ทำไมแชมป์ที่ Dubai จึงเป็นแบบทดสอบครั้งสำคัญของ Roger Federer
credit source: bleacherreport.com
Roger Federer พร้อมแล้วที่จะวางแผนการที่เหลือแห่งปี ณ Dubai สนามที่เร็วจะเป็นบททดสอบการรุกของเขาโดยมีโค้ช Stefan Edberg คอยหนุนหลัง
Federer จะเป็นตัวเก็งคนสำคัญที่จะกวาดคู่แข่ง 3 อันดับแรกของเขาไว้ข้างๆ ก็ต่อเมื่อเขามีโอกาสที่จะเข้ารอบรองชนะเลิศเพื่อไปเจอกับ Novak Djokovic ผู้เป็นKing of hard courts คนปัจจุบัน เขาจำเป็นที่จะต้องประเมินความก้าวหน้าของตัวเองเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่สำคัญที่สุดของฤดูใบไม้ผลิ
หนุ่มสวิสผู้นี้เป็นเจ้าแห่งแชมป์ hard-court มาอย่างยาวนาน บางทีอาจจะยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีนักเทนนิสมาก็ได้ เขาชนะเลิศ U.S. Open ติดต่อกัน 5 ปี 2004-08 บนสนามที่เร็วและแข็ง เขาได้แชมป์ Australian Open 4 ครั้งที่ Melbourne บนสนามที่เด้งช้ากว่า slower Rebound Ace (2004, 2006-07) และเป็นแชมป์ที่ Plexicushion (2010) บน hard-court
เขาเป็นเหมือน เบ้าหล่อ ของคนตี hard-court ที่เยี่ยมที่สุดอย่าง Pete Sampras และ Andre Agassi เขาเป็นทั้ง Jimi Hendrix และ Mikhail Baryshnikov สไตล์การเล่นอันสัมฤทธิ์ผลของเขาถูกออกแบบผ่านท่าเต้น footwork ที่คล่องแคล่ว รองเท้าที่สดใสและต้นแบบแห่งความคิดสร้างสรรค์ เขาตีลูก winner จากท้ายคอร์ดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
กลยุทธ์ ตีลูกเร็ว
ช่วงเวลานี้ Federer กำลังปรับปรุงกลยุทธ์หรือ tactic การเล่นเท่าที่จำเป็น ด้วยเขาอายุ 32 ปีแล้ว เคลื่อนไหวได้ช้าลง การบดขยี้เด็กอ่อน(วัย)กว่าที่ตีท้ายคอร์ดทำได้ยากขึ้น แต่เขาก็ยังคงดูเป็นน่าเกรงขามและสามารถสร้างความกดดันต่อผู้แข่งของเขาได้ นับตั้งแต่การแข่งขันที่ Australia ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ดูเหมือนเขาจะได้แต้มจากหน้าเน็ตมากขึ้นรวมทั้งการบังคับตัวเองให้ทำแต้มจากการตีลูกจำนวนน้อยครั้งลงด้วยการตีลูกยากๆ ให้มากขึ้น
กลวิธีการของ Federer-Edberg ได้ผลอย่างรวดเร็วด้วยการมีชัยต่อนักเทนนิสระดับ B อย่าง Jo-Wilfried Tsonga และ Andy Murray ที่ Australian Open ปีนี้
การปรับกระบวนท่าของ Federer ต้องการเกมการแข่งขันและโอกาสให้มากกว่านี้ มันไม่เหมือนวิธีการเล่นของ Edberg เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเขาไม่สามารถแม้กระทั้งจะสร้างสูตรง่ายๆ ในการขึ้นหน้าเน็ตได้เลย
เขาจะต้องปรับแต่งกลยุทธ์ในการรับลูกและเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดว่าจะอยู่ท้ายคอร์ดหรือว่าขึ้นมาหน้าเน็ต ซึ่งคล้ายคลึงกับ Jimmy Connors แต่หลากหลายกว่า เขาต้องหาสมดุลของร่างกายและสมองให้เจอเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพื่อผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
เขาได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเอาชนะนักเทนนิสเกรด B ในตารางทุกๆ คน แต่เขาจำเป็นจะต้องเจอ big match อีกเยอะเพื่อยกระดับการเล่นของตัวเอง แก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาต้องการโอกาสอย่างรอบรองชนะเลิศที่ Australian Open ปี 2014 ที่ได้เจอกับ Rafael Nadal
ต้องยอม(แพ้)เลยเมื่อการแข่งขันนัดนั้นไม่เป็นไปตามแผน แต่ว่า Nadal เป็นอุปสรรคเพียงหนึ่งเดียวในอาชีพนักเทนนิสของเขา . อย่างไรก็ตาม Federer ดูดีในเซ็ตแรก ตามด้วยการไปเถียงกับผู้ตัดสินในเซ็ตที่สองซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน มันคือความคับข้องใจชั่วขณะราวกับว่าเขานั้นไม่สามารถจะไขประตูที่ถูกปิดตายเพื่อเข้าไปเอาไอสครีมรสเลิศที่เขาชื่นชอบได้
เหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่เขาต้องเผชิญ เขาโต้กับ Nadal ด้วยเทนนิสที่ดีที่สุดของเขาแล้ว เพราะถ้าน้อยกว่า แล้วนี้ละก็ เขาจะต้องเสียงทรงซึ่งมีผลต่อชัยชนะของเขาเป็นแน่
King Novak กำลังรอเขาอยู่
Djokovic เป็นผู้เล่น hard courts ที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบัน เขาจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าผลงานทั้งหมดของเขาจะสามารถขึ้นมาเทียบเคียงกับ Federer ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำสถิติเท่ากับ Federer บนสนามที่เด้งช้ากว่าของ Australian
หนุ่ม Serbian คือ “วิวัฒนการของ Agassi” ผู้ชำนาญในการตีลูกทุกรูปแบบ เขามีส่วนของคนที่สามารถควบคุมเกมและโต้กลับอย่างดุดัน เขาทำทุกอย่างไม่ว่าจะเปลี่ยนสไตล์จากนักล่ามาเป็นนักบุญเพียงเพื่อคะแนนแต่ละแต้ม เขาจึงเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของ Federer ที่ Dubai
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Federer ต้องการที่จะเจอกับ Djokovic เขาต้องการที่จะดวลกับคู่ต่อสู้ไปพร้อมๆ กับความคิดแก้ไขสถานการณ์ท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือด
Djokovic คือแรงจูงใจที่ดี ด้วยเขาเป็นแชมเปี้ยนที่พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ในช่วงที่พีคที่สุดของเขา เขากำลังต้องการที่จะกลับขึ้นสู่มือ 1 ของโลกอีกครั้ง เขาเป็นนักเทนนิสที่เหนียวแน่นที่สุด แรงไม่มีแผ่วและมีความมั่นใจ เขาคือดัชนีชี้วัดสำหรับโอกาสแห่งความรุ่งเรืองในอนาคตแห่งวงการเทนนิสของ Federer
ในขณะที่ Djokovic เองก็อยากที่จะได้สถิติ head-to-head จบลงเสมอกันที่ 16-16 และเขาก็จะได้แชมป์ Dubai เป็นสมัยที่ 5 เท่ากับ Federer ด้วย
ผลการแข่งขันของทั้งคู่เทไปทางชัยชนะของ Djokovic ถึง 9 ต่อ 3 นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แต่ Federer ก็ได้ชัยในนัดสำคัญอย่างศึก French Open (2011) และ Wimbledon (2012) ที่ตัดโอกาสหนุ่ม Serbian ในการคว้าแชมป์ Grand Slam ถึง 2 รายการ ซึ่งเป็นกุญแจอันนำไปสู่การเป็นแชมป์ major ครั้งล่าสุดของ Federer
Federer ตระหนักดีว่า เส้นทางสู่การเป็นแชมป์ที่ Dubai จะต้องผ่าน Djokovic ไปให้ได้ และเขาพูดกับ ATP World Tour ว่า:
"แน่นอนครับว่า ตัวเก็งในสายตาของผมคือ Novak เขาเป็นมือวางอันดับ 1 ใน tournament นี้ บวกกับเขาตีเล่นได้ดีจริงๆ ที่นี่ ชัยชนะ(ของผม)อยู่ที่การต้องผ่านเขาไปให้ได้ครับ”
Federer เป็นคู่ต่อสู้ซึ่งยากที่จะต่อกรด้วย เขามักจะมีลูกเสิร์ฟอันทรงพลังพร้อมกับลูกตี slice ต่ำทำให้ Djokovic ต้องงัดลูกขึ้นมาแบบ Tee-off เพื่อสร้าง shot ตีเข้ามุมสวยๆ เขายังบังคับให้หนุ่ม Serbian ต้องตีลูกเร็วขึ้น ตีลูกที่ไม่ถนัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายจังหวะการตีของเขา
ท้ายที่สุด ผู้เล่นแต่ละคนล้วนที่จะควบคุมเกมการเล่นของตัวเองให้ได้ชัยชนะ ใครที่จะสามารถตีลูกสวยๆ และมั่นใจ นักเทนนิสคนไหนจะสร้างความมหัศจรรย์ได้มากกว่ากัน ?
เดินแถวสู่ฤดูแห่งการแข่งขัน Grand Slam
เดือนมี.ค. จะเป็นช่วงเวลาที่ Federer บริหารกล้ามเนื้อของเขาด้วยการลงแข่งที่ Dubai, Indian Wells และ Miami ซึ่งทั้งหมดเป็น hard courts ก่อนที่จะนำตัวเองสู่สนามดินในเดือนเม.ย. การแข่งขันเหล่านี้จะเป็นเสมือนห้องทดลองของเขา เป็นที่ซึ่งเขาสามารถจะตี ปรับแต่งสูตรการเล่น เพื่อนำเขาเข้าไปสู่การเป็นมือ 4 อันดับแรกของโลกให้ได้ หรือไม่ก็คว้าแชมป์ Grand Slam ซะเลย
Federer และแฟนๆ เองจะได้เห็นภาพรวมแห่งเป้าหมายที่รอคอยนี้ไปด้วยกัน ขอโปรดอย่าได้ทำพลาดซะล่ะ นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งสำหรับบุรุษแห่งตำนานชาวสวิสที่จะสามารถคว้า Grand Slam ได้อีกแชมป์โดยเริ่มจากแชมป์ที่ Dubai แห่งนี้
ทำไมแชมป์ที่ Dubai จึงเป็นแบบทดสอบครั้งสำคัญของ Roger Federer
credit source: bleacherreport.com
Roger Federer พร้อมแล้วที่จะวางแผนการที่เหลือแห่งปี ณ Dubai สนามที่เร็วจะเป็นบททดสอบการรุกของเขาโดยมีโค้ช Stefan Edberg คอยหนุนหลัง
Federer จะเป็นตัวเก็งคนสำคัญที่จะกวาดคู่แข่ง 3 อันดับแรกของเขาไว้ข้างๆ ก็ต่อเมื่อเขามีโอกาสที่จะเข้ารอบรองชนะเลิศเพื่อไปเจอกับ Novak Djokovic ผู้เป็นKing of hard courts คนปัจจุบัน เขาจำเป็นที่จะต้องประเมินความก้าวหน้าของตัวเองเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่สำคัญที่สุดของฤดูใบไม้ผลิ
หนุ่มสวิสผู้นี้เป็นเจ้าแห่งแชมป์ hard-court มาอย่างยาวนาน บางทีอาจจะยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีนักเทนนิสมาก็ได้ เขาชนะเลิศ U.S. Open ติดต่อกัน 5 ปี 2004-08 บนสนามที่เร็วและแข็ง เขาได้แชมป์ Australian Open 4 ครั้งที่ Melbourne บนสนามที่เด้งช้ากว่า slower Rebound Ace (2004, 2006-07) และเป็นแชมป์ที่ Plexicushion (2010) บน hard-court
เขาเป็นเหมือน เบ้าหล่อ ของคนตี hard-court ที่เยี่ยมที่สุดอย่าง Pete Sampras และ Andre Agassi เขาเป็นทั้ง Jimi Hendrix และ Mikhail Baryshnikov สไตล์การเล่นอันสัมฤทธิ์ผลของเขาถูกออกแบบผ่านท่าเต้น footwork ที่คล่องแคล่ว รองเท้าที่สดใสและต้นแบบแห่งความคิดสร้างสรรค์ เขาตีลูก winner จากท้ายคอร์ดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
กลยุทธ์ ตีลูกเร็ว
ช่วงเวลานี้ Federer กำลังปรับปรุงกลยุทธ์หรือ tactic การเล่นเท่าที่จำเป็น ด้วยเขาอายุ 32 ปีแล้ว เคลื่อนไหวได้ช้าลง การบดขยี้เด็กอ่อน(วัย)กว่าที่ตีท้ายคอร์ดทำได้ยากขึ้น แต่เขาก็ยังคงดูเป็นน่าเกรงขามและสามารถสร้างความกดดันต่อผู้แข่งของเขาได้ นับตั้งแต่การแข่งขันที่ Australia ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ดูเหมือนเขาจะได้แต้มจากหน้าเน็ตมากขึ้นรวมทั้งการบังคับตัวเองให้ทำแต้มจากการตีลูกจำนวนน้อยครั้งลงด้วยการตีลูกยากๆ ให้มากขึ้น
กลวิธีการของ Federer-Edberg ได้ผลอย่างรวดเร็วด้วยการมีชัยต่อนักเทนนิสระดับ B อย่าง Jo-Wilfried Tsonga และ Andy Murray ที่ Australian Open ปีนี้
การปรับกระบวนท่าของ Federer ต้องการเกมการแข่งขันและโอกาสให้มากกว่านี้ มันไม่เหมือนวิธีการเล่นของ Edberg เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเขาไม่สามารถแม้กระทั้งจะสร้างสูตรง่ายๆ ในการขึ้นหน้าเน็ตได้เลย
เขาจะต้องปรับแต่งกลยุทธ์ในการรับลูกและเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดว่าจะอยู่ท้ายคอร์ดหรือว่าขึ้นมาหน้าเน็ต ซึ่งคล้ายคลึงกับ Jimmy Connors แต่หลากหลายกว่า เขาต้องหาสมดุลของร่างกายและสมองให้เจอเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพื่อผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่
เขาได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเอาชนะนักเทนนิสเกรด B ในตารางทุกๆ คน แต่เขาจำเป็นจะต้องเจอ big match อีกเยอะเพื่อยกระดับการเล่นของตัวเอง แก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาต้องการโอกาสอย่างรอบรองชนะเลิศที่ Australian Open ปี 2014 ที่ได้เจอกับ Rafael Nadal
ต้องยอม(แพ้)เลยเมื่อการแข่งขันนัดนั้นไม่เป็นไปตามแผน แต่ว่า Nadal เป็นอุปสรรคเพียงหนึ่งเดียวในอาชีพนักเทนนิสของเขา . อย่างไรก็ตาม Federer ดูดีในเซ็ตแรก ตามด้วยการไปเถียงกับผู้ตัดสินในเซ็ตที่สองซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน มันคือความคับข้องใจชั่วขณะราวกับว่าเขานั้นไม่สามารถจะไขประตูที่ถูกปิดตายเพื่อเข้าไปเอาไอสครีมรสเลิศที่เขาชื่นชอบได้
เหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่เขาต้องเผชิญ เขาโต้กับ Nadal ด้วยเทนนิสที่ดีที่สุดของเขาแล้ว เพราะถ้าน้อยกว่า แล้วนี้ละก็ เขาจะต้องเสียงทรงซึ่งมีผลต่อชัยชนะของเขาเป็นแน่
King Novak กำลังรอเขาอยู่
Djokovic เป็นผู้เล่น hard courts ที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบัน เขาจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าผลงานทั้งหมดของเขาจะสามารถขึ้นมาเทียบเคียงกับ Federer ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำสถิติเท่ากับ Federer บนสนามที่เด้งช้ากว่าของ Australian
หนุ่ม Serbian คือ “วิวัฒนการของ Agassi” ผู้ชำนาญในการตีลูกทุกรูปแบบ เขามีส่วนของคนที่สามารถควบคุมเกมและโต้กลับอย่างดุดัน เขาทำทุกอย่างไม่ว่าจะเปลี่ยนสไตล์จากนักล่ามาเป็นนักบุญเพียงเพื่อคะแนนแต่ละแต้ม เขาจึงเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของ Federer ที่ Dubai
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Federer ต้องการที่จะเจอกับ Djokovic เขาต้องการที่จะดวลกับคู่ต่อสู้ไปพร้อมๆ กับความคิดแก้ไขสถานการณ์ท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือด
Djokovic คือแรงจูงใจที่ดี ด้วยเขาเป็นแชมเปี้ยนที่พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ ในช่วงที่พีคที่สุดของเขา เขากำลังต้องการที่จะกลับขึ้นสู่มือ 1 ของโลกอีกครั้ง เขาเป็นนักเทนนิสที่เหนียวแน่นที่สุด แรงไม่มีแผ่วและมีความมั่นใจ เขาคือดัชนีชี้วัดสำหรับโอกาสแห่งความรุ่งเรืองในอนาคตแห่งวงการเทนนิสของ Federer
ในขณะที่ Djokovic เองก็อยากที่จะได้สถิติ head-to-head จบลงเสมอกันที่ 16-16 และเขาก็จะได้แชมป์ Dubai เป็นสมัยที่ 5 เท่ากับ Federer ด้วย
ผลการแข่งขันของทั้งคู่เทไปทางชัยชนะของ Djokovic ถึง 9 ต่อ 3 นับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แต่ Federer ก็ได้ชัยในนัดสำคัญอย่างศึก French Open (2011) และ Wimbledon (2012) ที่ตัดโอกาสหนุ่ม Serbian ในการคว้าแชมป์ Grand Slam ถึง 2 รายการ ซึ่งเป็นกุญแจอันนำไปสู่การเป็นแชมป์ major ครั้งล่าสุดของ Federer
Federer ตระหนักดีว่า เส้นทางสู่การเป็นแชมป์ที่ Dubai จะต้องผ่าน Djokovic ไปให้ได้ และเขาพูดกับ ATP World Tour ว่า:
"แน่นอนครับว่า ตัวเก็งในสายตาของผมคือ Novak เขาเป็นมือวางอันดับ 1 ใน tournament นี้ บวกกับเขาตีเล่นได้ดีจริงๆ ที่นี่ ชัยชนะ(ของผม)อยู่ที่การต้องผ่านเขาไปให้ได้ครับ”
Federer เป็นคู่ต่อสู้ซึ่งยากที่จะต่อกรด้วย เขามักจะมีลูกเสิร์ฟอันทรงพลังพร้อมกับลูกตี slice ต่ำทำให้ Djokovic ต้องงัดลูกขึ้นมาแบบ Tee-off เพื่อสร้าง shot ตีเข้ามุมสวยๆ เขายังบังคับให้หนุ่ม Serbian ต้องตีลูกเร็วขึ้น ตีลูกที่ไม่ถนัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายจังหวะการตีของเขา
ท้ายที่สุด ผู้เล่นแต่ละคนล้วนที่จะควบคุมเกมการเล่นของตัวเองให้ได้ชัยชนะ ใครที่จะสามารถตีลูกสวยๆ และมั่นใจ นักเทนนิสคนไหนจะสร้างความมหัศจรรย์ได้มากกว่ากัน ?
เดินแถวสู่ฤดูแห่งการแข่งขัน Grand Slam
เดือนมี.ค. จะเป็นช่วงเวลาที่ Federer บริหารกล้ามเนื้อของเขาด้วยการลงแข่งที่ Dubai, Indian Wells และ Miami ซึ่งทั้งหมดเป็น hard courts ก่อนที่จะนำตัวเองสู่สนามดินในเดือนเม.ย. การแข่งขันเหล่านี้จะเป็นเสมือนห้องทดลองของเขา เป็นที่ซึ่งเขาสามารถจะตี ปรับแต่งสูตรการเล่น เพื่อนำเขาเข้าไปสู่การเป็นมือ 4 อันดับแรกของโลกให้ได้ หรือไม่ก็คว้าแชมป์ Grand Slam ซะเลย
Federer และแฟนๆ เองจะได้เห็นภาพรวมแห่งเป้าหมายที่รอคอยนี้ไปด้วยกัน ขอโปรดอย่าได้ทำพลาดซะล่ะ นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งสำหรับบุรุษแห่งตำนานชาวสวิสที่จะสามารถคว้า Grand Slam ได้อีกแชมป์โดยเริ่มจากแชมป์ที่ Dubai แห่งนี้