สตรีชาวเอธิโอเปียคนหนึ่ง อายุ 18 ปี ตั้งครรภ์ 3 เดือน ออกหาบ้านเช่าในในเมืองอุมดูร์มานของซูดาน ไปเจอผู้ชายชาวซูดานล่อลวงให้ไปดูบ้านเช่าร้าง และเธอก็โดนรุมโทรมข่มขืนโดยชาย 3 คน ขณะที่ข่มขืน ผู้ชายอีก 2 คน ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพการร่วมเพศเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นก็ตัดต่อและแพร่ภาพไปในสังคมออนไลน์ด้วยความคึกคะนอง

การร่วมเพศหมู่ในซูดานเป็นความผิด ตำรวจตามจับสตรีผู้นี้และถูกนำขึ้นศาลพร้อมกับกลุ่มผู้ชายที่รุมโทรมข่มขืนเธอ
ศาลตัดสินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจำเลยทั้ง 6 คนมีความผิด ผู้ชาย 3 คนที่ข่มขืน ศาลลงโทษให้เขี่ยน 100 ครั้ง ข้อหามีการกระทำผิดประเวณี ส่วนจำเลยอีก 2 คน ให้ลงโทษเขี่ยน 40 ครั้ง ข้อหาเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร

ส่วนจำเลยสตรีที่โดนล่อลวงไปรุมโทรมข่มขืน หากมีสามี ถือว่ามีชู้ โทษสูงสุด คือประหารชีวิตด้วยการปาหินจนตาย แต่จำเลยให้การกับศาลว่า ตนได้หย่าขาดกับสามีแล้ว ศาลจึงลงโทษจำเลยให้ต้องโทษจำคุก 1 เดือน พร้อมทั้งปรับเงินอีก 5,000 ปอนด์ซูดาน (28,600 บาท) และให้หน่วยงานราชการของซูดานทำเรื่องเนรเทศสตรีเคราะห์ร้ายผู้นี้

นางฮาลา เอลคาริบ ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนประจำภูมิภาคแอฟริกาออกมาประณามคำพิพากษาของศาล เธอบอกกับสาธารณะว่า หากศาลพิพากษาในลักษณะนี้ออกมาเรื่อยๆ ต่อไปในอนาคต เหยื่อที่โดนรุมโทรมข่มขืนจะไม่กล้าไปแจ้งความ

ในห้วงช่วงหลายวันมานี้ ผมมีโอกาสไปตามชุมชนในกรุงเทพมหานคร ได้รับการเล่าแจ้งแถลงไขจากผู้คนในชุมชนว่า โจรชุมมากขึ้นเยอะเหลือเกิน การขายยาเสพติดก็ทำอย่างเสรี เมื่อก่อนยังดี เพราะมีตำรวจเข้ามาตรวจตราดูแลกำกับจับกุมถึงในชุมชน

แต่ขณะนี้ ผู้ร้ายตามชุมชนเริ่มเข้าหาเกราะกำบังด้วยการไปเข้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาล ตำรวจขืนเข้าไปในชุมชน ก็จะโดนคนรวมหัวกันไล่ ผมว่าสังคมชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วครับ คนดีเริ่มจะอยู่ไม่ได้ คนร้ายโดยเฉพาะพวกที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับยาเสพติดกลับได้รับการยกย่อง ปัจจุบันคนร้ายก็รู้แนวแล้ว ว่าทำอย่างไรจะไม่ให้ตำรวจกล้าเข้ามาแตะต้องตนและพวก แค่แขวนสัญลักษณ์ของกลุ่มประท้วงรัฐบาล ก็ทำความชั่วได้ตามอำเภอใจ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามชุมชนของไทยในปัจจุบัน เคยเกิดมาก่อนในกรุงเตกูซิกัลปา สาธารณรัฐฮอนดูรัส ภูมิภาคอเมริกากลาง บรรดาอาชญากรทั้งหลายรู้ว่า ถ้าตนเข้ากลุ่มประท้วงรัฐบาล ก็สามารถกรรโชก โจรกรรม ค้ายาเสพติด และพกอาวุธ โดยตำรวจไม่กล้าเข้ามายุ่ง ตำรวจมาแตะต้องเมื่อใด ก็ใช้การรวมกลุ่มเข้าไปกดดันถึงสถานีโดยอ้างการเมือง

องค์การออบเซอร์วาทอรี ออฟ ไวโอเลนซ์ หรือองค์กรเฝ้าระวังการใช้ความรุนแรง เปิดตัวเลขที่มหาลัยแห่งชาติฮอนดูรัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พ.ศ.2544 ก่อนที่จะมีอาชญากรเข้ากลุ่มต่อต้านการเมือง ฮอนดูรัสมีอัตราฆาตกรรมเพียง 51 คน/1 แสนคน จากนั้นก็เพิ่มมาเรื่อย เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเพียง 10 ปี ใน พ.ศ.2554 ตัวเลขฆาตกรรมของฮอนดูรัสสูงถึง 92 คน/ 1 แสนคน ส่วนในปีที่แล้ว อัตราฆาตกรรมของฮอนดูรัสคือ 79 คน/ 1 แสนคน

ฮอนดูรัสมีประชากรเพียง 7.6 ล้านคน แต่ พ.ศ.2556 พลเมืองของประเทศนี้โดนฆ่าตายไปทั้งปีมากถึง 6,757 คน เฉลี่ยก็คือ โดนฆ่าไปวันละ 19 คน (ถ้าประชากรมากถึง 67 ล้านเท่าไทยและโดนฆ่าตายในอัตรานี้ ก็ต้องตายไปวันละ 168 คน) ทำให้ตอนนี้ฮอนดูรัสเป็นชาติที่มีอัตราการฆาตกรรมสูงที่สุดในโลก สูงกว่านานาชาติถึง 8 เท่า

เราประชาชนคนไทยมีความฝันร่วมกันแต่เดิมว่า กรุงเทพมหานครจะเป็นเมืองหลวงไม่ใช่เฉพาะของไทยเท่านั้น แต่จะต้องเป็นเมืองหลวงของประชาคมอาเซียน เพราะโดยทำเลที่ตั้ง เราก็อยู่ตรงกลางที่สุดของอาเซียน เราเคยฝันแม้กระทั่งว่า จะช่วยกันพัฒนากรุงเทพมหานครที่มีอดีตเป็นมหานครท่องเที่ยว โดยไม่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายเพื่อให้ชุมชนทั้งหลายในกรุงเทพฯ ที่มีนับพันแห่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเศรษฐกิจหลากหลายรูปแบบ
พื้นที่กรุงเทพฯ 1,565.2 ตารางกิโลเมตร หรือ 978,263 ไร่ เป็นดินแดนน่ากลัวไปแล้วครับ ความไม่ปลอดภัยจากการฉกชิงวิ่งราวและโจรกรรมกำลังเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ยาเสพติดระบาดไปในหมู่เยาวชนคนของกรุงเทพมหานครอย่างไวราวกับไฟลามทุ่ง

คนที่เคยติดคุกในคดียาเสพติดซ้ำซากมากมายหลายครั้งในอดีต วันนี้ กลายมาเป็นวีรบุรุษ ได้รับการยกย่อง อันนี้นี่แหละครับเป็นตัวอย่างให้พวกค้ายาเสพติดตามชุมชนทำตามกันทั้งมหานคร

ความเพี้ยนอย่างที่เกิดในซูดาน และการสร้างเกราะให้อาชญากรอย่างในฮอนดูรัส  กำลังจะทำให้กรุงเทพกลายเป็นมหานครนรก



โดย คุณนิติ  นวรัตน์


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซ้ำรึปล่าวน้อออออ!!!  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้