ผู้บริหารที่ทำงานในโรงงานมักได้โจทย์จากเจ้าของบริษัทหรือที่ปรึกษาทั้งหลายว่าเพื่อให้บริษัทอยู่รอด เพื่อให้บริษัทมี
กำไรมากขึ้น หนทางหนึ่งคือลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้บริษัทมีกำไรเป็นโบนัสปลายปี แต่เมื่อลดต้นทุนไปแล้วก็ยังมีคำตอบว่า ไม่
กำไรเพิ่มขึ้นจริงเลย สู้ไปทำให้ราคาขายสูงขึ้นไม่ดีกว่าหรือ
มันยังคงเป็นความจริงในหลักที่ว่า เราต้องทำให้สินค้าของเรามีต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด แต่ไม่ใช่ต่ำที่สุดกับคุณภาพนั้นๆ
ซึ่งเราสามารถลดต้นทุนได้หลายทางเช่น หาวัตถุดิบอื่นทดแทน เปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิต ปรับปรุงเครื่องจักร ลดแรงงานบาง
ส่วนลง รวมทั้งการลดคุณภาพพัสดุบรรจุ หรือวิธีการอื่นๆตามแต่ที่จะคิดได้โดยมีข้อแม้ต่อท้ายว่าคุณภาพว่าคุณภาพต้องเท่าเดิม
แต่ในความเป็นจริงการลดต้นทุนที่ผ่านมามักทำให้คุณภาพด้อยลงไปด้วยอย่างที่นึกไม่ถึง เพราะคำสั่งให้ลดต้นทุนเป้น
เป้าหมายหลัก ส่วนคุณภาพเป็นเรื่องรองลงมา ยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเป็นตัวอื่นแทนที่มีราคาถูกแต่ก็จะอ้าง
ว่าคุณภาพเท่าเดิม ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีผลกระทบอะไรที่ซ่อนเร้นบ้าง เช่นมีสารปนเปือ้นมากกว่า
วัตถุดิบตัวเดิม วัตถุดิบหมดอายุเร้วขึ้น อันล้วนแล้วแต่ทำให้คุณภาพสินค้าแย่ลง เพียงแต่ยังมาปรากฎให้เห็นทันทีเท่านั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ต้องคิดเรื่องลดต้นทุนหรือความเป็นจริงคือการลดต้นทุนอย่างเหมาะสมยังเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องแต่
ให้มองมุมกลับว่า ให้คุณภาพเป็นเป้าหมายหลักแล้วการลดต้นทุนเป็นเป้าหมายรอง ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพนั้นต้องสูงมากแพง
มากืแต่เป็นระดับที่พอใจแล้วให้หาหรทางลดต้นทุนตามแนวทางเดิมไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัตถุดิบ เปลี่ยนกระบวนการผลิตหรืออื่นๆ
ตัวอย่างการลดต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่ถูกต้องเช่น การใส่แป้งแทนวัตถุดิบหลักในสินค้าโดยให้ลดลงเรื่อยๆจนกว่าผู้บริโภคจะรับรู้ได้ สุด
ท้ายกลายเป็นว่าสินค้านั้นขายไม่ได้และคุณภาพลดต่ำลงเรื่อยๆ
ข้อสรุปก็คือว่า ตั้งธงเรื่องคุณภาพเป็นเป้าหมายหลักว่าต้องการอย่างไร แล้วต้นทุนค่อยตามมาคิดแบบนี้แล้วสินค้าก็ยังคง
ขายได้กำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาต่อยอดสินค้าว่ายังมีคุณภาพที่ดีกว่านี้ได้อีก กลุ่มลูกค้าก็อาจปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มที่กล้า
จ่ายมากขึ้น ดีกว่าคิดลดต้นทุนก่อนกำไร แต่สุดท้ายก็คือขาดทุนขายไม่ได้
ลดต้นทุนอย่างไรไม่กระทบคุณภาพ
กำไรมากขึ้น หนทางหนึ่งคือลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้บริษัทมีกำไรเป็นโบนัสปลายปี แต่เมื่อลดต้นทุนไปแล้วก็ยังมีคำตอบว่า ไม่
กำไรเพิ่มขึ้นจริงเลย สู้ไปทำให้ราคาขายสูงขึ้นไม่ดีกว่าหรือ
มันยังคงเป็นความจริงในหลักที่ว่า เราต้องทำให้สินค้าของเรามีต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด แต่ไม่ใช่ต่ำที่สุดกับคุณภาพนั้นๆ
ซึ่งเราสามารถลดต้นทุนได้หลายทางเช่น หาวัตถุดิบอื่นทดแทน เปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิต ปรับปรุงเครื่องจักร ลดแรงงานบาง
ส่วนลง รวมทั้งการลดคุณภาพพัสดุบรรจุ หรือวิธีการอื่นๆตามแต่ที่จะคิดได้โดยมีข้อแม้ต่อท้ายว่าคุณภาพว่าคุณภาพต้องเท่าเดิม
แต่ในความเป็นจริงการลดต้นทุนที่ผ่านมามักทำให้คุณภาพด้อยลงไปด้วยอย่างที่นึกไม่ถึง เพราะคำสั่งให้ลดต้นทุนเป้น
เป้าหมายหลัก ส่วนคุณภาพเป็นเรื่องรองลงมา ยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเป็นตัวอื่นแทนที่มีราคาถูกแต่ก็จะอ้าง
ว่าคุณภาพเท่าเดิม ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีผลกระทบอะไรที่ซ่อนเร้นบ้าง เช่นมีสารปนเปือ้นมากกว่า
วัตถุดิบตัวเดิม วัตถุดิบหมดอายุเร้วขึ้น อันล้วนแล้วแต่ทำให้คุณภาพสินค้าแย่ลง เพียงแต่ยังมาปรากฎให้เห็นทันทีเท่านั้น
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ต้องคิดเรื่องลดต้นทุนหรือความเป็นจริงคือการลดต้นทุนอย่างเหมาะสมยังเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องแต่
ให้มองมุมกลับว่า ให้คุณภาพเป็นเป้าหมายหลักแล้วการลดต้นทุนเป็นเป้าหมายรอง ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพนั้นต้องสูงมากแพง
มากืแต่เป็นระดับที่พอใจแล้วให้หาหรทางลดต้นทุนตามแนวทางเดิมไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัตถุดิบ เปลี่ยนกระบวนการผลิตหรืออื่นๆ
ตัวอย่างการลดต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่ถูกต้องเช่น การใส่แป้งแทนวัตถุดิบหลักในสินค้าโดยให้ลดลงเรื่อยๆจนกว่าผู้บริโภคจะรับรู้ได้ สุด
ท้ายกลายเป็นว่าสินค้านั้นขายไม่ได้และคุณภาพลดต่ำลงเรื่อยๆ
ข้อสรุปก็คือว่า ตั้งธงเรื่องคุณภาพเป็นเป้าหมายหลักว่าต้องการอย่างไร แล้วต้นทุนค่อยตามมาคิดแบบนี้แล้วสินค้าก็ยังคง
ขายได้กำไรเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาต่อยอดสินค้าว่ายังมีคุณภาพที่ดีกว่านี้ได้อีก กลุ่มลูกค้าก็อาจปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มที่กล้า
จ่ายมากขึ้น ดีกว่าคิดลดต้นทุนก่อนกำไร แต่สุดท้ายก็คือขาดทุนขายไม่ได้