกายเราต้องการ เเต่บางครั้งก็มีมากเกินความต้องการจนทำให้เกิดโทษ
ตอนนี้เราได้ทำการติดตั้งเครื่องกรองน้ำเเล้วสองชนิด ชนิดเเรกคือกำจัดสิ่งเจือปนในน้ำ การกำจัดเหล็กและแมงกานีส การกำจัดความกระด้าง การกำจัดน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม เเละชนิดที่สองเพื่อกำจัดเชื้อโรค เเละยังคิดติดตั้งชนิดที่สามซึ่งต่อจากก๊อกน้ำดื่มโดยตรงอีกครั้งเพื่อความสบายใจ
รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เราลองคิดคร่าวดูเเล้ว น่าจะกินเวลาถึง 10-15 ปี ถึงจะคุ้มกับเงินที่เสียไป (เปรียบเทียบกับค่าน้ำประปาที่เราต้องจ่ายเป็นรายเดือน)
เรื่องราวของน้ำบาดาลที่เราอ่านมาก็มีประมาณนี้ หรือถ้าใครทีใช้น้ำบาดาลอยู่เจอกับปัญหาอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ เเละมีวิธีเเก้ไขยังไง ยังไงก็ขอคำเเนะนำด้วยนะคะ อย่างที่กล่าวไปเเล้วตั้งเเต่เเรก เราไม่มีความรู้อะไรทางด้านนี้เลย เเค่คิดว่ามันน่าจะทำได้ เเล้วก็ลงมือทำเลย จุดประสงค์ของเราคือสร้างเเหล่งน้ำใช้เองในครัวเรือน เเละหวังเอาไว้ว่าสักวันนึงจะไม่ต้องได้จ่ายค่าน้ำอีกต่อไป
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ
"เครดิตจาก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล"