สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ
ขุนศึกใจไม่เที่ยง
เล่าเซี่ยงชุน
ฝ่ายอ้วนสุดนั้นกลับไปอยู่เมืองลำหยง และ ซุนเซ็ก บุตรของ ซุนเกี๋ยน ที่มาอยู่ด้วยได้เอาตราหยกสำหรับกษัตริย์ ที่บิดายึดมาได้จากเมืองลกเอี๋ยงเมื่อครั้งยกพลไปรบกับ ตั๋งโต๊ะ มาจำนำไว้ แล้วขอทหารไปแก้แค้นผู้ที่ฆ่าบิดา อ้วนสุดก็ให้ไป
เมื่อได้ครอบครองตราสำหรับฮ่องเต้แล้ว อ้วนสุดก็คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ขั้นแรกก็คิดกำจัดเล่าปี่เสียก่อน แต่เกรงว่าลิโป้จะเป็นพวกเล่าปี่จึงแต่งหนังสือให้ หันอิ้น นำไปให้ลิโป้พร้อมด้วยข้าวยี่สิบหมื่นถัง แจ้งว่าจะยกทัพไปปราบเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย ขออย่าให้ลิโป้ไปช่วยเหลือเล่าปี่
ลิโป้รับหนังสือและของกำนัลแล้ว ก็ยินดีรับคำ อ้วนสุดก็ให้กิเหลงเป็นแม่ทัพ คุมทหารห้าหมื่นกับทหารเอกอีกสองคน ยกไปตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่แจ้งข่าวศึกแล้วก็ปรึกษากันว่า เสียวพ่ายเป็นเมืองน้อย คงจะไม่สามารถต้านทาน กองทัพของกิเหลงได้ เล่าปี่จึงมีหนังสือถึงลิโป้ ความว่า
".....ตัวข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าเล่าปี่ กับสมัครพรรคพวกทั้งปวง มาตั้งอยู่เมืองเสียวพ่าย ได้ความสุขเพราะอาศัยท่านเป็นที่พึ่ง บัดนี้อ้วนสุดให้ทหารยกมารบ ข้าพเจ้ามิได้เห็นผู้ใด เห็นแต่ท่านจะช่วยทุกข์ได้ ขอให้ท่านยกทหารมาช่วย....."
ลิโป้อ่านหนังสือแจ้งแล้ว ก็ปรึกษากับตันก๋งว่า
"......เดิมอ้วนสุดให้หนังสือกับเสบียงมาแก่เรา มิให้เรายกไปช่วยเล่าปี่ เราก็ได้รับคำแล้ว บัดนี้เล่าปี่ให้มีหนังสือมาให้เรายกไปช่วย เราคิดว่าเล่าปี่อยู่ในเมืองเสียวพ่าย เห็นจะไม่ทำอันตรายแก่เรา ถ้าเราฟังคำอ้วนสุด เมื่ออ้วนสุดรบได้เมืองเสียวพ่ายแล้ว เราจะวางศรีษะลงถึงหมอนเป็นปกตินั้นหามิได้ เห็นอ้วนสุดจะกำเริบยกล่วงมาตีเมืองชีจิ๋วเป็นมั่นคง จำเราจะยกไปช่วยเล่าปี่ป้องกันเมืองเสียวพ่ายไว้ จึงจะควร....."
ตันก๋งก็เห็นด้วย ลิโป้จึงยกพลไปเมืองเสียวพ่าย เมื่อกิเหลงยกทัพมาถึงเมืองเสียวพ่าย ก็ตั้งค่ายอยู่ทางทิศใต้ เล่าปี่นั้นมีทหารอยู่ทั้งหมดประมาณห้าพันเท่านั้น ก็ยกออกมาตั้งค่ายรับนอกกำแพงเมือง ลิโป้มาถึงก็เชิญแม่ทัพทั้งสองฝ่ายออกมาพบกัน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ไปถึงก่อน ลิโป้ก็ออกไปต้อนรับ แล้วว่า
"...ครั้งนี้เราจะช่วยท่านให้พ้นจากอันตราย นานไปท่านอย่าลืมคุณเรา.."
แล้วก็จูงมือเล่าปี่เข้าไปนั่งในที่เดียวกัน กวนอูกับเตียวหุยก็ถือกระบี่ ตามไปยืนคุมอยู่ข้างหลังด้วยความไม่ไว้วางใจ เมื่อกิเหลงมาถึง ทั้งสองฝ่ายก็ตกใจคิดว่าลิโป้เข้าข้างฝ่ายตรงข้าม และหลอกตนมาฆ่าเสีย แต่ลิโป้ก็จูงมือกิเหลงเข้าไปนั่งอีกข้างหนึ่ง แล้วให้ลิ่วล้อเอาสุรามาเลี้ยงกัน กิเหลงก็ถามว่า
".....ท่านคิดทำการทั้งนี้จะฆ่าเราเสียหรือ หรือจะฆ่าอ้ายเล่าปี่หูยาว....."
เตียวหุยก็ทำท่าฮึดฮัด แต่กวนอูเตือนให้สงบใจรอดูก่อน ลิโป้ตอบว่า
".....เรามิได้คิดร้ายแก่ท่านทั้งสองข้าง แต่เล่าปี่กับเราเหมือนพี่น้องกัน บัดนี้ ท่านจะมาทำอันตรายแก่เล่าปี่ เราจึงยกมาช่วย....."
กิเหลงก็ว่า
".....ถ้าดังนั้นท่านจำจะฆ่าเราเสียก่อน เล่าปี่จึงจะได้ความสุข....."
ลิโป้ก็ว่า
"....เราคิดจะให้ท่านทั้งสองเป็นมิตรต่อกัน มิให้ไพร่พลได้ความลำบาก.....ท่านทั้งสองเห็นแก่หน้าเรา อย่าได้คิดพยาบาทกันเลย....."
เล่าปี่นั้นนิ่งฟังอยู่ แต่กิเหลงนั้นบอกว่า
"....ตัวเราอ้วนสุดผู้เป็นนาย ใช้ให้ยกทหารมาจับตัวเล่าปี่ แลเราจะกลับไปนั้นเห็นไม่พ้นความผิด....."
เตียวหุยก็ชักกระบี่ออก ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า
".....ท่านอย่าดูหมิ่นเรา เรามิใช่เด็ก แต่โจรโพกผ้าเหลืองครั้งนั้น ยังมิอาจดูถูกพี่น้องเรา....."
กวนอูก็ห้ามเตียวหุยไว้ ลิโป้จึงว่า
".....เราเชิญให้ท่านทั้งสองมาบัดนี้ จะว่าให้ดีกันทั้งสองฝ่าย กิเหลงนั้นเขาก็นิ่งอยู่ แต่เตียวหุยทำหยาบช้า มิได้คิดแก่หน้าเราผู้เป็นใหญ่....."
แล้วลิโป้ก็คว้าทวนมาถือไว้ ทุกคนก็ตกใจ แต่ลิโป้กลับให้ทหารเอาทวนไปปักไว้ ไกลออกไปประมาณห้าเส้น แล้วยื่นคำขาดว่า
".....เราจะเสี่ยงให้ประจักษ์แก่เทพยดาทั้งหลาย แม้นยิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายทวน จึงทำสงครามกันตามความคิดเถิด ถ้าเรายิงถูกท่านทั้งสองจงเลิกทัพกลับไปตามคำเราว่า แม้นผู้ใดมิฟังเรา เราก็จะทำสงครามด้วยผู้นั้น....."
เล่าปี่นั้นอยากให้ลิโป้ช่วยอยู่แล้ว ก็ไม่ว่ากระไร กิเหลงก็คิดว่าถึงอย่างไรลิโป้ก็ยิงไม่ถูก จึงยอมรับคำ ลิโป้ก็ชวนเล่าปี่และกิเหลงเสพสุราต่ออีกหลายถ้วย แล้วจึงจับเกาทัณฑ์ขึ้นน้าวสาย ยิงไปถูกปลายทวนซึ่งปักไว้นั้นเป็นอัศจรรย์ ลิโป้ก็หัวเราะและจับมือกิเหลงกับเล่าปี่ ชวนให้กินโต๊ะด้วยกัน แล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับไป
ต่อมาอ้วนสุดวางแผนใหม่ ให้หันอิ้นเป็นเถ้าแก่ มาขอบุตรสาวของลิโป้ซึ่งเกิดแต่ นางเหงียมซี ภรรยาเอก ให้เป็นภรรยาบุตรคนโตของอ้วนสุด ลิโป้ปรึกษาภรรยาแล้วนางก็ยินดีบอกว่า
"...อ้วนสุดเป็นคนมีปัญญา ทแกล้วทหารก็มาก กับอยู่เมืองลำหยงเป็นเมืองใหญ่ นานไปอ้วนสุดเห็นจะได้เป็นเจ้า ลูกเราก็จะได้เป็นใหญ่ด้วย..."
ลิโป้จึงตอบตกลง อ้วนสุดก็ดีใจ ให้หันอิ้นนำสิ่งของขันหมากมาให้ลิโป้ และจะได้รับตัวบุตรสาวไปแต่งงานที่เมืองลำหยง ลิโป้ก็รับของหมั้นไว้ แล้วจัดที่พักให้หันอิ้นรออยู่
ตันก๋งที่ปรึกษาเห็นลิโป้ยังไม่รีบส่งตัวบุตรสาว จึงไปหาแล้วก็ถามไถ่ว่า
"....ท่านได้อ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันดังนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก เมื่อใดท่านจะคิดแต่งการเล่า..."
ลิโป้ว่าการนี้เป็นการใหญ่ จำจะปรึกษากันให้ทั่วก่อน ตันก๋งก็ว่า
"..ตามธรรมเนียมแต่ก่อนถ้าเป็นกษัตริย์ กำหนดปีหนึ่งจึงส่งตัวลูกสาว ถ้าขุนนางผู้ใหญ่กำหนดหกเดือน ขุนนางผู้น้อยกำหนดสี่เดือน ถ้าราษฎรกำหนดสามสิบวัน....."
ลิโป้จึงว่า
".....บัดนี้อ้วนสุดได้ตราหยกไว้ ก็เข้าไประหว่างกษัตริย์อยู่แล้ว เรายั้งการไว้ตามอย่างกษัตริย์....."
ตันก๋งก็แย้งว่า
"......ช้านัก ทุกวันนี้บ้านเมืองก็ยังไม่ปกติ ต่างคนต่างชิงกันเป็นใหญ่ ท่านจะหน่วงการไว้ดังนี้ เกลือกคนทั้งปวงที่เป็นศัตรูรู้ไป จะยกทหารตามมาคอยชิง เห็นจะได้ความรำคาญ ขอท่านได้ส่งลูกสาวไปให้อ้วนสุด อย่าให้ทันคนทั้งปวงซึ่งเป็นศัตรูรู้....."
ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงให้นางเหงียมซีเร่งรัด จัดแจงแต่งการให้บุตรสาวสำเร็จแต่เวลากลางคืน พอรุ่งเช้าก็ให้บุตรสาวขึ้นขี่เกวียนไม้หอม กับจัดสิ่งของตามธรรมเนียม แล้วมอบตัวให้หันอิ้นกับทหารเอกสองนาย และทหารกองหนึ่งนำไปเป็นขบวนใหญ่โต
ความแจ้งถึง ตันกุ๋ย ซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ของ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองชีจิ๋วคนก่อน กำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน รู้ว่าลิโป้ยกขบวนแห่บุตรสาว จะไปแต่งงานกับบุตรชายอ้วนสุดที่เมืองลำหยง ตันกุ๋ยนั้นไม่ชอบลิโป้ที่มายึดครองเมืองชีจิ๋วแทนเล่าปี่ เกรงว่าจะมีอันตรายมาถึงเล่าปี่ จึงลุกขึ้นแต่งตัวไปเจรจากับลิโป้ว่า
"......แต่ก่อนท่านรับสิ่งของเป็นสินบนของอ้วนสุด แล้วภายหลังท่านก็ยกไปช่วยเล่าปี่ ครั้นมาบัดนี้ได้ยินว่าท่านยกลูกสาวให้แก่บุตรอ้วนสุด เมื่อท่านกับอ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันแล้ว อ้วนสุดก็จะยกไปตีเมืองเสียวพ่าย ท่านจะไปช่วยเล่าปี่ก็มิได้ เมื่อเมืองเสียวพ่ายเสียแก่อ้วนสุดแล้วเห็นว่าเมืองชีจิ๋วจะไม่เป็นสุข อ้วนสุดก็จะเบียดเบียนยืมทหารและเสบียง ท่านจะเสียอ้วนสุดมิได้ ราษฎรทั้งปวงก็จะได้ความเดือดร้อน เห็นท่านกับอ้วนสุดก็จะผิดใจกันเป็นมั่นคง ประการหนึ่งอ้วนสุดคิดขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ หัวเมืองทั้งปวงก็ย่อมแจ้งอยู่สิ้น แลท่านจะมาคิดกับอ้วนสุดดังนี้ คนทั้งหลายก็จะพลอยเป็นศัตรูท่าน....."
ลิโป้ก็เห็นจริงด้วย จึงให้ เตียวเลี้ยว นายทหารเอก คุมพลติดตามไปพาเอาขบวนของบุตรสาว กลับมาเมืองชีจิ๋ว เอาตัวหันอิ้นไปจำคุกไว้ แล้วทำหนังสือแจ้งอ้วนสุดว่ายังจัดแจงสิ่งของทั้งปวงอยู่ ถ้าพร้อมแล้วเมื่อไร จึงจะส่งบุตรสาวไปให้
ลิโป้ กับ เล่าปี่ เป็นพันธมิตรกันอยู่ได้ไม่นานก็มีเรื่องเกิดขึ้นอีก เนื่องจากลิโป้ใช้นายทหารเอกสองนาย ไปซื้อม้าที่เมืองซัวตั๋ง แล้วทั้งสองกลับมารายงานว่า
“....ข้าพเจ้าซื้อม้าได้สามร้อย ครั้นมาถึงแดนเมืองเสียวพ่าย เวลากลางคืนมีผู้ร้ายมาตีชิงเอาม้าไปร้อยห้าสิบ ข้าพเจ้าสืบสาวได้เนื้อความว่าตียวหุย น้องเล่าปี่ คุมพวกเพื่อนปลอมเป็นโจรป่า มาตีชิงเอาม้าไป....."
ลิโป้ได้ฟังก็โกรธเป็นอันมาก จึงรีบยกทหารไปเมืองเสียวพ่าย เพื่อปราบโจรบรรดาศักดิ์ก๊กนี้ให้ได้ เล่าปี่ก็ตกใจคุมทหารออกมาตั้งรับ แล้วร้องถามลิโป้ว่า ยกกองทัพมานี้ ด้วยเหตุสิ่งใด ลิโป้จึงเอาแส้ม้าในมือชี้หน้าเล่าปี่ แล้วทวงบุญคุณว่า
".....ครั้งกิเหลงยกมารบเมืองเสียวพ่ายนั้น เรามีความเอ็นดูจึงช่วยคิดอ่านแก้ไข ตัวจึงได้รอดชีวิตอยู่ ตัวมิได้รู้จักคุณ ควรหรือมาชีชิงเอาม้าของเราไว้....."
เล่าไม่รู้เรื่องก็ปฏิเสธตามซื่อว่า จะได้ตีชิงเอาม้าของลิโป้นั้นหามิได้ ลิโป้ก็ยันเอาว่าใช้ให้ เตียวหุย น้องชายไปตีชิงเอาม้าไปร้อยห้าสิบ ทำไมจึงไม่รับ
เตียวหุยได้ฟังก็โกรธทนไม่ไหว ร้องตอบไปว่า
".....ตัวกูตีชิงเอาม้าของมาจริงอยู่ จะทำไมกู....."
ลิโป้ก็ว่า
".....อ้ายผู้ร้ายตากลมนี้ ทำหยาบช้าดูหมิ่นกูเป็นหลายครั้งมาแล้ว กลับท้าทายอีกเล่า....."
เตียวหุยก็ย้อนเอาว่า
"....กูตีชิงเอาม้าของมาโกรธหรือ ซึ่งตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของพี่กูไว้นั้น เข้าใจว่ากูหาโกรธไม่หรือ....."
แล้วทั้งคู่ก็เข้ารบกันถึงร้อยเพลง ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน เล่าปี่จึงตีม้าล่อ เรียกเตียวหุยกลับ แล้วก็ถอยเข้าเมืองไป ลิโป้ก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองเสียวพ่ายไว้แน่นหนาทั้งสี่ด้าน
เล่าปี่ก็ให้ทหารออกมาขอขมาลิโป้ว่า
"....เดิมนั้นมิได้รู้จึงไม่รับ บัดนี้จริงอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะเอาม้ามาคืนให้ ท่านอย่าได้พยาบาทเลย จะได้เห็นหน้ากันสืบไป...."
ลิโป้ก็หายโกรธยอมรับขมา แต่พอตันก๋งบอกว่า
".....ได้ทีแล้วท่านจะรั้งรออยู่ จะไม่กำจัดเล่าปี่เสียให้ได้ นานไปเล่าปี่ก็จะเป็นศัตรูทำอันตรายแก่ท่าน...."
ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่ายเสียเลย เล่าปี่เห็นท่าจะสู้ไม่ไหว ก็ให้เตียวหุยเป็นกองหน้า ตัวเล่าปี่คุมครอบครัวเป็นกองกลาง กวนอูเป็นกองหลังเปิดประตูเมืองตีหักออกไปทางทิศเหนือ ในเวลายามสาม
ทหารของลิโป้ที่ล้อมอยู่ทานฝีมือของกวนอู เตียวหุยไม่ไหว เล่าปี่กับน้องทั้งสองก็หนีรอดไปหา โจโฉ ที่เมืองฮูโต๋ได้สำเร็จ โจโฉก็ขอรับสั่งแต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว เพื่อรวบรวมผู้คนไว้เป็นกำลัง ช่วยโจโฉกำจัดลิโป้ต่อไป
ตกลงก็เลยไม่รู้ว่า ลิโป้จะอยู่ข้างใดแน่ กับเล่าปี่ก็มีเรื่องผิดใจกันบ่อย กับอ้วนสุดก็เจรจาพลิกไปพลิ้วมาหาความสัตย์มิได้ โจโฉก็เป็นศัตรูตัวใหญ่ที่จ้องจะจัดการทำลายล้างอยู่
ตันก๋งที่ปรึกษาผู้จงรักภักดีนั้น ต้องการจะหนุนให้ลิโป้เป็นใหญ่ด้วยตนเอง ไม่ต้องเข้าพวกใด แต่ลิโป้ก็มิได้เชื่อถือเท่าใดนัก จะทำการสิ่งใดก็โลเลเปลี่ยนใจไปมาไม่คงที่เช่นนี้ จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ก็ต้องคอยดูกันต่อไป.
ขุนศึกใจไม่เที่ยง ๒ ม.ค.๕๗
ขุนศึกใจไม่เที่ยง
เล่าเซี่ยงชุน
ฝ่ายอ้วนสุดนั้นกลับไปอยู่เมืองลำหยง และ ซุนเซ็ก บุตรของ ซุนเกี๋ยน ที่มาอยู่ด้วยได้เอาตราหยกสำหรับกษัตริย์ ที่บิดายึดมาได้จากเมืองลกเอี๋ยงเมื่อครั้งยกพลไปรบกับ ตั๋งโต๊ะ มาจำนำไว้ แล้วขอทหารไปแก้แค้นผู้ที่ฆ่าบิดา อ้วนสุดก็ให้ไป
เมื่อได้ครอบครองตราสำหรับฮ่องเต้แล้ว อ้วนสุดก็คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ขั้นแรกก็คิดกำจัดเล่าปี่เสียก่อน แต่เกรงว่าลิโป้จะเป็นพวกเล่าปี่จึงแต่งหนังสือให้ หันอิ้น นำไปให้ลิโป้พร้อมด้วยข้าวยี่สิบหมื่นถัง แจ้งว่าจะยกทัพไปปราบเล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย ขออย่าให้ลิโป้ไปช่วยเหลือเล่าปี่
ลิโป้รับหนังสือและของกำนัลแล้ว ก็ยินดีรับคำ อ้วนสุดก็ให้กิเหลงเป็นแม่ทัพ คุมทหารห้าหมื่นกับทหารเอกอีกสองคน ยกไปตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่แจ้งข่าวศึกแล้วก็ปรึกษากันว่า เสียวพ่ายเป็นเมืองน้อย คงจะไม่สามารถต้านทาน กองทัพของกิเหลงได้ เล่าปี่จึงมีหนังสือถึงลิโป้ ความว่า
".....ตัวข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าเล่าปี่ กับสมัครพรรคพวกทั้งปวง มาตั้งอยู่เมืองเสียวพ่าย ได้ความสุขเพราะอาศัยท่านเป็นที่พึ่ง บัดนี้อ้วนสุดให้ทหารยกมารบ ข้าพเจ้ามิได้เห็นผู้ใด เห็นแต่ท่านจะช่วยทุกข์ได้ ขอให้ท่านยกทหารมาช่วย....."
ลิโป้อ่านหนังสือแจ้งแล้ว ก็ปรึกษากับตันก๋งว่า
"......เดิมอ้วนสุดให้หนังสือกับเสบียงมาแก่เรา มิให้เรายกไปช่วยเล่าปี่ เราก็ได้รับคำแล้ว บัดนี้เล่าปี่ให้มีหนังสือมาให้เรายกไปช่วย เราคิดว่าเล่าปี่อยู่ในเมืองเสียวพ่าย เห็นจะไม่ทำอันตรายแก่เรา ถ้าเราฟังคำอ้วนสุด เมื่ออ้วนสุดรบได้เมืองเสียวพ่ายแล้ว เราจะวางศรีษะลงถึงหมอนเป็นปกตินั้นหามิได้ เห็นอ้วนสุดจะกำเริบยกล่วงมาตีเมืองชีจิ๋วเป็นมั่นคง จำเราจะยกไปช่วยเล่าปี่ป้องกันเมืองเสียวพ่ายไว้ จึงจะควร....."
ตันก๋งก็เห็นด้วย ลิโป้จึงยกพลไปเมืองเสียวพ่าย เมื่อกิเหลงยกทัพมาถึงเมืองเสียวพ่าย ก็ตั้งค่ายอยู่ทางทิศใต้ เล่าปี่นั้นมีทหารอยู่ทั้งหมดประมาณห้าพันเท่านั้น ก็ยกออกมาตั้งค่ายรับนอกกำแพงเมือง ลิโป้มาถึงก็เชิญแม่ทัพทั้งสองฝ่ายออกมาพบกัน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ไปถึงก่อน ลิโป้ก็ออกไปต้อนรับ แล้วว่า
"...ครั้งนี้เราจะช่วยท่านให้พ้นจากอันตราย นานไปท่านอย่าลืมคุณเรา.."
แล้วก็จูงมือเล่าปี่เข้าไปนั่งในที่เดียวกัน กวนอูกับเตียวหุยก็ถือกระบี่ ตามไปยืนคุมอยู่ข้างหลังด้วยความไม่ไว้วางใจ เมื่อกิเหลงมาถึง ทั้งสองฝ่ายก็ตกใจคิดว่าลิโป้เข้าข้างฝ่ายตรงข้าม และหลอกตนมาฆ่าเสีย แต่ลิโป้ก็จูงมือกิเหลงเข้าไปนั่งอีกข้างหนึ่ง แล้วให้ลิ่วล้อเอาสุรามาเลี้ยงกัน กิเหลงก็ถามว่า
".....ท่านคิดทำการทั้งนี้จะฆ่าเราเสียหรือ หรือจะฆ่าอ้ายเล่าปี่หูยาว....."
เตียวหุยก็ทำท่าฮึดฮัด แต่กวนอูเตือนให้สงบใจรอดูก่อน ลิโป้ตอบว่า
".....เรามิได้คิดร้ายแก่ท่านทั้งสองข้าง แต่เล่าปี่กับเราเหมือนพี่น้องกัน บัดนี้ ท่านจะมาทำอันตรายแก่เล่าปี่ เราจึงยกมาช่วย....."
กิเหลงก็ว่า
".....ถ้าดังนั้นท่านจำจะฆ่าเราเสียก่อน เล่าปี่จึงจะได้ความสุข....."
ลิโป้ก็ว่า
"....เราคิดจะให้ท่านทั้งสองเป็นมิตรต่อกัน มิให้ไพร่พลได้ความลำบาก.....ท่านทั้งสองเห็นแก่หน้าเรา อย่าได้คิดพยาบาทกันเลย....."
เล่าปี่นั้นนิ่งฟังอยู่ แต่กิเหลงนั้นบอกว่า
"....ตัวเราอ้วนสุดผู้เป็นนาย ใช้ให้ยกทหารมาจับตัวเล่าปี่ แลเราจะกลับไปนั้นเห็นไม่พ้นความผิด....."
เตียวหุยก็ชักกระบี่ออก ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า
".....ท่านอย่าดูหมิ่นเรา เรามิใช่เด็ก แต่โจรโพกผ้าเหลืองครั้งนั้น ยังมิอาจดูถูกพี่น้องเรา....."
กวนอูก็ห้ามเตียวหุยไว้ ลิโป้จึงว่า
".....เราเชิญให้ท่านทั้งสองมาบัดนี้ จะว่าให้ดีกันทั้งสองฝ่าย กิเหลงนั้นเขาก็นิ่งอยู่ แต่เตียวหุยทำหยาบช้า มิได้คิดแก่หน้าเราผู้เป็นใหญ่....."
แล้วลิโป้ก็คว้าทวนมาถือไว้ ทุกคนก็ตกใจ แต่ลิโป้กลับให้ทหารเอาทวนไปปักไว้ ไกลออกไปประมาณห้าเส้น แล้วยื่นคำขาดว่า
".....เราจะเสี่ยงให้ประจักษ์แก่เทพยดาทั้งหลาย แม้นยิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายทวน จึงทำสงครามกันตามความคิดเถิด ถ้าเรายิงถูกท่านทั้งสองจงเลิกทัพกลับไปตามคำเราว่า แม้นผู้ใดมิฟังเรา เราก็จะทำสงครามด้วยผู้นั้น....."
เล่าปี่นั้นอยากให้ลิโป้ช่วยอยู่แล้ว ก็ไม่ว่ากระไร กิเหลงก็คิดว่าถึงอย่างไรลิโป้ก็ยิงไม่ถูก จึงยอมรับคำ ลิโป้ก็ชวนเล่าปี่และกิเหลงเสพสุราต่ออีกหลายถ้วย แล้วจึงจับเกาทัณฑ์ขึ้นน้าวสาย ยิงไปถูกปลายทวนซึ่งปักไว้นั้นเป็นอัศจรรย์ ลิโป้ก็หัวเราะและจับมือกิเหลงกับเล่าปี่ ชวนให้กินโต๊ะด้วยกัน แล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับไป
ต่อมาอ้วนสุดวางแผนใหม่ ให้หันอิ้นเป็นเถ้าแก่ มาขอบุตรสาวของลิโป้ซึ่งเกิดแต่ นางเหงียมซี ภรรยาเอก ให้เป็นภรรยาบุตรคนโตของอ้วนสุด ลิโป้ปรึกษาภรรยาแล้วนางก็ยินดีบอกว่า
"...อ้วนสุดเป็นคนมีปัญญา ทแกล้วทหารก็มาก กับอยู่เมืองลำหยงเป็นเมืองใหญ่ นานไปอ้วนสุดเห็นจะได้เป็นเจ้า ลูกเราก็จะได้เป็นใหญ่ด้วย..."
ลิโป้จึงตอบตกลง อ้วนสุดก็ดีใจ ให้หันอิ้นนำสิ่งของขันหมากมาให้ลิโป้ และจะได้รับตัวบุตรสาวไปแต่งงานที่เมืองลำหยง ลิโป้ก็รับของหมั้นไว้ แล้วจัดที่พักให้หันอิ้นรออยู่
ตันก๋งที่ปรึกษาเห็นลิโป้ยังไม่รีบส่งตัวบุตรสาว จึงไปหาแล้วก็ถามไถ่ว่า
"....ท่านได้อ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันดังนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก เมื่อใดท่านจะคิดแต่งการเล่า..."
ลิโป้ว่าการนี้เป็นการใหญ่ จำจะปรึกษากันให้ทั่วก่อน ตันก๋งก็ว่า
"..ตามธรรมเนียมแต่ก่อนถ้าเป็นกษัตริย์ กำหนดปีหนึ่งจึงส่งตัวลูกสาว ถ้าขุนนางผู้ใหญ่กำหนดหกเดือน ขุนนางผู้น้อยกำหนดสี่เดือน ถ้าราษฎรกำหนดสามสิบวัน....."
ลิโป้จึงว่า
".....บัดนี้อ้วนสุดได้ตราหยกไว้ ก็เข้าไประหว่างกษัตริย์อยู่แล้ว เรายั้งการไว้ตามอย่างกษัตริย์....."
ตันก๋งก็แย้งว่า
"......ช้านัก ทุกวันนี้บ้านเมืองก็ยังไม่ปกติ ต่างคนต่างชิงกันเป็นใหญ่ ท่านจะหน่วงการไว้ดังนี้ เกลือกคนทั้งปวงที่เป็นศัตรูรู้ไป จะยกทหารตามมาคอยชิง เห็นจะได้ความรำคาญ ขอท่านได้ส่งลูกสาวไปให้อ้วนสุด อย่าให้ทันคนทั้งปวงซึ่งเป็นศัตรูรู้....."
ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงให้นางเหงียมซีเร่งรัด จัดแจงแต่งการให้บุตรสาวสำเร็จแต่เวลากลางคืน พอรุ่งเช้าก็ให้บุตรสาวขึ้นขี่เกวียนไม้หอม กับจัดสิ่งของตามธรรมเนียม แล้วมอบตัวให้หันอิ้นกับทหารเอกสองนาย และทหารกองหนึ่งนำไปเป็นขบวนใหญ่โต
ความแจ้งถึง ตันกุ๋ย ซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ของ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองชีจิ๋วคนก่อน กำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน รู้ว่าลิโป้ยกขบวนแห่บุตรสาว จะไปแต่งงานกับบุตรชายอ้วนสุดที่เมืองลำหยง ตันกุ๋ยนั้นไม่ชอบลิโป้ที่มายึดครองเมืองชีจิ๋วแทนเล่าปี่ เกรงว่าจะมีอันตรายมาถึงเล่าปี่ จึงลุกขึ้นแต่งตัวไปเจรจากับลิโป้ว่า
"......แต่ก่อนท่านรับสิ่งของเป็นสินบนของอ้วนสุด แล้วภายหลังท่านก็ยกไปช่วยเล่าปี่ ครั้นมาบัดนี้ได้ยินว่าท่านยกลูกสาวให้แก่บุตรอ้วนสุด เมื่อท่านกับอ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันแล้ว อ้วนสุดก็จะยกไปตีเมืองเสียวพ่าย ท่านจะไปช่วยเล่าปี่ก็มิได้ เมื่อเมืองเสียวพ่ายเสียแก่อ้วนสุดแล้วเห็นว่าเมืองชีจิ๋วจะไม่เป็นสุข อ้วนสุดก็จะเบียดเบียนยืมทหารและเสบียง ท่านจะเสียอ้วนสุดมิได้ ราษฎรทั้งปวงก็จะได้ความเดือดร้อน เห็นท่านกับอ้วนสุดก็จะผิดใจกันเป็นมั่นคง ประการหนึ่งอ้วนสุดคิดขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ หัวเมืองทั้งปวงก็ย่อมแจ้งอยู่สิ้น แลท่านจะมาคิดกับอ้วนสุดดังนี้ คนทั้งหลายก็จะพลอยเป็นศัตรูท่าน....."
ลิโป้ก็เห็นจริงด้วย จึงให้ เตียวเลี้ยว นายทหารเอก คุมพลติดตามไปพาเอาขบวนของบุตรสาว กลับมาเมืองชีจิ๋ว เอาตัวหันอิ้นไปจำคุกไว้ แล้วทำหนังสือแจ้งอ้วนสุดว่ายังจัดแจงสิ่งของทั้งปวงอยู่ ถ้าพร้อมแล้วเมื่อไร จึงจะส่งบุตรสาวไปให้
ลิโป้ กับ เล่าปี่ เป็นพันธมิตรกันอยู่ได้ไม่นานก็มีเรื่องเกิดขึ้นอีก เนื่องจากลิโป้ใช้นายทหารเอกสองนาย ไปซื้อม้าที่เมืองซัวตั๋ง แล้วทั้งสองกลับมารายงานว่า
“....ข้าพเจ้าซื้อม้าได้สามร้อย ครั้นมาถึงแดนเมืองเสียวพ่าย เวลากลางคืนมีผู้ร้ายมาตีชิงเอาม้าไปร้อยห้าสิบ ข้าพเจ้าสืบสาวได้เนื้อความว่าตียวหุย น้องเล่าปี่ คุมพวกเพื่อนปลอมเป็นโจรป่า มาตีชิงเอาม้าไป....."
ลิโป้ได้ฟังก็โกรธเป็นอันมาก จึงรีบยกทหารไปเมืองเสียวพ่าย เพื่อปราบโจรบรรดาศักดิ์ก๊กนี้ให้ได้ เล่าปี่ก็ตกใจคุมทหารออกมาตั้งรับ แล้วร้องถามลิโป้ว่า ยกกองทัพมานี้ ด้วยเหตุสิ่งใด ลิโป้จึงเอาแส้ม้าในมือชี้หน้าเล่าปี่ แล้วทวงบุญคุณว่า
".....ครั้งกิเหลงยกมารบเมืองเสียวพ่ายนั้น เรามีความเอ็นดูจึงช่วยคิดอ่านแก้ไข ตัวจึงได้รอดชีวิตอยู่ ตัวมิได้รู้จักคุณ ควรหรือมาชีชิงเอาม้าของเราไว้....."
เล่าไม่รู้เรื่องก็ปฏิเสธตามซื่อว่า จะได้ตีชิงเอาม้าของลิโป้นั้นหามิได้ ลิโป้ก็ยันเอาว่าใช้ให้ เตียวหุย น้องชายไปตีชิงเอาม้าไปร้อยห้าสิบ ทำไมจึงไม่รับ
เตียวหุยได้ฟังก็โกรธทนไม่ไหว ร้องตอบไปว่า
".....ตัวกูตีชิงเอาม้าของมาจริงอยู่ จะทำไมกู....."
ลิโป้ก็ว่า
".....อ้ายผู้ร้ายตากลมนี้ ทำหยาบช้าดูหมิ่นกูเป็นหลายครั้งมาแล้ว กลับท้าทายอีกเล่า....."
เตียวหุยก็ย้อนเอาว่า
"....กูตีชิงเอาม้าของมาโกรธหรือ ซึ่งตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของพี่กูไว้นั้น เข้าใจว่ากูหาโกรธไม่หรือ....."
แล้วทั้งคู่ก็เข้ารบกันถึงร้อยเพลง ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน เล่าปี่จึงตีม้าล่อ เรียกเตียวหุยกลับ แล้วก็ถอยเข้าเมืองไป ลิโป้ก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองเสียวพ่ายไว้แน่นหนาทั้งสี่ด้าน
เล่าปี่ก็ให้ทหารออกมาขอขมาลิโป้ว่า
"....เดิมนั้นมิได้รู้จึงไม่รับ บัดนี้จริงอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะเอาม้ามาคืนให้ ท่านอย่าได้พยาบาทเลย จะได้เห็นหน้ากันสืบไป...."
ลิโป้ก็หายโกรธยอมรับขมา แต่พอตันก๋งบอกว่า
".....ได้ทีแล้วท่านจะรั้งรออยู่ จะไม่กำจัดเล่าปี่เสียให้ได้ นานไปเล่าปี่ก็จะเป็นศัตรูทำอันตรายแก่ท่าน...."
ลิโป้ก็เห็นชอบด้วย จึงยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่ายเสียเลย เล่าปี่เห็นท่าจะสู้ไม่ไหว ก็ให้เตียวหุยเป็นกองหน้า ตัวเล่าปี่คุมครอบครัวเป็นกองกลาง กวนอูเป็นกองหลังเปิดประตูเมืองตีหักออกไปทางทิศเหนือ ในเวลายามสาม
ทหารของลิโป้ที่ล้อมอยู่ทานฝีมือของกวนอู เตียวหุยไม่ไหว เล่าปี่กับน้องทั้งสองก็หนีรอดไปหา โจโฉ ที่เมืองฮูโต๋ได้สำเร็จ โจโฉก็ขอรับสั่งแต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว เพื่อรวบรวมผู้คนไว้เป็นกำลัง ช่วยโจโฉกำจัดลิโป้ต่อไป
ตกลงก็เลยไม่รู้ว่า ลิโป้จะอยู่ข้างใดแน่ กับเล่าปี่ก็มีเรื่องผิดใจกันบ่อย กับอ้วนสุดก็เจรจาพลิกไปพลิ้วมาหาความสัตย์มิได้ โจโฉก็เป็นศัตรูตัวใหญ่ที่จ้องจะจัดการทำลายล้างอยู่
ตันก๋งที่ปรึกษาผู้จงรักภักดีนั้น ต้องการจะหนุนให้ลิโป้เป็นใหญ่ด้วยตนเอง ไม่ต้องเข้าพวกใด แต่ลิโป้ก็มิได้เชื่อถือเท่าใดนัก จะทำการสิ่งใดก็โลเลเปลี่ยนใจไปมาไม่คงที่เช่นนี้ จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
ก็ต้องคอยดูกันต่อไป.