วิเคราะห์ความล้มเหลวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฤดูกาลนี้เกิดจาก 'เดวิด มอยส์' คนเดียวแน่หรือ

***ขำ ๆ อย่าซีเรียสกันเด็ดขาด ใครจะวิเคราะห์จริงจังก็ได้ แต่อย่าดราม่าแค่เพราะเรื่องบอลต่างประเทศ***

แซวมอยส์เล่นนะครับ เห็นช่วงนี้ขยันสร้างสถิติเหลือเกิน และก็กำลังพาแมนยูตกต่ำที่สุดในรอบกี่ทศวรรษไม่รู้

เห็นความล้มเหลวของแมนยูฤดูกาลนี้แล้วก็ไม่อยากจะโทษเดวิด มอยส์คนเดียวเหมือนที่หลาย ๆ คนชอบทำกัน

1. นักเตะในทีมหลายคนไม่มีความเคารพหรือความเชื่อมั่นในตัวผู้จัดการทีม

- พูดกันด้วยเหตุผลล้วน ๆ หน้าที่นักเตะคือต้องทำตามคำสั่งผู้จัดการทีม ทีมจะประสบความสำเร็จถ้าทุกคนทุ่มเทให้สโมสร เชื่อมั่นในตัวผู้จัดการทีม แต่กระนั้นก็พอเข้าใจได้ว่านักเตะในทีมหลายคน เคยได้แชมป์ UCL 1-2 ครั้ง บางคนเข้าชิง 3-4 ครั้ง หลายคนได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมากกว่า 2 สมัย แล้วอยู่ดี ๆ ต้องมารับคำสั่งจากโค้ชที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมาการันตีนอกจากการวางรากฐานทีมเอฟเวอร์ตัน (เทียบกับป๋าตอนนั้นประสบความสำเร็จจากอเบอร์ดีนมาแล้ว มีผลงานพิสูจน์ตัวเอง)

แล้วเมื่อมองไปยังนักเตะอย่าง RVP, คากาวะ ที่ย้ายมาร่วมทีมเพราะป๋าสัญญาว่าจะไม่รีไทร์ในเร็ว ๆ นี้ (ป๋าพูดเองในหนังสือ) ผมก็พอจะเข้าใจได้ถึงความทุ่มเทที่ RVP จะมีให้สโมสร เพราะเขาย้ายมาเพื่อเฟอร์กูสัน ไม่ใช่เพื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


แข้งซีเนียร์หลายคนอย่างวิดิช ริโอก็อยู่ในจุดที่เรียกว่า 'อิ่มตัว' ไปเรียบร้อยแล้ว คว้าแชมป์ลีก แชมป์ยุโรปปี 2008 ก็พ้นจุดพีคของทั้งคู่ สถานะในทีมก็เหมือนเป็นตัวประคองรุ่นน้องมากกว่าเป็นแกนหลัก แล้วยิ่งมาเจอการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมกะทันหันอีก

ฝีเท้านักเตะหลายคนก็ไม่คู่ควรกับทีมลุ้นแชมป์อย่างที่รอย คีนเคยให้สัมภาษณ์ มองไปที่วาเลนเซีย, ยัง, เคลฟเวอร์ลี่ย์, สมอลลิ่ง, ราฟาเอล, เฟลชเชอร์ ซึ่งเป็นตัวหลัก ๆ ของทีมแล้วเทียบกับทีมในลีกด้วยกัน อาซาร์? วิลเชียร์? วัลคอตต์? วอล์กเกอร์? เปาลินโญ่? ซึ่งที่ผ่านมาพวกนักเตะแมนยูเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นดีอะไรเพียงแต่อยู่ได้ด้วยระบบทีมของเฟอร์กูสันที่ใช้พวกนี้เป็นส่วนประกอบของแกนหลักเช่น คาริค เอฟร่า นานี่ รูนี่ย์ หรือ RVP ฤดูกาลที่แล้ว

2. การวางมือกะทันหันของเฟอร์กูสัน

- ถึงจะบอกว่าทีมของเฟอร์กูสันคือทีมของอนาคต แต่อนาคตที่ป๋าว่านี่มีใครบ้าง เคลฟ? คากาวะ? เวลเบค? ชิชาริโต้? เด เกอา? สมอลลิ่ง? อีแวนส์ โจนส์? ราฟาเอล? (ยานูไซขอนับเป็นยุคมอยส์ดันขึ้นมาเก็บประสบการณ์) กับตัวหลักที่ยังใช้งานได้อยู่อย่างคาริค รูนี่ย์ RVP ถามจริง ๆ ว่าอนาคตที่ป๋าส่งมอบกะทันหันมันเพียงพอแล้วหรือ วิดิช ริโอ คาริค เฟลชเชอร์ เอฟร่า RVP ล้วนแต่อายุขึ้นหลัก 3 ทั้งนั้น ไหนจะปัญหากองกลางที่เป็นปัญหามาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่หมดยุค ฮากรีฟ คาริค สโคลส์ก็ยังไม่มีชุดไหนจะไว้ใจได้จริง ๆ จัง ๆ

การส่งมอบไม้ไม่สมบูรณ์แบบนี้ให้ 'คนนอก' แบบมอยส์ถือเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของเฟอร์กูสันได้หรือไม่

3. คาลอซ เครอซ

- ผมอ่านจากหนังสือป๋าบอกว่า "เครอซมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้จัดการทีมแมนยูคนต่อไป" เครอซมีประสบการณ์คุมทีมมาดริดและทีมชาติโปรตุเกส แถมตอนลาออกไปคุมมาดริด ป๋าก็ไม่ยอมจ้างใครเป็นผู้ช่วยตัวเองเพื่อ 'รอเครอซกลับมา' แถมเครอซก็ทำงานให้แมนยูหลายปี ได้รับความเคารพจากทั้งนักเตะซีเนียร์ นักเตะในทีมแมนยู บรรดาสตาฟฟ์โค้ชด้วยกันก็ยอมรับนับถือ ช่วงปีที่แมนยูเข้าชิงยุโรปเป็นว่าเล่น นักเตะหลายคนในทีมก็ให้เครดิตแผนการซ้อมของเครอซ

แล้วทำไมหวยออกที่ 'เดวิด มอยส์'

4. แล้วมอยส์มีคุณสมบัติแฝงอะไร

- ผมเชื่อเรื่องของ 'ความทะเยอทะยาน' และการต้องการพิสูจน์ตัวเอง ผมเชื่อตั้งแต่วันแรกที่มอยส์เริ่มต้นคุมทีมแมนยูว่าเขาจะพาแมนยูประสบความสำเร็จเพราะเขาไม่เคยได้แชมป์อะไรมาก่อน เขาจึงมีความมุ่งมั่นมากกว่าคนอื่น ส่วนในพรีเมียร์ลีกด้วยประสบการณ์ 11 ปีกับเอฟเวอร์ตัน เขามีทั้งข้อมูล มีทุกอย่างเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีก รู้ไส้รู้พุงไม่ต่างอะไรจากเวนเกอร์หรือเฟอร์กูสันที่คุมทีมมายาวนาน แต่เพราะอะไรถึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด?


แทคติคบอลโบราณ ออกข้างเปิดโหม่ง ด้วยความเคารพต่อมอยส์และสตาฟฟ์โค้ช ถ้าคุณจะเล่นแผนแบบนี้ก็แปลว่าคุณต้องซ้อมกันมาเป็นอย่างดี แต่เท่าที่ผมดูแมนยูเกือบทุกนัดในฤดูกาลนี้ ผมไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าสมอลลิ่ง ยัง วาเลนเซีย ราฟาเอลได้ซ้อมเปิดบอล หรือซ้อมร่วมกันบ้างหรือเปล่า ถ้าซ้อมแล้วผลงานได้แบบที่เห็นในสนามทำไมยังได้ลงต่อเนื่อง ทำไมไม่ลองให้โอกาสดาวรุ่งที่มีความ 'กระหาย' จะพิสูจน์ตัวเองกับทีมชุดใหญ่ดูบ้าง (ดูอย่างเซ้าท์แธมตันนักเตะอายุน้อย ๆ ทั้งนั้น หรืออย่างร็อดเจอร์ก็ให้โอกาสดาวรุ่งสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งมอยส์ก็ทำกับยานูไซ แต่เพียงพอแล้วหรือ?)

5. ความสามารถสตาฟฟ์โค้ช

- ลองนึกสภาพโค้ชชุดเก่าทำงานกับสโมสรมา 20 ปี ซ้อมนักเตะระดับโลกทั้งลาร์สสัน โรนัลโด้ นิสเตลรอย เวร่อน เบคแฮม กิ๊กส์ สโคลส์ คีน สตัม ชไมเคิล ฯลฯ นับไม่ถ้วน แล้วอยู่ดี ๆ กลายเปลี่ยนมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชชุดใหม่ที่ประสบการณ์อยู่กับแค่ทีมกลาง ๆ อย่างเอฟเวอร์ตัน มีผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่เพิ่งแขวนสตั๊ดและไม่มีประสบการณ์มาก่อน

จะให้กลุ่มคนเหล่านี้มาดูแลนักเตะที่ผ่านการเล่นระดับสูงทั้ง UCL ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างนั้นหรือ?

6. ให้เวลามอยส์จะเป็นคำตอบแน่หรือ

- หากตัดเรื่อง 'การรักษาหน้าเฟอร์กูสัน' ออกไปแล้วล่ะก็ เราคงจะเห็นได้อย่างนึงว่าเฟอร์กูสันเชื่อมั่นในการให้เวลาผู้จัดการทีมตลอด เขาไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อย ๆ แม้จะทำผลงานไม่ได้อย่างที่สโมสรต้องการ เขาเชื่อในเรื่องการสร้างทีมระยะยาว ซึ่งก็อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่หวยออกที่มอยส์

แล้วการให้เวลาฤดูกาลที่สองกับมอยส์ ที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าคงไม่ได้ไปเล่น UCL ในขณะที่ถ้วยเล็กยูโรป้าก็ยังไม่ได้การันตี 100% แบบนี้ การสร้างทีมของมอยส์แม้จะทุ่มเงินเพียงไหนก็คงยากที่จะจูงใจนักเตะระดับโลกที่มีข่าวกับแมนยูมาตลอด ฮุมเมลส์ วิดาล กุนโดกัน โครส คาวานี่ พูดจากใจเลยว่าใครเขาจะมา เอาแค่ชื่อผู้จัดการทีมโนเนมแบบมอยส์ก็ไม่ดึงดูดนักเตะนอกแบบนั้นแล้วครับ และแมนยูก็ไม่ใช่ทีมที่บ้าคลั่งทุ่มเงินแบบแมนซิตี้ มาดริด เชลซี หรือ PSG ซะด้วย


หรือแมนยูกำลังจะกลายเป็นสโมสรที่ใช้เงินมหาศาลสร้างทีม การต่อสัญญารูนี่ย์ด้วยค่าเหนื่อย 3 แสนปอนด์/สัปดาห์ และการเซ็นมาต้าด้วยค่าตัว 40 ล้านเริ่มเป็นสัญญาณของแมนยูแล้วใช่ไหม?

7. การแสดงออกของมอยส์ที่มีต่อความเชื่อมั่นของแฟนบอล

- เชื่อว่าใครติดตามแมนยูมาตลอดฤดูกาลนี้คงจะได้เห็นภาพที่ชวนหดหู่ไปตาม ๆ กัน แม้ผมจะพยายามเข้าข้างมอยส์อย่างเต็มที่แล้วว่า "จะให้กูทำยังไงในเมื่อนักเตะไม่ฟัง" ซึ่งทางออกก็คือดรอปนักเตะเหล่านั้น แต่ก็จะเกิดปัญหาสงครามเย็นภายในทีมหรือการต่อต้านมากขึ้นก็เป็นได้ เราจึงได้เห็นภาพมอยส์เพลีย ๆ ไม่สนใจเกมในสนาม นั่งกุมขมับ ฯลฯ ที่ทำให้แฟนบอลแมนยู 'ไม่มีความเชื่อมั่น' ในตัวเดวิด มอยส์แม้แต่นิดเดียว


ตลอดจนสัมภาษณ์ 'โทษดวง' ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาแน่ ๆ กระนั้นผมก็ยังทำความเข้าใจว่า "การโทษดวงมันคงดีกว่าการโทษนักเตะในทีม" เหมือนที่ 'มันชินี่' ชอบโทษนักเตะในทีมเวลาแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นในเมื่อคุณเป็นผู้จัดการทีม ความรับผิดชอบย่อมอยู่ที่คุณ และการให้สัมภาษณ์ในช่วงที่สโมสรอยู่ในภาวะเปราะบางเช่นนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่คุณจะต้องหาวิธีรับมือให้ดีกว่านี้

8. ไม่มีแชมป์เรารับได้ แต่ไม่มีทรงบอลเรารับไม่ได้

- ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล สวอนซี เซ้าท์แธมตันเป็นทีมที่ผมแอบติดตามอยู่ห่าง ๆ ตลอดเพราะชอบ 'สไตล์การเล่น' พวกเขาเหล่านี้เน้นเล่นบอลกับพื้น การเล่นบอลโดยไม่เน้นเกมโยนยาว ซึ่งลิเวอร์พูลของ 'แบรนดอน ร็อดเจอร์' เป็นตัวอย่างที่น่านำมาเปรียบเทียบกับฤดูกาลแรกของ 'เดวิด มอยส์' มาก ๆ ฤดูกาลที่แล้วแม้ลิเวอร์พูลจะจบอันดับ 7 แย่กว่าเอฟเวอร์ตันและสเปอร์เสียอีก แต้มห่างจากโซน UCL ถึง 12 คะแนน แต่บอลเขามี 'อนาคต' แล้วยิ่งได้การเสริมทีมถูกจุด มิโนเญ่? สเตอริด? คูตินโญ่? การรักษาตัวซัวเรซเอาไว้ได้ เหล่านี้ทำให้ลิเวอร์พูลที่มีทรงบอลดูดีในฤดูกาลที่แล้วกลับมาประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะเกมรุกที่ยิงถล่มทลายเสียเหลือเกิน

ในขณะที่มอยส์ฤดูกาลแรก เปิดฤดูกาลมาเราแทบไม่เห็นประตูจากเกม open play เราเห็นแต่ฟรีคิก เตะมุม ชนะหวิดหวุด หืดจับ เห็นแต่เกมบอมออกข้างอย่างเดียว แล้วก็เปิดเข้ากลางมั่ว ๆ ไม่มีเป้าหมายตลอดครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งที่ทีมมีนักเตะเล่นบอลกับพื้นได้ดีหลายคน ไหนจะจิตวิทยาในการกระตุ้นลูกทีมที่เรียกว่า 'น่าผิดหวัง' แล้วอย่างนี้ฤดูกาลหน้าเราจะไว้วางใจมอยส์อีกปีได้จริง ๆ หรือ


"Your job now is to stand by our new manager. That is important."
- Sir Alex Ferguson, 12 May 2013


ผมชักไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่ 'เฟอร์กูสัน' ต้องการหรือเปล่าแล้วสิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่