สวัสดีครับ วันนี้อยากจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับการขายของของผมในสมัยมัธยม เมื่อปีที่แล้วผมกำลังศึกษาอยู่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในภาคกลาง โดยในโรงเรียนมีน้องๆค่อนข้างรู้จักผมอยู่พอสมควร เพราะมีตำแหน่งในสภานักเรียนครับ ต้องบอกก่อนว่าในอดีตเคยมีของที่ผมทำขายซึ่งก็คือ ริสแบนด์ แต่เป็นฉลองครบรอบ 100 ปีของโรงเรียน ตอนนั้นเท่าที่จำได้ผมอยู่ ม.1 คนใส่กันเยอะพอสมควรครับ จนเมื่อผมอยู่ ม.6 ผมรู้สึกว่ามันหายไปหมดแแล้วก็เลยอยากให้ในข้อมือของคนในโรงเรียนมันมีสัญลักษณ์เพื่อแสดงออกอีกครั้งครับ ผมจึงเริ่มคิดที่จะทำ “ริสแบนด์” ขึ้นมาใหม่ซึ่งมันต้องสวยกว่าเดิม และทุกคนชอบ และนั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ..
สิ่งแรกที่แม่ถาม
ไม่มีทุนแล้วจะขายได้หรอ ? นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ ผมตอบแม่ วิธีขายของผมก็คือ PRE ORDER นั่นแหละครับ ขายแบบนี้ยังไงก็ไม่ต้องใช้ทุน ไม่ต้องเลยแม้แต่บาทเดียว ตอนแรกที่ผมคิดก็คือ ทำแค่ 500 คู่ก็หรูแล้วครับ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นครับ หลังจากบอกแม่ ผมทิ้งเรื่องนี้ไว้ 6 เดือนครับ เป็นยังไงอ่านต่อข้างล่าง
โครงสร้างธุรกิจ
ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหน เลยขอใช้คำนี้แทนนะครับ ตอนที่ผมเริ่มคิดนั้นจะอยู่ในช่วงภาคเรียนที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังเตรียมตัวสอบโควต้ามหาวิทยาลัยในภาคเหนือแห่งหนึ่งครับ ซึ่งในระหว่างนั้น ผมได้คิดแบบไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ
1. เลือกร้านที่เชื่อถือได้ มีโปรไฟล์ดี คุยง่าย เข้าใจเด็กครับ ซึ่งกว่าผมจะหาได้(หาจากกูเกิ้ลนี่แหละครับ) ผมโทรหาหลายเจ้าเลยครับ จนสุดท้ายก็ไปเจอพี่คนหนึ่งครับ คุยง่าย ก็เลยคุยกับพี่เค้า และตกลงกันครับ
2. การออกแบบ การออกแบบต้องไม่ซ้ำกับของเดิม และมีจุดเด่นครับ ซึ่งผมก็คิดไว้แล้วว่าจะทำเป็นตัวนูน และมีสัญลักษณ์ของโรงเรียนอยู่ในนั้นด้วย และที่สำคัญ คุณภาพต้องดีครับ ผมจึงเลือกยางเกรดดีที่สุดมาทำครับ
3. ราคา ปกติส่วนมากผมจะเห็นขายกันเส้นละ 100 แต่ของผม คู่ละ 100 ย้ำนะครับว่า คู่ละ 100 (ถามว่าทำไมขายถูก ก็ต้องย้อยกลับไปถามจุดประสงค์ของผมก็คือ อยากให้เป็นสัญลักษณ์ของเด็กในโรงเรียนครับ กำไรคือผลพลอยได้มากกว่า) ผมมองว่า 100 บาท เวลาจ่าย แบงค์ 100 แค่ 1 ใบ จ่ายง่าย ขายง่าย ไม่ต้องทอน และง่ายเวลารวบรวมเงินครับ
4. ขายให้ใคร ทุกธุรกิจต้องรู้ครับว่าทำเพื่อขายใคร โรงเรียนผมมีเด็กประมาณ 4400 คน ขายได้ 500 ผมพอใจแล้วครับ กำไรไม่มาก ขอแค่มีคนสนใจในงายของเราก็พอครับ ผมได้เรียนรู้จากคนอื่นครับว่า อยากขายของ คืออยากขาย แต่ไม่มีคนอยากซื้อ นั่นคือเจ๊งตั้งแต่ยังไม่เริ่มครับ
5. การตลาด เคยได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับ 80/20 มั้ยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนทฤษฏีนี้ กลยุทธที่ผมนำมาปรับใช้ก็คือ แจกฟรี แต่ต้องช่วยผมโปรโมทนะครับ กลุ่มนี้อยู่ใน 20 ครับ ถ้าเราโปรโมทดี อีก 80 มาแน่นอนครับ เหมือนกับยอมเสียส่วนน้อย เพื่อส่วนมากจะได้ตามมาครับ
6. การประชาสัมพันธ์ แน่นอนครับ FACEBOOK TWITTER IG มาหมดครับ อีกอย่างผมมีเพื่อนช่วยแชร์ช่วยไลค์ครับ ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยได้ครับ
ในโรงเรียนมีหลายห้อง
ใช่ครับ ในโรงเรียนมีหลายห้อง มีหลายชั้น เวลามารุ่นน้องมาสั่งริสแบนด์ส่วนมากจะอยู่ห้องเดียวกันครับ แต่การมาสั่งดันสั่งแบบทีละคน แน่นอนว่ามันทำให้การจดออเดอร์มันยุ่งยากครับ ผมเลยต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธการขายคือ ให้กลับไปถามเพื่อนในห้องว่า มีใครจะสั่งมั้ย จะได้รวมกันมาเลยทีเดียว และมันก็ได้ผลครับ จากการใช้กลยุทธแบบนี้ จากทีมีคนสั่งทีละคนสองคน กลายเป็นสั่งทีละห้อง ทีละกลุ่ม กลุ่มนึงไม่ต่ำกว่า 20 คนครับ บางทีสั่งกันเกือบทั้งห้อง หรืออาจจะสั่งแค่ 7 – 8 คนผมก็ขายครับ
คำเตือนของแม่
ตอนแรกที่ผมบอกเรื่องนี้กับเพื่อน มีคนมาขอหุ้นด้วยเพียบเลยครับ แต่ที่ผมทำคือมันไม่ต้องใช้เงินเลยไม่ต้องหุ้นอะไรกับใคร แต่จะใช้การพาไปเลี้ยง กินโน้นกินนี่มากกว่า ซึ่งผมโอเคกับวิธีหลังมากกว่าครับ ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ครับ ว่าถ้าหุ้นแล้วกลัวแม่ปัญหา ซึ่งแม่ผมก็เห็นด้วยกับผมครับ แม่บอกว่า เรื่องเงินอย่าทำหลายคนจะดีกว่า เพราะไม่งั้นถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว มีโอกาสเสียเพื่อนครับ ให้ใช้วิธีการเลี้ยงข้าวเลี้ยงพิซซ่าอะไรพวกนี้จะดูโอเคกว่า ซึ่งคำแนะนำของแม่ช่วยผมได้เยอะทีเดียวครับ
สิ่งที่ผมไม่เคยเห็นจากแม่
ผมเป็นลูกชายคนเดียวครับ แม่ก็รู้ว่าผมเป็นเด็กที่เน้นกิจกรรมอยู่บ้าง แต่การขายครั้งนี้แม่ผมไม่ค่อยสนับสนุนครับ แม่ผมกลัวโดนโกง 5555 แต่การทำของผมครั้งนี้ไม่ได้ขอเงินจากแม่เลยแม้แต่บาทเดียวครับ แม่เลยไม่ว่าอะไร (ถ้าขอก็คงไม่ให้ อิอิ) เข้าเรื่อง ก่อนจะสั่งของ ผมต้องรวบรวมเงินมาก่อน เพื่อนำไปจ่ายเป็นเงินมัดจำ 30% และอีก 70% หลังจากเห็นของแล้วครับ วันนั้นหลังจากที่ผมรวมเงินมาแล้วผมก็ต้องมานั่งเช็คเงินกับแม่ สิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของแม่ครับ คือปกติแม่ผมก็ยิ้มนะครับแต่ไม่ใช่แบบนี้ เหมือนแม่ไม่คิดว่าลูกคนนี้จะทำแบบนี้ได้ จะไม่ให้ยิ้มได้ไงครับ แบงค์ 100 ทั้งหมดรวมๆแล้วก็หลายหมื่นอยู่
สรุปผลงานทั้งหมด
ผมทำยอดขายได้เกินความคาดหมายไปมากครับ โดยทำทั้งหมดสองรอบ
รอบแรกประมาณ 1400 คู่
รอบสองประมาณ 800 คู่ (ความจริงผมจะไม่ทำ แต่มีน้องมาอ้อน แถมรับออร์เดอร์พร้อมเก็บเงินให้ผมแล้วด้วย ก็เลยยอมทำครับ)
รวม 2200 คู่โดยประมาณ
ไม่ขอบอกต้นทุนนะครับ ไปลองไปคำนวนกันดู อิอิ แต่บอกก่อนว่าถ้าจำนวนน้อย ทุนสูง ซึ่งตอนแรกผมเกือบเข้าเนื้อครับจากราคาที่คุยกันกับพี่ จนแล้วจนรอดได้กำไรครับ เงินที่ได้ อย่างแรกเลยผมนำไปช่วยเด็กกำพร้า ซื้ออาหารถวายพระที่อาพาธในโรงพยาบาล และที่เหลือคือทุนการศึกษาของผมครับ แต่มีเงินจำนวนหนึ่งที่ผมต้องแบ่งให้เพื่อนคนนึงที่คอยช่วยเหลือผมครับ เขาขอ 10,000 ตอนแรกผมก็ว่ามันมากเกินไปครับ แต่สุดท้ายผมก็โอเคครับ ผมถือว่าแฮปปี้กันทุกฝ่ายครับ
สุดท้ายผมอยากจะฝากถึงวัยรุ่นที่กำลังอยากหาเงินทุกครับ
ปิดเทอม 6 เดือน !! ที่จะถึงนี้ผมเชื่อว่าต้องมีอีกหลายคนที่คิดแบบผมคืออยากมีรายได้ช่วยพ่อแม่ ผมต้องบอกว่าการเริ่มทำธุรกิจไม่ว่าอะไรก็ตามต้องวางแผนให้ดี คิดให้รอบคอบ ทุกอย่างมันจะมีทั้งด้านดีและด้านร้ายครับ ถ้าอยากเอาชัวก็หางานรายได้วันละ 300 ก็เพียงพอครับ ถือว่าเป็นการฝึกประสบการณ์อยู่ ขอให้เพื่อนทุกคนสู้ๆครับ ต้องอดทดและหมั่นหาความรู้ แล้วความสำเร็จกำลังจะตามมาครับ
ถ้าใครอยากลองขายของแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลองมาพูดคุยกับผมได้ ยินดีให้คำปรึกษาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
FB : https://www.facebook.com/StockTrader.Club
Line : super.rak
[แชร์ประสบการณ์] วิธีการและแนวคิดหาเงิน 1 แสนกว่า ก่อนจบมัธยม
สิ่งแรกที่แม่ถาม
ไม่มีทุนแล้วจะขายได้หรอ ? นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ ผมตอบแม่ วิธีขายของผมก็คือ PRE ORDER นั่นแหละครับ ขายแบบนี้ยังไงก็ไม่ต้องใช้ทุน ไม่ต้องเลยแม้แต่บาทเดียว ตอนแรกที่ผมคิดก็คือ ทำแค่ 500 คู่ก็หรูแล้วครับ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นครับ หลังจากบอกแม่ ผมทิ้งเรื่องนี้ไว้ 6 เดือนครับ เป็นยังไงอ่านต่อข้างล่าง
โครงสร้างธุรกิจ
ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหน เลยขอใช้คำนี้แทนนะครับ ตอนที่ผมเริ่มคิดนั้นจะอยู่ในช่วงภาคเรียนที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังเตรียมตัวสอบโควต้ามหาวิทยาลัยในภาคเหนือแห่งหนึ่งครับ ซึ่งในระหว่างนั้น ผมได้คิดแบบไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ
1. เลือกร้านที่เชื่อถือได้ มีโปรไฟล์ดี คุยง่าย เข้าใจเด็กครับ ซึ่งกว่าผมจะหาได้(หาจากกูเกิ้ลนี่แหละครับ) ผมโทรหาหลายเจ้าเลยครับ จนสุดท้ายก็ไปเจอพี่คนหนึ่งครับ คุยง่าย ก็เลยคุยกับพี่เค้า และตกลงกันครับ
2. การออกแบบ การออกแบบต้องไม่ซ้ำกับของเดิม และมีจุดเด่นครับ ซึ่งผมก็คิดไว้แล้วว่าจะทำเป็นตัวนูน และมีสัญลักษณ์ของโรงเรียนอยู่ในนั้นด้วย และที่สำคัญ คุณภาพต้องดีครับ ผมจึงเลือกยางเกรดดีที่สุดมาทำครับ
3. ราคา ปกติส่วนมากผมจะเห็นขายกันเส้นละ 100 แต่ของผม คู่ละ 100 ย้ำนะครับว่า คู่ละ 100 (ถามว่าทำไมขายถูก ก็ต้องย้อยกลับไปถามจุดประสงค์ของผมก็คือ อยากให้เป็นสัญลักษณ์ของเด็กในโรงเรียนครับ กำไรคือผลพลอยได้มากกว่า) ผมมองว่า 100 บาท เวลาจ่าย แบงค์ 100 แค่ 1 ใบ จ่ายง่าย ขายง่าย ไม่ต้องทอน และง่ายเวลารวบรวมเงินครับ
4. ขายให้ใคร ทุกธุรกิจต้องรู้ครับว่าทำเพื่อขายใคร โรงเรียนผมมีเด็กประมาณ 4400 คน ขายได้ 500 ผมพอใจแล้วครับ กำไรไม่มาก ขอแค่มีคนสนใจในงายของเราก็พอครับ ผมได้เรียนรู้จากคนอื่นครับว่า อยากขายของ คืออยากขาย แต่ไม่มีคนอยากซื้อ นั่นคือเจ๊งตั้งแต่ยังไม่เริ่มครับ
5. การตลาด เคยได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับ 80/20 มั้ยครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนทฤษฏีนี้ กลยุทธที่ผมนำมาปรับใช้ก็คือ แจกฟรี แต่ต้องช่วยผมโปรโมทนะครับ กลุ่มนี้อยู่ใน 20 ครับ ถ้าเราโปรโมทดี อีก 80 มาแน่นอนครับ เหมือนกับยอมเสียส่วนน้อย เพื่อส่วนมากจะได้ตามมาครับ
6. การประชาสัมพันธ์ แน่นอนครับ FACEBOOK TWITTER IG มาหมดครับ อีกอย่างผมมีเพื่อนช่วยแชร์ช่วยไลค์ครับ ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยได้ครับ
ในโรงเรียนมีหลายห้อง
ใช่ครับ ในโรงเรียนมีหลายห้อง มีหลายชั้น เวลามารุ่นน้องมาสั่งริสแบนด์ส่วนมากจะอยู่ห้องเดียวกันครับ แต่การมาสั่งดันสั่งแบบทีละคน แน่นอนว่ามันทำให้การจดออเดอร์มันยุ่งยากครับ ผมเลยต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธการขายคือ ให้กลับไปถามเพื่อนในห้องว่า มีใครจะสั่งมั้ย จะได้รวมกันมาเลยทีเดียว และมันก็ได้ผลครับ จากการใช้กลยุทธแบบนี้ จากทีมีคนสั่งทีละคนสองคน กลายเป็นสั่งทีละห้อง ทีละกลุ่ม กลุ่มนึงไม่ต่ำกว่า 20 คนครับ บางทีสั่งกันเกือบทั้งห้อง หรืออาจจะสั่งแค่ 7 – 8 คนผมก็ขายครับ
คำเตือนของแม่
ตอนแรกที่ผมบอกเรื่องนี้กับเพื่อน มีคนมาขอหุ้นด้วยเพียบเลยครับ แต่ที่ผมทำคือมันไม่ต้องใช้เงินเลยไม่ต้องหุ้นอะไรกับใคร แต่จะใช้การพาไปเลี้ยง กินโน้นกินนี่มากกว่า ซึ่งผมโอเคกับวิธีหลังมากกว่าครับ ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ครับ ว่าถ้าหุ้นแล้วกลัวแม่ปัญหา ซึ่งแม่ผมก็เห็นด้วยกับผมครับ แม่บอกว่า เรื่องเงินอย่าทำหลายคนจะดีกว่า เพราะไม่งั้นถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว มีโอกาสเสียเพื่อนครับ ให้ใช้วิธีการเลี้ยงข้าวเลี้ยงพิซซ่าอะไรพวกนี้จะดูโอเคกว่า ซึ่งคำแนะนำของแม่ช่วยผมได้เยอะทีเดียวครับ
สิ่งที่ผมไม่เคยเห็นจากแม่
ผมเป็นลูกชายคนเดียวครับ แม่ก็รู้ว่าผมเป็นเด็กที่เน้นกิจกรรมอยู่บ้าง แต่การขายครั้งนี้แม่ผมไม่ค่อยสนับสนุนครับ แม่ผมกลัวโดนโกง 5555 แต่การทำของผมครั้งนี้ไม่ได้ขอเงินจากแม่เลยแม้แต่บาทเดียวครับ แม่เลยไม่ว่าอะไร (ถ้าขอก็คงไม่ให้ อิอิ) เข้าเรื่อง ก่อนจะสั่งของ ผมต้องรวบรวมเงินมาก่อน เพื่อนำไปจ่ายเป็นเงินมัดจำ 30% และอีก 70% หลังจากเห็นของแล้วครับ วันนั้นหลังจากที่ผมรวมเงินมาแล้วผมก็ต้องมานั่งเช็คเงินกับแม่ สิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของแม่ครับ คือปกติแม่ผมก็ยิ้มนะครับแต่ไม่ใช่แบบนี้ เหมือนแม่ไม่คิดว่าลูกคนนี้จะทำแบบนี้ได้ จะไม่ให้ยิ้มได้ไงครับ แบงค์ 100 ทั้งหมดรวมๆแล้วก็หลายหมื่นอยู่
สรุปผลงานทั้งหมด
ผมทำยอดขายได้เกินความคาดหมายไปมากครับ โดยทำทั้งหมดสองรอบ
รอบแรกประมาณ 1400 คู่
รอบสองประมาณ 800 คู่ (ความจริงผมจะไม่ทำ แต่มีน้องมาอ้อน แถมรับออร์เดอร์พร้อมเก็บเงินให้ผมแล้วด้วย ก็เลยยอมทำครับ)
รวม 2200 คู่โดยประมาณ
ไม่ขอบอกต้นทุนนะครับ ไปลองไปคำนวนกันดู อิอิ แต่บอกก่อนว่าถ้าจำนวนน้อย ทุนสูง ซึ่งตอนแรกผมเกือบเข้าเนื้อครับจากราคาที่คุยกันกับพี่ จนแล้วจนรอดได้กำไรครับ เงินที่ได้ อย่างแรกเลยผมนำไปช่วยเด็กกำพร้า ซื้ออาหารถวายพระที่อาพาธในโรงพยาบาล และที่เหลือคือทุนการศึกษาของผมครับ แต่มีเงินจำนวนหนึ่งที่ผมต้องแบ่งให้เพื่อนคนนึงที่คอยช่วยเหลือผมครับ เขาขอ 10,000 ตอนแรกผมก็ว่ามันมากเกินไปครับ แต่สุดท้ายผมก็โอเคครับ ผมถือว่าแฮปปี้กันทุกฝ่ายครับ
สุดท้ายผมอยากจะฝากถึงวัยรุ่นที่กำลังอยากหาเงินทุกครับ
ปิดเทอม 6 เดือน !! ที่จะถึงนี้ผมเชื่อว่าต้องมีอีกหลายคนที่คิดแบบผมคืออยากมีรายได้ช่วยพ่อแม่ ผมต้องบอกว่าการเริ่มทำธุรกิจไม่ว่าอะไรก็ตามต้องวางแผนให้ดี คิดให้รอบคอบ ทุกอย่างมันจะมีทั้งด้านดีและด้านร้ายครับ ถ้าอยากเอาชัวก็หางานรายได้วันละ 300 ก็เพียงพอครับ ถือว่าเป็นการฝึกประสบการณ์อยู่ ขอให้เพื่อนทุกคนสู้ๆครับ ต้องอดทดและหมั่นหาความรู้ แล้วความสำเร็จกำลังจะตามมาครับ
ถ้าใครอยากลองขายของแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลองมาพูดคุยกับผมได้ ยินดีให้คำปรึกษาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้