เกาะกระแสออสการ์: เข้าชิง 10 เรื่องไม่ขลังเท่า 5 เรื่อง แล้วอย่างนี้ 'ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม' ปีไหนสูสีกันบ้าง?

ออสการ์ 'ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม' ปีไหนสูสีกันบ้าง?


พอนึกถึง 'best picture' แล้วอยากจะบ่นสักหน่อยว่าเดี๋ยวนี้ 'ความขลัง' มันหายไปเยอะเลย จากปี 1944 เป็นต้นมา รางวัล 'best picture' ก็ถูกจำกัดให้มีชื่อผู้เข้าชิงเหลือเพียงแค่ 5 เรื่อง ซึ่งมันดูขลังกว่ากันเยอะมาก คือต้องคัดเน้น ๆ มาแล้ว

พอมาปี 2009 จาก 'The Dark Knight Effect' ทำให้ 'best picture' กลับไปเป็นเสนอชื่อได้ตั้งแต่ 5-10 เรื่อง ทำให้รู้สึกว่ารางวัลนี้กลายเป็นใส่ชื่อหนังเป็นนอมินีรางวัลเพื่อ 'การตลาด' เสียมากกว่า ตัวเต็งก็มีอยู่ 2-3 เรื่อง นอกนั้นอีก 6-7 เรื่องก็เป็นได้แค่ไม้ประดับประจำปี (ปี The Dark Knight ผมว่าถอด The Reader หรือ Benjamin Button ออกไปยังได้เลย แต่อย่างว่าตอนนั้น TDK ติดภาพความเป็นหนัง superhero ทั้งที่จริงมันเป็นหนังอาชญากรรมชัด ๆ)

วันนี้ขอพาย้อนไปดูปีที่ 'best picture' แข่งกันเข้มข้นในสายตาผมดีกว่า ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ครับ
ในสปอยล์คือรายชื่อ 'best picture' ที่ผมเคยดูทั้งหมด 55 เรื่องจาก 85 เรื่องครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปี 2006 - ผู้เข้าชิงได้แก่ The Departed, Babel, Letters from Iwo Jima, Little Miss Sunshine และ The Queen

เป็นปีที่ผมมองว่า ใครได้ก็ไม่น่าเกลียดสักเรื่อง The Departed ก็หนังอาชญากรรมชั้นดี remake ได้แจ่มมาก, Letters from Iwo Jima หนังสงครามที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของยุค 2000, Little Miss Sunshine เองก็มีดีพอจะเซอไพรส์ประกาศก้องว่าหนังอินดี้ฟอร์มเล็กก็คว้ารางวัลใหญ่ได้ รวมถึง The Queen ก็มีคุณค่าในตัวเองสูงมาก ส่วน Babel นี่ผมจัดเป็นไม้ประดับเกรดเอครับ ฮ่าๆๆๆ



ปี 2005 - ผู้เข้าชิงได้แก่ Crash, Brokeback Mountain, Capote, Good Night, and Good Luck และ Munich

ปีนี้ผมไม่ได้ดูแค่ Good Night, and Good Luck แต่เท่าที่ดูจากกระแสทั้งเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และความเป็นหนัง สื่อ+การเมือง มันก็ดูจะเป็นขวัญใจออสการ์อยู่แล้ว, Crash เป็นหนังเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมในสังคมที่ยอดเยี่ยมมาก เป็นหนังที่สะท้อนอคติอันเกิดจากการเหยียดผิว ลองเปลี่ยนจากคนผิวดำ/ผิวขาว เป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างคนเมือง/แรงงานต่างด้าวในกรุงเทพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่ต่างกัน, Brokeback Mountain ความกล้าที่จะทำหนังรักต้องซ่อนโดยใช้เรื่องราวของรักร่วมเพศมานำเสนอ เยี่ยมจริง ๆ, Capote ไม่ได้มีดีแค่การแสดงของฮอฟฟ์แมน บทหนังการสะท้อนจิตใจของฆาตกรและตัวทรูแมน คาโปเต้ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน และสุดท้าย Munich หนังสายลับก่อการร้าย/สงครามใต้ดินสุดเข้มข้นจากสปีลเบิร์กเรื่องนี้ก็มีดีพอจะเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี สูสีกันทั้ง 4 เรื่องที่ผมได้ชมครับ



ปี 1994 - ผู้เข้าชิงได้แก่ Forrest Gump, Four Weddings and a Funeral, Pulp Fiction, Quiz Show และ The Shawshank Redemption

เปิดก่อนเลยว่าปีนี้สูสีกัน 4 เรื่อง ผมมองว่า Four Weddings and a Funeral นี่โคตรไม้ประดับเลยครับ ไม่ได้สูสีกับอีก 4 เรื่องเลย ฮ่าๆๆ (แอบเชียร์ Ed Wood ให้มีชื่อเข้าชิงมากกว่าด้วย), Forrest Gump ยอดเยี่ยมไม่ต้องบรรยายอะไรมาก แถมเป็นหนังร้อยเรียงประวัติศาสตร์อเมริกาอีก, Pulp Fiction ได้ความเก๋ของการเล่าเรื่อง, Quiz Show นี่ก็จัดว่าเป็นหนังคลาสสิกในการสะท้อนภาพรายการเกมโชว์ที่ผมเชื่อว่าปัจจุบันก็ไม่ต่างจากในหนังหรอก และ The Shawshank Redemption ที่กลายเป็นหนังอันดับ 1 ของ IMDb เป็นปีที่สูสีอีกปีครับ



ปี 1993 - ผู้เข้าชิงได้แก่ Schindler's List, The Fugitive, In the Name of the Father, The Piano และ The Remains of the Day

ปีนี้ผมไม่ได้ดู The Piano เรื่องเดียว ดองไว้นานมากยังไม่มีโอกาสได้ดูสักที หนังฟอร์มเล็กขวัญใจนักวิจารณ์, Schindler's List นี่ถ้าจัด 'best picture' ตลอดกาล ผมว่ามันสามารถติด 1 ใน 10 ได้สบาย ๆ, The Fugitive หนังทริลเลอร์ชิงไหวชิงพริบไล่ล่ามัน ๆ แบบนี้ ผ่านไปหลาย 10 ปียังหาสูสีแทบไม่มี, In the Name of the Father หนังดราม่าพ่อ-ลูกที่มีการเมืองเป็นพื้นหลัง แถมสร้างจากเรื่องจริงนี่ก็ดูจะเป็นของโปรดออสการ์นะ และสุดท้าย The Remains of the Day หนังรักสุดละเมียดละไม ถ้าไปอยู่ปีอื่นอาจจะได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ อิอิอวย



ปี 1976 - ผู้เข้าชิงได้แก่ Rocky, All the President's Men, Bound for Glory, Network และ Taxi Driver

ไม่ได้ดู Bound for Glory เรื่องเดียวครับ แต่อยากพูดถึงปีนี้ว่า Rocky เป็นหนังที่ธรรมดามากกกก ในสายตาผมไม่ได้ใกล้เคียงจะเป็น 'best picture' เลย ยิ่งเมื่อเทียบกับหนังที่มีอะไรนำเสนอมากกว่าอีก 3 เรื่อง, All the President's Men โคตรหนังสืบสวนการเมืองคดีวอเตอร์เกท แถมยังนำเสนอจรรยาบรรณนักข่าวเกาะติดคดีไม่ยอมปล่อย หนังดีมาก, Network หนังเบื้องหลังสื่อที่ทำทุกอย่างเพื่อเรทติ้ง แถมยังเสียดสีการเมืองสังคมอเมริกายุคนั้นอย่างดี ทีมนักแสดงระดับเทพอีก สุดท้าย Taxi Driver หนังผลกระทบของอดีตทหารสงครามเวียดนาม กลายเป็นหนังอาชญากรรมผสมความรู้สึกโดดเดี่ยวได้เป็นอย่างดี หรือว่าที่ All the President's Men, Network และ Taxi Driver 3 เรื่องนี้ชวด 'best picture' เพราะเป็นปีแรกหลังสงครามเวียดนาม แถมดันไปจิกกัด+นำเสนอด้านเลวร้ายของรัฐบาลยุคนั้นทั้ง 3 เรื่องเลย อิอิ



ปี 1974 - ผู้เข้าชิงได้แก่ The Godfather Part II, Chinatown, The Conversation, Lenny, The Towering Inferno

ไม่ได้ดู Lenny เรื่องเดียว ขอข้ามพูดถึงหนังเรื่องนี้, ปี 1974 ถึงหลายคนจะบอกว่า The Godfather Part II เป็นเต้ยนอนมา แต่ผมเห็นว่าอีก 3 เรื่องนี่ก็เทพไม่แพ้กันเลย เริ่มจาก Chinatown นี่ผมยกให้เป็นโคตรฟิล์มนัวร์สืบสวนคลาสสิกตลอดกาลเลยครับ เป็นหนังสืบสวนที่ความลับเยอะ ถ่ายทอดออกมาได้ดีทุกแง่มุม ได้บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม กับอีก 10 นอมินีการันตีคุณภาพ!!, The Conversation เจ้าของเดียวกับ The Godfather เรื่องนี้เป็นหนังแนวสำรวจจิตใจตัวละคร นักดักฟังข้อมูลดันหวาดระแวงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี หนังเล่นกับความสำนึกรับผิดชอบของตัวละครได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายหนังตลาดบันเทิงเต็มสูบอย่าง The Towering Inferno เองก็มีดีพอจะเป็น 'best picture' ในสายตาผม หนังกู้ภัยไฟไหม้ตึกที่ขยันสร้างสถานการณ์ให้คนดูได้ลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่อง ทำออกมาได้โคตรตื่นเต้นและสมจริง แถมได้นักแสดงระดับพอล นิวแมนประกับสตีฟ แมคควีนอีก เป็นอีกหนึ่งงานที่พิสูจน์ว่าหนังยอดเยี่ยมไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับบทยอดเยี่ยมถ้าหากคุณทำหน้าที่นำเสนอสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ



แถมให้อีกปีคือ ปี 1957 - ผู้เข้าชิงได้แก่ The Bridge on the River Kwai, 12 Angry Men, Peyton Place, Sayonara และ Witness for the Prosecution

ยังไม่ได้ดู Peyton Place กับ Sayonara แต่อยากพูดถึงปี 1957 ว่าเป็นอีกปีที่หิ้งชนหิ้งเลยครับ แถมปีนั้นยังมีหนังสงครามขึ้นหิ้งอย่าง Paths of Glory ที่ไม่ได้เข้าชิงออสการ์อีก, 12 Angry Men บทหนังขั้นเทพว่าด้วยลูกขุนถกเถียงถึงพยานหลักฐานในคดีฆาตกรรม เด็ดดวงด้วยการนำเสนอเรื่องราวให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั้นด้วย!! บทหนังเทพมากเรื่องนี้ แถมถ่ายทำห้องเดียวตลอดทั้งเรื่อง ขายไอเดีย ขายพล็อต ขายบทหนัง อมตะมากเรื่องนี้, The Bridge on the River Kwai อีกหนึ่งหนังมหากาพย์ที่ดูเอาบันเทิงก็ได้ หรือจะดูเจาะลึกการกระทำของตัวละครก็ย่อมได้ และ Witness for the Prosecution อีกหนึ่งหนังว่าความในศาลขั้นเทพอีกเรื่อง ใครชอบหนังแนวสืบพยาน โต้แย้งกันในศาลห้ามพลาดเลยครับ เรื่องนี้หิ้งชั้นสูงเลย แล้วลองคิดสภาพว่าถ้าปีนั้น 4 เรื่องบนเวทีออสการ์มี The Bridge on the River Kwai, 12 Angry Men, Witness for the Prosecution และ Paths of Glory มันจะโคตรเข้มข้นขนาดไหน แถมทั้ง 4 เรื่องผ่านการพิสูจน์ด้วยกาลเวลากลายเป็นหนังคลาสสิกตลอดกาลทั้งหมด แล้วมีอีกเรื่องของ 'อีเลีย คาซาน' คือ A Face in the Crowd ซึ่งก็มีคนยกย่องกันเยอะทีเดียว เป็นปีหิ้งชนหิ้งในสายตาผมเลยครับ



แล้วคุณมีออสการ์ 'best picture' ปีไหนในดวงใจกันบ้างครับ

หนังโปรดของข้าพเจ้า: https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่