'แม็คยีนส์'ท้าชนแบรนด์นอกงัดกลยุทธ์เจาะทุกตลาด

กระทู้สนทนา
เพื่อนผมซื้อไว้ตอน 11 บาท รวยไปแล้ว อิจฉามัน.....

'แผนระยะยาว 5 ปี เข้าถึงลูกค้าทุกจุด 'รุกคืบไปกลุ่มสินค้า Casual Wear อื่น โดยใช้จุดยืนตลาดป่าล้อมเมือง ขยายสาขาตจว.'
ปรารถนา มงคลกุล
บนสมรภูมิการแข่งขันธุรกิจเสื้อผ้ามองไปทางไหนก็เห็นแต่แบรนด์นอกเข้ามายึดทำเลทองในไทยมาก จนทำให้เสื้อผ้าแบรนด์ไทยแทบจะถูกกลืนหายไปจากสายตาผู้บริโภค ด้วยการออกแบบที่กระจายขายทั่วโลก และต้นทุนต่ำกว่าทำให้ ยากที่แบรนด์ไทยจะเข้าไปแทรกได้
แต่ประเด็นข้างต้นนั้นไม่ใช่ปัญหาของแม็คกรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้ บมจ. แม็ค กรุ๊ป หรือ MC ที่ใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองนำยี่ห้อ "แม็ค ยีนส์" ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดกางเกงยีนส์ได้ ด้วยส่วนแบ่งการ ตลาด 38-39% จากมูลค่าตลาดรวม 6,000 ล้านบาท
ปัจจุบันยังขยายแบรนด์เสื้อผ้าไปยัง เซ็กเมนท์อื่นอีก ทั้ง McLady, Bison, Mc Pink , Mc Mini, Mc Me และยังซื้อธุรกิจนำเข้านาฬิกาแบรนด์หรูเกือบทุกยี่ห้อ "ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น" เพื่อฉีกตัวเองจาก ผู้ผลิตเสื้อผ้ามาเป็นผู้ออกแบบสินค้าแทน
"ปรารถนา มงคลกุล" ประธานกรรมการบริหาร กางแผนยุทธศาสตร์ ชิงทุกตลาดไลฟ์สไตล์ ปีนี้ว่าจะเน้นขยายช่องทางทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ไปพร้อมกัน โดยตลาดในประเทศจะเป็นฐานที่มั่นหลักให้แม็คแข็งแรงมากขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศจะเป็นโอกาสเสริมในอนาคต
ปีที่แล้วแม็ค กรุ๊ป ขยายสาขาไปแล้ว 600 สาขา และปีนี้ก็จะเพิ่มอีก 100 สาขา เป็น 700 สาขา งบลงทุน 300 ล้านบาท การขยายช่องทางการขายที่มากขนาดนี้ ไม่ได้มาจากการมองเพียงปีต่อปี แต่มาจากการวางแผนระยะยาว 5 ปี ต้องการเข้าถึงลูกค้าทุกจุด คลอบคลุมทุกแบรนด์ของ แม็ค กรุ๊ป ผ่านศูนย์การค้า โมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต และยังตลาดใหม่ๆ ดังนั้นการขยาย 100 สาขา ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ
สำหรับยุทธศาสตร์ที่รองรับ ปรารถนาบอกว่าบริษัทมาถูกทางตลอด 39 ปีที่ผ่านมา สามารถขึ้นแท่นเบอร์ 1 มาจากการไม่รอให้ช่องทางจำกัดเพียงแค่ศูนย์การค้าเท่านั้น แต่เป็นความสามารถมองตลาดได้ถูกต้อง เทียบแบรนด์นอกที่เข้ามาเปิดในไทยแต่ไม่สามารถขยายได้จำนวนมากขนาดนี้ เพราะแบรนด์นอกขยายตามศูนย์การค้าใหญ่ๆ พื้นที่มากๆ พันตารางเมตรขึ้นไป แต่แม็คกรุ๊ป 150 ตารางเมตรก็เอาอยู่
ทุกวันนี้แค่โมเดิร์นเทรดหรือ ศูนย์การค้าที่กำลังจะเกิดใหม่ บริษัทขยายได้อยู่แล้ว ประมาณ 60 จุดต่อปี ส่วนศูนย์การค้าที่จะเปิดใหม่คาดว่าได้พื้นที่อีก 40 จุด ต่อปี การขยายของศูนย์การค้าแต่ละแห่งแม็คสามารถเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้ 1-2 เคาน์เตอร์ จึงเป็นที่มาของตัวเลขขยายปีละ 100 จุด จึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้
นอกจากนี้ยังมีแม็ค โมบายยูนิต ในอนาคตมีแผนจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจนำรถของตนมาเป็นโมบายยูนิต เพื่อขยายช่องทางในการขาย และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ในส่วนของพนักงานขายได้นำร่องทำไปแล้วตั้งแต่ปี 2556 สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 9 แสนบาทต่อคันต่อเดือน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 5 แสนบาทต่อคันต่อเดือน ปีนี้บริษัทจะเพิ่มบริการแม็ค โมบายยูนิตอีก 4 คัน จะทำให้ มีแม็ค โมบายยูนิตบริการทั้งสิ้น 5 คัน ขยายฐานกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดให้มากขึ้น
รวมไปถึงความคิดตั้งร้าน Street Shop ยังไม่เคยเปิดอย่าง คอมมูนิตี้มอลล์ โซนโรงงานอุตสาหกรรม ตลาดจตุจักร หรือแม้แต่ยูนิเวิลด์ซิตี้ ทาวส์ ไปดูว่าเหมาะที่แม็คจะเข้าไปเปิดร้านได้หรือไม่ และยังไม่นับรวมแฟรนไชส์ที่อาจจะเป็นโอกาสใหม่อีกด้วย
"ถามถึงคู่แข่งการจะมาเปิดสาขาจำนวนมากเหมือนแม็ค กรุ๊ป ก็ทำไม่ได้ จุดนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งที่จะรุกคืบไปยังกลุ่มสินค้าประเภท Casual Wear อื่น โดยใช้จุดยืนทำตลาดป่าล้อมเมือง ขยายสาขาต่างจังหวัดเข้ามาให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ทุกอำเภอ ซึ่งความต้องการมีสูง เพราะทุกคนอยากสวยอยากหล่อ ดังนั้นจึงไปเน้นที่ตลาดระดับกลางขึ้นมาก่อน ที่จะขยายไปยังเซ็กเมนท์อื่นๆ"
ส่วนการขยายช่องทางในต่างประเทศ ปัจจุบันมีซัพพลายเออร์มานำสินค้าไปขายอยู่แล้ว ซึ่งพื้นที่ชายแดนที่มียอดขายสินค้าสูงมาก เช่น จังหวัดบึงกาฬ ปรารถนาคิดว่าหากตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนเลยจะดีกว่า เลยมีการทำแผนไปต่างประเทศตั้งทีมงานบุกตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) อย่างเดียว
การรุกตลาดต่างประเทศ ยังเน้นตัวแทนจำหน่ายสินค้า มากกว่าที่จะไปขายเองโดยตรง แต่ทีมงานก็ศึกษาว่าอาจจะมีโอกาสไปตั้งร้านเอง หากมีศูนย์การค้าใหญ่ๆ ไปตั้งในทำเลที่ดี เพื่อเปิดร้านโชว์แบรนด์ สร้างการรับรู้ในแบรนด์ ซึ่งจะเป็นอนาคตให้กับบริษัท
โดยปีนี้พุ่งเป้าไปที่ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่วนประเทศพม่าบริษัทไปตั้งจุดขายแล้ว 8 แห่ง เพราะเป็นตลาดที่ใกล้ประเทศไทย และใช้สินค้าแม็ค กรุ๊ป อยู่แล้ว เช่นเดียวกับลาว และเธอคาดหวังว่ายอดขายจากต่างประเทศของแม็ค กรุ๊ปสำหรับปีนี้ ที่ 100 ล้านบาท และจากแผนการขยายช่องทางดังกล่าว จะช่วยให้บริษัทสามารถคงเป้ารายได้ปี 2557 ไม่ต่ำกว่า 20%
เป้ารายได้ข้างต้นเป็นการรับรู้รายได้จากทั้งสาขาเก่าและใหม่ แม้ในปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของรายได้ต่อจุดขาย มีการเติบโตลดลงแต่สามารถพลิกกลับมาบวกในช่วงท้ายปี จากการทำการตลาดส่งเสริมการขาย รวมทั้งการควบคุมต้นทุนและบริหารสต็อกสินค้าที่ดีขึ้น
โดยต้นทุนส่วนใหญ่ของธุรกิจเสื้อผ้า มาจากวัสดุผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยยอด ผลิตต่อปี 4 ล้านชิ้น และจ้างผลิต (OEM) 1 ล้านชิ้น สามารถครองตลาดผ้าได้สูงตามไปด้วย สามารถต่อรองทั้งคุณภาพและราคากับซัพพลายเออร์ที่ทำธุรกิจกันมานาน
ด้านหนึ่งบริษัทก็เน้นไปดูแลการออกแบบมากกว่าการผลิต ด้วยการหาบริษัทรับจ้างผลิตมากขึ้น เพื่อควบคุมต้นทุน การจ้างผลิตก็จะมีเกณฑ์โรงงานของบริษัทอยู่แล้วว่าต้นทุนควรทำได้เท่าไร จ้างข้างนอกต้นทุนไม่ควรต่างกันมาก ทำให้สามารถคุมต้นทุนให้อยู่ที่ 42% ซึ่งแบรนด์ใหญ่ก็อาจจะดีกว่านี้เล็กน้อย
ส่วนสต็อกสินค้ายีนส์มีข้อดีอย่างหนึ่งคือไม่มีอายุ แม้จะมีแฟชั่นเข้ามาบ้างแต่ไม่เยอะ เพราะคนใส่ยีนส์ชอบทรงไหนก็จะใส่ทรงนั้น สินค้ายีนส์จึงเป็นสินค้าไม่ค่อยแฟชั่น ซึ่ง 60% ของผู้ใส่ยีนส์จะมีสินค้าอยู่ในสต็อกอยู่แล้ว ซึ่งรุ่นท็อปเทนที่ขายดีขณะนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก็ต้องทำสต็อกไว้ ไม่ให้ ขาดโอกาสในช่วงที่ตลาดกำลังมา หากวันนี้ สต็อกมากจากกำลังการบริโภคที่แผ่วลงก็ต้องคิด พอช่วงปลายปียอดขายกลับมาพุ่งขึ้นสต็อกก็ลดลง ตรงนี้ก็ต้องบริหารให้ดี แต่ที่ผ่านมารับว่าสต็อกสินค้าเหลือจำนวนมาก แต่บริษัทก็เร่งกระตุ้นกำลังซื้อปลายปีมากขึ้นก็ทำได้สำเร็จ รวมทั้งปีนี้ก็จะมีเพิ่มสาขาก็จะใช้สต็อกสินค้าที่มี บวกกับการผลิตไม่มากในช่วงนี้
"ด้านหนึ่งบริษัทก็เน้นไปดูแลการออกแบบมากกว่าการผลิต เพื่อควบคุมต้นทุน และมองหาการเทคโอเวอร์ดีกว่า หลังได้ไทม์ เดคโค มา กลยุทธ์ร่วมกันเยอะมาก เช่น เขาไม่คุ้นตลาดต่างจังหวัดแต่เราแข็งแรงมาก หรือเรามีการเทรนนิ่งการขายดีกว่า ซึ่งอนาคตการซื้อธุรกิจอื่นก็เน้นไลฟ์สไตล์เหมือนเดิมในสินค้าที่เรายังไม่มี อาจจะไปถึงเครื่องสำอางเลยก็ได้"
นอกจากข้อมูลทั้งหมดข้างต้นของ ปราถนาแล้ว เธอบอกว่าช่วงนี้แม็คกรุ๊ป ยังมีข่าวให้ได้ลุ้นอีกประเด็น ด้วยการจะเข้าซื้อกิจการ 1-2 แห่ง ซึ่งเป็นธุรกิจที่เป็นไลฟ์สไตล์ รีเทล ซึ่งเธอทิ้งท้ายไว้ว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ส่วนเงินลงทุนแทบไม่ต้องห่วง เพราะบริษัทมีเม็ดเงิน 2,000 ล้านบาทตุน ไว้เรียบร้อยแล้ว--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ปล. ซึ่งอนาคตการซื้อธุรกิจอื่นก็เน้นไลฟ์สไตล์เหมือนเดิมในสินค้าที่เรายังไม่มี อาจจะไปถึงเครื่องสำอางเลยก็ได้"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่