credit source:ftw.usatoday.com
(แปล ผิด ตก ขอภัยค่ะ)
ด้วยชัยชนะของเขาที่มีต่อ Gilles Simon ที่เซี่ยงไฮ้ในรายการ the Shanghai Rolex Masters
ทำให้ Roger Federer เลื่อนขึ้นไปอยู่ในอันดับ 2 ของ ATP rankings
โดยมีแต้มห่างจาก Novak Djokovic เพียง 990 คะแนนเท่านั้น ณ จุดๆ นี้
นั่นเป็นระยะที่พอจะให้ Federer ในวัย 33 ปีมีสิทธิขึ้นอันดับ 1 ของโลกตอนสิ้นปีได้
มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้เลยทั้งจากวัยที่มากขึ้นของเขา
และการพลาดแชมป์ Grand Slam ทั้งปี 2014 ของเขาด้วย
นี่ไม่ใช่การวาดวิมานในอากาศแต่อย่างใดกับการขึ้นสู่อันดับ 1 ของ Federer
ในขณะที่ดูเหมือนมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่มันก็(มีโอกาส)เป็นไปได้มากๆ
Djokovic มีตารางที่จะลงแข่งอีกเพียง 2 รายการในปีนี้คือ The BNP Paribas Masters
ที่กรุงปารีส และ year-end ATP World Tour Finals
ในขณะที่ Federer มีแผนที่จะลงแข่งรายการ Basel ที่บ้านเกิด รายการที่ยกระดับแต้มขึ้นเป็น 500 คะแนน
ถ้า Federer สามารถเข้ารอบลึกๆ ในรายการที่เขาลงแข่ง
และเข้ารอบลึกกว่า Djokovic ที่ปารีสและลอนดอน
เขาจะสามารถขึ้นไปอยู่อันดับ 1 เมื่อสิ้นสุดปีอย่างง่ายดาย แต่เขาจะทำได้หรือ?
ภาพนี้ให้ 2 ความรู้สึกค่ะ คือ
1. รู้สึก ฮา ที่เฮียพยายามจะ ยิ้มทักทายโนเล่ระหว่างเกมการแข่ง และ
2. รู้สึกว่า เฮีย มีความรู้สึกดีๆ เป็นมิตรให้กับโนเล่ มาก เป็นภาพความประทับใจของแฟนเฮียเฟดอย่างเราค่ะ เย้
เหตุการณ์จะสามารถออกมาได้ในหลายร้อยรูปแบบและก็ไม่มีใครจะคาดเอากันไปเองได้
จำได้หรือไม่ว่า Federer นั้นเคยเซฟถึง 5 match point มาแล้วในนัดแรกที่เขาลงแข่ง
สู้กับ Leonardo Mayer เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เซี่ยงไฮ้ จนคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้
แต่ถ้าผลที่ออก ไปเข้าทางของ Mayer แล้วล่ะก็ Federer คงยังอยู่ที่อันดับ 3 ของโลก
ส่วน Djokovic จะลอยลำเป็นมือ 1 ของโลก ณ ตอนสิ้นปีอีกครั้ง
หรือว่ามันจะจบอย่างรวดเร็วถ้า Federer เกิดแพ้ในนัดแรกที่ปารีส
ในขณะที่ Djokovic คว้าแชมป์ การแข่งขัน(ระหว่างสองคนนี้) ก็จะจบลงก่อนที่จะมันจะเริ่มต้นเสียอีก
แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้า Federer ชนะ เขาจะแซงหน้า Djokovic ไม่ว่าผลการแข่งของ Djokovic จะเป็นอย่างไรก็ตาม
เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างแบบสุดขั้ว( ซึ่งก็คิดว่ามีทางที่จะเป็นไปได้)
บทความนี้พยายามที่จะสร้างความใกล้เคียงที่สุด
ความเป็นไปได้สูงสุดของเส้นทางไปสู่ความเป็นมือ 1 ของโลกให้กับ Federer
Basel
Federer เข้าสู่รอบชิงใน 8 ครั้งหลังสุดของการปรากฏตัวของเขาที่ Basel ด้วยสถิติชนะ 37 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง
คว้าแชมป์ได้ 5 ครั้ง เป็นที่เข้าใจกันดีเมื่อ Djokovic จะไม่ลงแข่งขันรายการนี้
(ภรรยาของเขากำหนดคลอดลูกคนแรกในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ มันจึงเป็นข้อสมมติฐานที่สมเหตุผล)
Federer จะได้แต้มเพิ่มฟรีๆ ที่ Basel แล้วเขาจะทำได้เท่าไร?
ตามประวัติที่เก็บรวบรวมมา เขาจะตีได้ดีและเก็บแต้มอย่างน้อย 300 คะแนนสำหรับตำแหน่งรองแชมป์
ด้วยเขาไม่เคยตกรอบก่อนรอบชิงตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา กับ Rafael Nadal ผู้ซึ่งอยู่คนละสายของตาราง
เส้นทางของ Federer ดูไม่ยากลำบาก อาจจะมีบ้างกับ Stan Wawrinka เพื่อนชาวสวิสของเขาที่จะได้เจอ
ในรอบรองฯ ถึงแม้ว่า การจบเป็นที่ 1 ของโลกตอนสิ้นปีจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคว้าแชมป์ที่ Basel ก็ตาม
แต่มันเป็นหนทางที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด ดังนั้น ถ้าให้ Federer คว้าแชมป์ที่ Basel ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
(ด้วยไม่เข้าใจระบบการให้คะแนน จึงไปไม่เป็น และ แปลไม่ได้ค่ะ ขออภัย แง แง )
Federer: ได้ 500 points (win); Net gain: 500 points; Deficit: 490 points.
Paris
Djokovic ไม่ได้เป็นเป้านิ่งที่จะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ สถิติในผลงานของเขาคือ ชนะ 33 ครั้ง แพ้เพียง 5 ครั้ง
นับตั้งแต่ตอนเริ่มแข่ง the French Open พร้อมกับการคาดหมายว่าฟอร์มของเขาจะแข็งแกร่งแบบนี้ไปตลอดจนถึงสิ้นปี
มันจึงเป็นการคาดคะเนที่ไม่สมเหตุสมผลเลยว่า Federer จะสามารถเอาชนะเหนือ Djokovic ในทุก tournament ที่ลงแข่ง
จริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ Roger เลย ทั้งหมดมันขึ้นอยู่ที่ Novak ต่างหาก
ที่จริง Djokovic มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จอันสวยงามในรายการที่ปารีส เขาได้แชมป์ปี 2009 และ 2013
แต่ก็เคยตกรอบ 16 คน รอบก่อนรองฯ รอบ32 มาแล้ว (ไม่เห็นด้วยอย่างแรง โนเล่คว้าแชมป์มาถึง 2 ครั้งนะคะ)
Federer เองก็ไม่ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมที่นี่เช่นกัน เขาได้แชมป์เมื่อปี 2011
และผ่านเข้ารอบรองฯ 2 ครั้งในปี 2010 และ 2013 แต่เขามักจะตกรอบต้นๆ เสมอในช่วงที่เขารุ่งสุดๆ
ถ้าให้ Djokovic มีชัยเหนือกว่าที่ปารีสทั้งๆ ที่มือ 1 และมือ 2 ของโลกยังไม่ได้ลงมือแข่งขัน
Djokovic: 360 points (SF)
Federer: 180 points (QF); Net gain: -180 points; Deficit: 670 points
ATP World Tour Finals
ถ้า Federer จะกระชากมือ 1 จากมือของ Djokovic คงเป็นผลงานที่เขาจะต้องสร้าง ณ กรุงลอนดอน
รำลึกถึงผลงานก่อนหน้า ชัยชนะของ Federer ที่นี่ไม่ใช่อะไรที่ยากลำบาก
แต่ถ้าพิจารณาถึงคะแนนที่ Djokovic เก็บเกี่ยวได้(ในอันดับ 1)แล้ว เกือบจะแน่นอนแล้วว่า
พวกเขาทั้งคู่จะอยู่ต่างสายในรอบพบกันหมด(round-robin)
และถ้าทั้งคู่ผ่านรอบ knockout ได้จนเข้าไปเจอกันในรอบชิงซึ่งมีอันดับ 1 ของโลกตอนสิ้นปีรออยู่
และถ้าเกิดผลอันสร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คนเมื่อ...
เมื่อ Federer สามารถเอาชนะ Djokovic ในรอบชิงแล้ว เขาก็ยังคงไม่สามารถก้าวพ้น Djokovic ขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกได้
Djokovic: 800 points (two round-robin wins, loss in final)
Federer: 1,300 points (two round-robin wins, tournament champion); Net gain: 500 points; Deficit: 170 points
ฮา อะเฮีย ดูท่า เฮียจะขอ กระโดดขึ้นมือ 1 เอาที่ผลรายการนี้ ชิมิคะ เฮีย
Davis Cup
นี่คือปัจจัยที่มีผลอย่างมาก เมื่อ Federer ยังคงอยู่ในเกมเพื่อเข้ารอบชิง the Davis Cup
ส่วน Djokovic นั้น ตกรอบไปแล้ว คะแนนโบนัสที่จะได้อาจสร้างความแตกต่างในช่วงแคบๆ
เพียงเล็กน้อยคือ Federer สามารถเก็บ 75 คะแนนประเภทชายเดี่ยวสำหรับแต่ละชัยชนะ
เหนือทีมฝรั่งเศส มันมี 150 คะแนนสำหรับการแข่ง 2 นัด ส่วนประเภทชายคู่
ถ้าทีมสวิสชนะ จะมีแต้มโบนัส 75 ให้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าทีมสวิสได้ถ้วย Davis Cup เป็นครั้งแรก
จากการชัยชนะของ Federer 2 นัดในรอบชายเดี่ยวแล้วล่ะก็
คะแนนถึงจะเพียงพอสำหรับให้ Roger กลับขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกได้
Federer: 225 points (two wins and Davis Cup title); Net gain: 225 points; Finishes No. 1 by 55 points.
มันเป็นการค้นหาคำตอบที่ดูกันอีกยาวไกล แต่มันจะสั้นลงทันทีถ้า Djokovic ได้แชมป์
หรือเข้ารอบชิงทั้งสองรายการที่เหลือของเขา เขาจะจบปีนี้ด้วยการเป็นมือ 1 ของโลก
ถ้า Federer คว้าแชมป์ 1 ใน 3 รายการที่เหลือของเขา บวกกับแต้มจาก Davis Cup
และถ้าเขายังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งแบบนี้
มันก็จะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับเขาที่จะกลับขึ้นสู่มือ 1 ของโลกอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ เย้
* * * * Roger Federer จะสามารถ ขโมย มือหนึ่ง ของโลกจาก Novak Djokovic ได้อย่างไร * * * *
(แปล ผิด ตก ขอภัยค่ะ)
ด้วยชัยชนะของเขาที่มีต่อ Gilles Simon ที่เซี่ยงไฮ้ในรายการ the Shanghai Rolex Masters
ทำให้ Roger Federer เลื่อนขึ้นไปอยู่ในอันดับ 2 ของ ATP rankings
โดยมีแต้มห่างจาก Novak Djokovic เพียง 990 คะแนนเท่านั้น ณ จุดๆ นี้
นั่นเป็นระยะที่พอจะให้ Federer ในวัย 33 ปีมีสิทธิขึ้นอันดับ 1 ของโลกตอนสิ้นปีได้
มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้เลยทั้งจากวัยที่มากขึ้นของเขา
และการพลาดแชมป์ Grand Slam ทั้งปี 2014 ของเขาด้วย
นี่ไม่ใช่การวาดวิมานในอากาศแต่อย่างใดกับการขึ้นสู่อันดับ 1 ของ Federer
ในขณะที่ดูเหมือนมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่มันก็(มีโอกาส)เป็นไปได้มากๆ
Djokovic มีตารางที่จะลงแข่งอีกเพียง 2 รายการในปีนี้คือ The BNP Paribas Masters
ที่กรุงปารีส และ year-end ATP World Tour Finals
ในขณะที่ Federer มีแผนที่จะลงแข่งรายการ Basel ที่บ้านเกิด รายการที่ยกระดับแต้มขึ้นเป็น 500 คะแนน
ถ้า Federer สามารถเข้ารอบลึกๆ ในรายการที่เขาลงแข่ง
และเข้ารอบลึกกว่า Djokovic ที่ปารีสและลอนดอน
เขาจะสามารถขึ้นไปอยู่อันดับ 1 เมื่อสิ้นสุดปีอย่างง่ายดาย แต่เขาจะทำได้หรือ?
ภาพนี้ให้ 2 ความรู้สึกค่ะ คือ
1. รู้สึก ฮา ที่เฮียพยายามจะ ยิ้มทักทายโนเล่ระหว่างเกมการแข่ง และ
2. รู้สึกว่า เฮีย มีความรู้สึกดีๆ เป็นมิตรให้กับโนเล่ มาก เป็นภาพความประทับใจของแฟนเฮียเฟดอย่างเราค่ะ เย้
เหตุการณ์จะสามารถออกมาได้ในหลายร้อยรูปแบบและก็ไม่มีใครจะคาดเอากันไปเองได้
จำได้หรือไม่ว่า Federer นั้นเคยเซฟถึง 5 match point มาแล้วในนัดแรกที่เขาลงแข่ง
สู้กับ Leonardo Mayer เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เซี่ยงไฮ้ จนคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้
แต่ถ้าผลที่ออก ไปเข้าทางของ Mayer แล้วล่ะก็ Federer คงยังอยู่ที่อันดับ 3 ของโลก
ส่วน Djokovic จะลอยลำเป็นมือ 1 ของโลก ณ ตอนสิ้นปีอีกครั้ง
หรือว่ามันจะจบอย่างรวดเร็วถ้า Federer เกิดแพ้ในนัดแรกที่ปารีส
ในขณะที่ Djokovic คว้าแชมป์ การแข่งขัน(ระหว่างสองคนนี้) ก็จะจบลงก่อนที่จะมันจะเริ่มต้นเสียอีก
แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้า Federer ชนะ เขาจะแซงหน้า Djokovic ไม่ว่าผลการแข่งของ Djokovic จะเป็นอย่างไรก็ตาม
เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างแบบสุดขั้ว( ซึ่งก็คิดว่ามีทางที่จะเป็นไปได้)
บทความนี้พยายามที่จะสร้างความใกล้เคียงที่สุด
ความเป็นไปได้สูงสุดของเส้นทางไปสู่ความเป็นมือ 1 ของโลกให้กับ Federer
Basel
Federer เข้าสู่รอบชิงใน 8 ครั้งหลังสุดของการปรากฏตัวของเขาที่ Basel ด้วยสถิติชนะ 37 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง
คว้าแชมป์ได้ 5 ครั้ง เป็นที่เข้าใจกันดีเมื่อ Djokovic จะไม่ลงแข่งขันรายการนี้
(ภรรยาของเขากำหนดคลอดลูกคนแรกในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ มันจึงเป็นข้อสมมติฐานที่สมเหตุผล)
Federer จะได้แต้มเพิ่มฟรีๆ ที่ Basel แล้วเขาจะทำได้เท่าไร?
ตามประวัติที่เก็บรวบรวมมา เขาจะตีได้ดีและเก็บแต้มอย่างน้อย 300 คะแนนสำหรับตำแหน่งรองแชมป์
ด้วยเขาไม่เคยตกรอบก่อนรอบชิงตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา กับ Rafael Nadal ผู้ซึ่งอยู่คนละสายของตาราง
เส้นทางของ Federer ดูไม่ยากลำบาก อาจจะมีบ้างกับ Stan Wawrinka เพื่อนชาวสวิสของเขาที่จะได้เจอ
ในรอบรองฯ ถึงแม้ว่า การจบเป็นที่ 1 ของโลกตอนสิ้นปีจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการคว้าแชมป์ที่ Basel ก็ตาม
แต่มันเป็นหนทางที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด ดังนั้น ถ้าให้ Federer คว้าแชมป์ที่ Basel ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
(ด้วยไม่เข้าใจระบบการให้คะแนน จึงไปไม่เป็น และ แปลไม่ได้ค่ะ ขออภัย แง แง )
Federer: ได้ 500 points (win); Net gain: 500 points; Deficit: 490 points.
Paris
Djokovic ไม่ได้เป็นเป้านิ่งที่จะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ สถิติในผลงานของเขาคือ ชนะ 33 ครั้ง แพ้เพียง 5 ครั้ง
นับตั้งแต่ตอนเริ่มแข่ง the French Open พร้อมกับการคาดหมายว่าฟอร์มของเขาจะแข็งแกร่งแบบนี้ไปตลอดจนถึงสิ้นปี
มันจึงเป็นการคาดคะเนที่ไม่สมเหตุสมผลเลยว่า Federer จะสามารถเอาชนะเหนือ Djokovic ในทุก tournament ที่ลงแข่ง
จริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ Roger เลย ทั้งหมดมันขึ้นอยู่ที่ Novak ต่างหาก
ที่จริง Djokovic มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จอันสวยงามในรายการที่ปารีส เขาได้แชมป์ปี 2009 และ 2013
แต่ก็เคยตกรอบ 16 คน รอบก่อนรองฯ รอบ32 มาแล้ว (ไม่เห็นด้วยอย่างแรง โนเล่คว้าแชมป์มาถึง 2 ครั้งนะคะ)
Federer เองก็ไม่ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมที่นี่เช่นกัน เขาได้แชมป์เมื่อปี 2011
และผ่านเข้ารอบรองฯ 2 ครั้งในปี 2010 และ 2013 แต่เขามักจะตกรอบต้นๆ เสมอในช่วงที่เขารุ่งสุดๆ
ถ้าให้ Djokovic มีชัยเหนือกว่าที่ปารีสทั้งๆ ที่มือ 1 และมือ 2 ของโลกยังไม่ได้ลงมือแข่งขัน
Djokovic: 360 points (SF)
Federer: 180 points (QF); Net gain: -180 points; Deficit: 670 points
ATP World Tour Finals
ถ้า Federer จะกระชากมือ 1 จากมือของ Djokovic คงเป็นผลงานที่เขาจะต้องสร้าง ณ กรุงลอนดอน
รำลึกถึงผลงานก่อนหน้า ชัยชนะของ Federer ที่นี่ไม่ใช่อะไรที่ยากลำบาก
แต่ถ้าพิจารณาถึงคะแนนที่ Djokovic เก็บเกี่ยวได้(ในอันดับ 1)แล้ว เกือบจะแน่นอนแล้วว่า
พวกเขาทั้งคู่จะอยู่ต่างสายในรอบพบกันหมด(round-robin)
และถ้าทั้งคู่ผ่านรอบ knockout ได้จนเข้าไปเจอกันในรอบชิงซึ่งมีอันดับ 1 ของโลกตอนสิ้นปีรออยู่
และถ้าเกิดผลอันสร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คนเมื่อ...
เมื่อ Federer สามารถเอาชนะ Djokovic ในรอบชิงแล้ว เขาก็ยังคงไม่สามารถก้าวพ้น Djokovic ขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลกได้
Djokovic: 800 points (two round-robin wins, loss in final)
Federer: 1,300 points (two round-robin wins, tournament champion); Net gain: 500 points; Deficit: 170 points
ฮา อะเฮีย ดูท่า เฮียจะขอ กระโดดขึ้นมือ 1 เอาที่ผลรายการนี้ ชิมิคะ เฮีย
Davis Cup
นี่คือปัจจัยที่มีผลอย่างมาก เมื่อ Federer ยังคงอยู่ในเกมเพื่อเข้ารอบชิง the Davis Cup
ส่วน Djokovic นั้น ตกรอบไปแล้ว คะแนนโบนัสที่จะได้อาจสร้างความแตกต่างในช่วงแคบๆ
เพียงเล็กน้อยคือ Federer สามารถเก็บ 75 คะแนนประเภทชายเดี่ยวสำหรับแต่ละชัยชนะ
เหนือทีมฝรั่งเศส มันมี 150 คะแนนสำหรับการแข่ง 2 นัด ส่วนประเภทชายคู่
ถ้าทีมสวิสชนะ จะมีแต้มโบนัส 75 ให้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าทีมสวิสได้ถ้วย Davis Cup เป็นครั้งแรก
จากการชัยชนะของ Federer 2 นัดในรอบชายเดี่ยวแล้วล่ะก็
คะแนนถึงจะเพียงพอสำหรับให้ Roger กลับขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกได้
Federer: 225 points (two wins and Davis Cup title); Net gain: 225 points; Finishes No. 1 by 55 points.
มันเป็นการค้นหาคำตอบที่ดูกันอีกยาวไกล แต่มันจะสั้นลงทันทีถ้า Djokovic ได้แชมป์
หรือเข้ารอบชิงทั้งสองรายการที่เหลือของเขา เขาจะจบปีนี้ด้วยการเป็นมือ 1 ของโลก
ถ้า Federer คว้าแชมป์ 1 ใน 3 รายการที่เหลือของเขา บวกกับแต้มจาก Davis Cup
และถ้าเขายังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งแบบนี้
มันก็จะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับเขาที่จะกลับขึ้นสู่มือ 1 ของโลกอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ เย้