เรื่องราว ที่ ออกมาทาง สื่อ ทาง ป้าย หรือทางโซเชี่ยล ที่ ออกมาบอกว่า
ไม่เอา รัฐบาลโกง หรือการ คอรัปชั่น ที่ อยู่ในสายเลือด ของ ประชาชน
ที่พอมีโอกาศ จะเบียดบังได้
ก่อนอื่น ต้อง ถามว่า การโกง มันเริ่ม มาแต่สมัยใด ใครเป็นผู้เริ่มต้น นี่คือคำถาม
ที่ ไม่ต้องการคำตอบ เพราะคำตอบ มันอยู่ใน กลุ่ม คน ที่เรียกตนเอง ว่าเป็น คนชั้นสูง
พอจะประมวลได้ว่า การโกงมี เฉพาะ กลุ่ม คน ที่ไม่ใช่ ราษฎร์ ธรรมดา อย่างชาวบ้านทั่วไป
เพราะ เขาเหล่านั้น ไม่มีปัญญา โกงครับ
่ ถ้ายังจำกันได้ สมัย ก่อน ที่ พระมหากษัตย์ ทรงเป็นเจ้าชีวิต ของ ราษฎร์ ทุกหมู่เหล่า ทรงแต่งตั้ง
เจ้าเมือง ไป ทำหน้าที่ แทนพระองค์ เขาเรียกดว่า ต่างพระเนตร พระกรรณ ดูแลทุกขืสุข ของราษฎร์
รวมทั้ง เก็บ ภาษี ส่งเข้ามายัง พระคลังข้างที่ ภาษี ที่เก็บ ไม่มีกฎหมายประมวลรัชฎากร อย่างทุกวันนี้
เก็บยภาษี กันเท่าที่จำได้ มี จังกอบ ที่เก็บ ตามความกว้างของเรือสินค้า บางที่ก้เรียกว่า ภาษีปากเรือ
อากร นี่เก็บกันตามลักษณะ ของ รูปแบบการประกอบการ เช่น อากร โรงยา บ่อนการพนัน อีก ชื่อ
ก็ ส่วย ที่เก็บกัน เพื่อช่วยเหลือ กับราชการเช่น การไม่เป็นทหาร ก็จ่ายส่วยแทน อย่างนี้ เป็นต้น
นาย อากร หรือเจ้าเมือง ที่ได้รับ อนุญาติให้เก็บ ภาษี ก็ จัดเก็บ กัน โดย ไม่มีบัญชีคุม เท่าไร ภาษา
ชาวบ่านเขา เรียกว่า วัด ครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ส่งพระคลัง ไป บางส่วนก็เก็บไว้ จนมา ทีหลัง
พระมหากษตรย์ ทรง ทราบเรื่องราว ก็ ให้มีการเหมาจ่าย กัน เพื่อ ทำให้จำนวนส่ง คงที่ นี่เป็น เริ่มต้น ของ การ
โกง หรือ เรียกสวย ๆว่า คอรัปชั่น
ต่อมา มีคนจีน อพยพ มาจากเมืองจัน มาอาศัย อยู่ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก คนจีนพวกนี้ เอานิสัย การ จ่ายให้
กับข้าตราชการ ติดตัวเข้ามาด้วย เข้าไปตีสนิท กับ ทางการ จ่ายทั้งบนโต๊ะ ไต้โต๊ะ จนได้ เครื่องหมายการค้า มาประดับ
ร้าน ประดับ บริษัท ของตนเอง หรือ บางครั้ง ก็ถ่ายรูป กับ บุคคลสำคัญในรัฐบาลหรือทหาร ที่มีอำนาจ เพื่อเป็นเกราะ
ป้องกัน มิให้ ใครมา ก้าวก่าย กับการค้เาของตนเอง (เรื่องราวช่วงนี้ ผมได้รับการบอกเล่าจาก อาก๋ง ที่มาจากเมืองจีน )
มาสมัยหลัง ประเทศ เจริญขึ้น ต้อง การการพัฒนาประเทส ที่ แบบ ก้าวกระโดด มีการก่อสร้าง การบำรุงสถานที่ ของทา่งราชการ
กันอย้าง เ๖็มที่ งบประมาณ ออกมาจาก งบประจำปีในการทำงาน ทุกระบบ ทุก กระทรวง มีพรรคการเมือง มี สส ทำหน้าที่
กำหนด งบประมาณ ประจำปี ทำให้ สส มีโอกาศ ที่จะพัฒนา ท้องถี่น ของตนเอง ดึงงบเข้ามาหาท้องถี่นของตัว ถ้า่ใคร
ยังจำได้ ก่อน ปี 2544 มีการให้งบพัฒนา กับ สส คนละ 25 ล้านบาท เพื่อเอาไปทำอะไร ก็ได้ ตารมที่ คิดทำขึ้น มายกเลิกไป
ช่วง ปี 2544 ที่คุณทักษิณ เข้ามา
สส พยายาม ที่เข้าไปเป็น กรรมาธิการงบประมาณ แปรญัตติ งบประมาณ ลด นั่น เพิ่มนี่ และ สามารถอีกแหละครับ ดึงงบ เอามา
ให้ กับ สส ออกมา อ้างว่าเป็นงบของตนเอง ไปพัฒนา โครงการที่ตัวเอง คิดว่า ดี ใส่ชื่อ กันตามถนนหนทาง ว่า เป็น โครงการของตัว
ประหยัด งบหาเสียงบไปได้ส่วนหนึ่ง
งานราชการทุกแห่ง ตั้งโรงเรียนอนุบาล ยัน สถานศึกษาขนาดใหญ่ สนุกกับ แป๊ะเจี๊ยะ ที่ กำหนดขึ้น บางคน ลูก อยู่ในท้อง เอาไปฝาก
เสียเงินล่วงหน้ากันแล้ว ตลก ก้ยังมีคนรับเงิน อันนั้น งานก่อสร้างทุกโครงการ มีการจัดฮั้วกันอย่างเปิดเผย ข้าราชการ ตั้งแต่ ผู้ว่ายัน
ปลัด ต้องมีการเซ็น จ่ายเงิน กัน อย้างเป็นเรื่องปรกติ ธรรมดา
ที่คุย มานี่ ต้องหาต้นตอ และสร้างค่านิยม กันให้ได้ ในการแก้ใข ปํญหา การโกง เริ่ม ตั้งแต่ ประชาชน ที่จะไม่จ่าย ส่วย ที่เกิดขึ้นตาม
โรงเรียน ตามท้องถนน ผู้ที่เข้ามารักษากฎหมาย ต้องได้รับ การสกรัน ไม่เห็นแก่พรรคแก่พวก กฎหมายต้าง ๆต้อง เป็นธรรม
ไม่
บังคับ คนเฉพาะกลุ่ม เฉพาะคน สร้างจิตสำนึก ของ ความบริสุทธิ ยุติธรรม ให้กับ คนทุกชั้น กฎหมาย ต้อง บังคับใช้ ขั้นสูงสุด ของ
คน ที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน
เรื่องราว ของการคอรัปชั่น เป็นสี่งที่ไม่ต้องพูด เฉพาะคน ว่า แต่ว่า หนู ตัวไหน ที่จะเอา กระพรวนไปผูก คอแมว ครับ
คุยกันเรื่องคนโกง
ไม่เอา รัฐบาลโกง หรือการ คอรัปชั่น ที่ อยู่ในสายเลือด ของ ประชาชน
ที่พอมีโอกาศ จะเบียดบังได้
ก่อนอื่น ต้อง ถามว่า การโกง มันเริ่ม มาแต่สมัยใด ใครเป็นผู้เริ่มต้น นี่คือคำถาม
ที่ ไม่ต้องการคำตอบ เพราะคำตอบ มันอยู่ใน กลุ่ม คน ที่เรียกตนเอง ว่าเป็น คนชั้นสูง
พอจะประมวลได้ว่า การโกงมี เฉพาะ กลุ่ม คน ที่ไม่ใช่ ราษฎร์ ธรรมดา อย่างชาวบ้านทั่วไป
เพราะ เขาเหล่านั้น ไม่มีปัญญา โกงครับ
่ ถ้ายังจำกันได้ สมัย ก่อน ที่ พระมหากษัตย์ ทรงเป็นเจ้าชีวิต ของ ราษฎร์ ทุกหมู่เหล่า ทรงแต่งตั้ง
เจ้าเมือง ไป ทำหน้าที่ แทนพระองค์ เขาเรียกดว่า ต่างพระเนตร พระกรรณ ดูแลทุกขืสุข ของราษฎร์
รวมทั้ง เก็บ ภาษี ส่งเข้ามายัง พระคลังข้างที่ ภาษี ที่เก็บ ไม่มีกฎหมายประมวลรัชฎากร อย่างทุกวันนี้
เก็บยภาษี กันเท่าที่จำได้ มี จังกอบ ที่เก็บ ตามความกว้างของเรือสินค้า บางที่ก้เรียกว่า ภาษีปากเรือ
อากร นี่เก็บกันตามลักษณะ ของ รูปแบบการประกอบการ เช่น อากร โรงยา บ่อนการพนัน อีก ชื่อ
ก็ ส่วย ที่เก็บกัน เพื่อช่วยเหลือ กับราชการเช่น การไม่เป็นทหาร ก็จ่ายส่วยแทน อย่างนี้ เป็นต้น
นาย อากร หรือเจ้าเมือง ที่ได้รับ อนุญาติให้เก็บ ภาษี ก็ จัดเก็บ กัน โดย ไม่มีบัญชีคุม เท่าไร ภาษา
ชาวบ่านเขา เรียกว่า วัด ครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ส่งพระคลัง ไป บางส่วนก็เก็บไว้ จนมา ทีหลัง
พระมหากษตรย์ ทรง ทราบเรื่องราว ก็ ให้มีการเหมาจ่าย กัน เพื่อ ทำให้จำนวนส่ง คงที่ นี่เป็น เริ่มต้น ของ การ
โกง หรือ เรียกสวย ๆว่า คอรัปชั่น
ต่อมา มีคนจีน อพยพ มาจากเมืองจัน มาอาศัย อยู่ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก คนจีนพวกนี้ เอานิสัย การ จ่ายให้
กับข้าตราชการ ติดตัวเข้ามาด้วย เข้าไปตีสนิท กับ ทางการ จ่ายทั้งบนโต๊ะ ไต้โต๊ะ จนได้ เครื่องหมายการค้า มาประดับ
ร้าน ประดับ บริษัท ของตนเอง หรือ บางครั้ง ก็ถ่ายรูป กับ บุคคลสำคัญในรัฐบาลหรือทหาร ที่มีอำนาจ เพื่อเป็นเกราะ
ป้องกัน มิให้ ใครมา ก้าวก่าย กับการค้เาของตนเอง (เรื่องราวช่วงนี้ ผมได้รับการบอกเล่าจาก อาก๋ง ที่มาจากเมืองจีน )
มาสมัยหลัง ประเทศ เจริญขึ้น ต้อง การการพัฒนาประเทส ที่ แบบ ก้าวกระโดด มีการก่อสร้าง การบำรุงสถานที่ ของทา่งราชการ
กันอย้าง เ๖็มที่ งบประมาณ ออกมาจาก งบประจำปีในการทำงาน ทุกระบบ ทุก กระทรวง มีพรรคการเมือง มี สส ทำหน้าที่
กำหนด งบประมาณ ประจำปี ทำให้ สส มีโอกาศ ที่จะพัฒนา ท้องถี่น ของตนเอง ดึงงบเข้ามาหาท้องถี่นของตัว ถ้า่ใคร
ยังจำได้ ก่อน ปี 2544 มีการให้งบพัฒนา กับ สส คนละ 25 ล้านบาท เพื่อเอาไปทำอะไร ก็ได้ ตารมที่ คิดทำขึ้น มายกเลิกไป
ช่วง ปี 2544 ที่คุณทักษิณ เข้ามา
สส พยายาม ที่เข้าไปเป็น กรรมาธิการงบประมาณ แปรญัตติ งบประมาณ ลด นั่น เพิ่มนี่ และ สามารถอีกแหละครับ ดึงงบ เอามา
ให้ กับ สส ออกมา อ้างว่าเป็นงบของตนเอง ไปพัฒนา โครงการที่ตัวเอง คิดว่า ดี ใส่ชื่อ กันตามถนนหนทาง ว่า เป็น โครงการของตัว
ประหยัด งบหาเสียงบไปได้ส่วนหนึ่ง
งานราชการทุกแห่ง ตั้งโรงเรียนอนุบาล ยัน สถานศึกษาขนาดใหญ่ สนุกกับ แป๊ะเจี๊ยะ ที่ กำหนดขึ้น บางคน ลูก อยู่ในท้อง เอาไปฝาก
เสียเงินล่วงหน้ากันแล้ว ตลก ก้ยังมีคนรับเงิน อันนั้น งานก่อสร้างทุกโครงการ มีการจัดฮั้วกันอย่างเปิดเผย ข้าราชการ ตั้งแต่ ผู้ว่ายัน
ปลัด ต้องมีการเซ็น จ่ายเงิน กัน อย้างเป็นเรื่องปรกติ ธรรมดา
ที่คุย มานี่ ต้องหาต้นตอ และสร้างค่านิยม กันให้ได้ ในการแก้ใข ปํญหา การโกง เริ่ม ตั้งแต่ ประชาชน ที่จะไม่จ่าย ส่วย ที่เกิดขึ้นตาม
โรงเรียน ตามท้องถนน ผู้ที่เข้ามารักษากฎหมาย ต้องได้รับ การสกรัน ไม่เห็นแก่พรรคแก่พวก กฎหมายต้าง ๆต้อง เป็นธรรม
ไม่
บังคับ คนเฉพาะกลุ่ม เฉพาะคน สร้างจิตสำนึก ของ ความบริสุทธิ ยุติธรรม ให้กับ คนทุกชั้น กฎหมาย ต้อง บังคับใช้ ขั้นสูงสุด ของ
คน ที่กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน
เรื่องราว ของการคอรัปชั่น เป็นสี่งที่ไม่ต้องพูด เฉพาะคน ว่า แต่ว่า หนู ตัวไหน ที่จะเอา กระพรวนไปผูก คอแมว ครับ