สมัยที่ผมอยู่แถวนนทบุรี มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ชีวิตลำบากมาก ช่วงนั้นตกงาน อายุเกิน 30 แล้ว ต้องกินมาม่าอยู่เป็นประจำ กินแบบไม่ค่อยอิ่มทอง บางวันก็กินแค่ 2 มื้อ เงินจ่ายค่าห้องก็เกือบไม่มีจ่าย ลำบากและเครียดมากเพราะเงินไม่ค่อยมี และเป็นโรคกระเพาะ อาจเป็นมะเร็งระยะ 1 หรือ 2 กินอะไรก็จะปวดหรือแสบท้อง เลยตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ปฏิบัติธรรมแบบเอาชีวิตเข้าแลก ก่อนหน้าสมัยที่เคยทำงานให้กับบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมมีชื่อของประเทศ ก็เคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ช่วงหลังก็ห่างออก เมื่อตกงานและสุขภาพย่ำแย่ก็เลยไปปฏิบัติธรรมอีก ไปปฏิบัติธรรมแบบ 7-9 วัน อยู่ประมาณ 3 ครั้ง พบเจอกัลยาณมิตรและอื่นๆ ที่เหมือนบททดสอบอารมณ์
หลังจากนั้นก็กลับมาปฏิบัติธรรมที่ห้องพัก มีทั้งเดินจงกรม 1 ชั่วโมง นั่งกรรมฐาน 1 ชั่วโมง ขยับเป็นเดินจงกรม 2 ชั่วโมง และนั่งกรรมฐาน 2 ชั่วโมง และขยับเป็น 3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ของการนั่งสมาธิมักจะปวดเวทนา แต่บางครั้งก็มีอาการร้อนเหมือนเทียนล้น และร้อนมาก
การไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จำนวนหลายครั้ง ได้ใช้ความตั้งใจมาก และมาปฏิบัติธรรมที่ห้องพักอีกมากมาย อานิสงส์จากบุญกรรมฐาน ทำให้โรคกระเพาะหรือโรคมะเร็งระยะ 1-2 หายเกือบ 100 % ณ.ปัจจุบันสามารถทานพริกหรือน้ำอัดลมได้
แต่เพราะคนเราเกิดมาแล้วมากมายหลายชาติภพ ผลกรรมบางอย่างส่งผลให้สุขภาพร่างกายในปัจจุบันไม่ค่อยแข็งแรง ก็เลยกลับบ้านเกิด อาการก็ทรงตัว แต่ที่ดีกว่าสมัยอยู่หอพักคือ มีกิน มีใช้ เวลาที่ได้ตักอาหารเข้าปาก ก็จะระลึกถึงช่วงที่เคยลำบาก ที่ต้องกินมาม่าประจำ ผ่านชีวิตลำบากมากมาก่อน เคยผ่านช่วงที่เคยคิดจะฆ่าตัวเอง ก็เลยมาหวนคิดว่าตอนนี้พอมีกิน มีใช้ ก็อยากสร้างความดี อาศัยโฟสนี้ในการช่วยเหลือคน เพราะผมตระหนักระลึกเสมอว่า ยามคนเราละสังขาร เงินบาทหนึ่งก็เอาไปไม่ได้, การมีอายุมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญว่าตอนมีชีวิตอยู่ได้สร้างความดีไว้มากแค่ไหน การได้เกิดมาก็เป็นบุญโข การได้ช่วยเหลือคนก็เป็นมหาบุญ
ผมพอจะช่วยเหลือเป็นค่าอาหารหรืออื่นๆ ช่วยได้คนละ 300 บาท การช่วยนี้นั้น ให้แล้วให้เลย ไม่ต้องคืนครับ ยกเว้นที่ขอยืม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม :
http://metharung.blogspot.com/2014/01/blog-post_9.html
ถ้าท่านใดมีความลำบากในชีวิต ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ก็ติดต่อมาหาผมได้
หลังจากนั้นก็กลับมาปฏิบัติธรรมที่ห้องพัก มีทั้งเดินจงกรม 1 ชั่วโมง นั่งกรรมฐาน 1 ชั่วโมง ขยับเป็นเดินจงกรม 2 ชั่วโมง และนั่งกรรมฐาน 2 ชั่วโมง และขยับเป็น 3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ของการนั่งสมาธิมักจะปวดเวทนา แต่บางครั้งก็มีอาการร้อนเหมือนเทียนล้น และร้อนมาก
การไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จำนวนหลายครั้ง ได้ใช้ความตั้งใจมาก และมาปฏิบัติธรรมที่ห้องพักอีกมากมาย อานิสงส์จากบุญกรรมฐาน ทำให้โรคกระเพาะหรือโรคมะเร็งระยะ 1-2 หายเกือบ 100 % ณ.ปัจจุบันสามารถทานพริกหรือน้ำอัดลมได้
แต่เพราะคนเราเกิดมาแล้วมากมายหลายชาติภพ ผลกรรมบางอย่างส่งผลให้สุขภาพร่างกายในปัจจุบันไม่ค่อยแข็งแรง ก็เลยกลับบ้านเกิด อาการก็ทรงตัว แต่ที่ดีกว่าสมัยอยู่หอพักคือ มีกิน มีใช้ เวลาที่ได้ตักอาหารเข้าปาก ก็จะระลึกถึงช่วงที่เคยลำบาก ที่ต้องกินมาม่าประจำ ผ่านชีวิตลำบากมากมาก่อน เคยผ่านช่วงที่เคยคิดจะฆ่าตัวเอง ก็เลยมาหวนคิดว่าตอนนี้พอมีกิน มีใช้ ก็อยากสร้างความดี อาศัยโฟสนี้ในการช่วยเหลือคน เพราะผมตระหนักระลึกเสมอว่า ยามคนเราละสังขาร เงินบาทหนึ่งก็เอาไปไม่ได้, การมีอายุมากหรือน้อยไม่สำคัญ สำคัญว่าตอนมีชีวิตอยู่ได้สร้างความดีไว้มากแค่ไหน การได้เกิดมาก็เป็นบุญโข การได้ช่วยเหลือคนก็เป็นมหาบุญ
ผมพอจะช่วยเหลือเป็นค่าอาหารหรืออื่นๆ ช่วยได้คนละ 300 บาท การช่วยนี้นั้น ให้แล้วให้เลย ไม่ต้องคืนครับ ยกเว้นที่ขอยืม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : http://metharung.blogspot.com/2014/01/blog-post_9.html