[CR] Timeline : จดหมาย ความทรงจำ vs The Letter : จดหมายรัก [อาจมีสปอยล์]

"พยายามจะทำวิธีต่างๆให้เธอนั้นรักฉัน"

Timeline : จดหมาย ความทรงจำ

ด้วยครั้งแรกที่รู้ว่าจะมีการทำภาคต่อของThe Letter : จดหมายรัก ก็สงสัยว่ามันจะต่อยังไง มีประเด็นอะไรที่จำเป็นพอจะเล่าให้หนังภาคใหม่ดำเนินต่อไปได้ และส่วนตัวไม่ค่อยอยากดูนักเพราะThe Letterมันจบสมบูรณ์ไปแล้ว อีกทั้งการแสดงของแอน ทองประสมก็ประทับใจและตราตรึงความเป็นดิวจนยากที่ถ้าจะให้ใครมาสานต่อได้

ในคราวที่มีการลือกนักแสดง อุ๋ย นนทรีย์ก็อยากได้แอนกลับมาเล่น แต่พอแอนปฏิเสธทางอุ๋ยก็กลับลำว่าติดเรื่องลิขสิทธิ์ จึงจะทำเป็นภาคต่อไม่ได้ ถึงแอนไม่เล่นก็ไม่เป็นไร ดังนั้นก็จะทำTimelineให้เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งไปเลย

แต่พอเอาเข้าจริงTimelineก็คือภาคต่อของThe Letterแบบโกหกความรู้สึกไม่ได้อยู่ดี ซึ่งน่าเสียดายที่ถ้าหากได้ตัวแสดงเดิมอาจจะทำให้บรรยากาศและความรู้สึกของดิวดำเนินต่อจากThe Letterแบบไม่ขาดช่วง อย่างไรก็ตามด้วยบทที่ไม่คงเส้นคงวา
ไม่รู้จะเริ่มและจะจบยังไงทำให้Timelineเป็นหนังรักหนังครอบครัวที่ไม่สามารถทำให้เกิดความประทับใจและตราตรึงอย่างที่The Letterทำไว้ได้เลย หนำซ้ำยังดูตลกมากยิ่งขึ้นจากการพยายามยัดใส่ความเป็นThe Letterลงไปในหลายฉากจนแทบจะเหมือนกัน แต่เพราะบทที่ไม่สร้างให้รู้สึกว่าตั้ม(แทน)จะเกิดความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกับจูนมาตั้งแต่แรกทำให้ความรักของทั้งสองต่างจากของดิวและต้นอย่างสิ้นเชิง พอเป็นเช่นนี้ฉากคลิปวิดีโอจึงไม่สามารถขยี้อารมณ์คนดูได้เหมือนครั้งฉากม้วนวิดีโอในThe Letter

จะว่าไปนับเป็นความโชคดีของแอน ทองประสมที่ถอนตัวจากเรื่องนี้ไปและปล่อยให้ดิวกับต้นในความทรงจำของหลายคนยังอยู่และหยุดไ้ว้ในThe Letterได้

สำหรับผู้ที่มารับบทดิว(มัท)แม่ผู้ยึดติดกับความดีงามและความเป็นตัวตนของสามีในภาคสองก็คือป๊อก ปิยธิดา ถามว่าป๊อกเล่นเป็นดิวได้มั้ย ด้วยฝีมือแล้วป๊อกเอาอยู่ แต่ด้วยบทที่สร้างให้ดิวเป็นคนอมทุกข์ทำให้ไม่สามารถทำให้เห็นดิวคนเดิมจากท้ายเรื่องThe Letterที่เคยพยายามมีชีวิตต่อเพื่อลูกโดยการใช้ความรักและความดีของต้นเป็นแรงขับเคลื่อน ดังนั้นดิวในแบบแอนกับดิวในแบบป๊อกจึงแทบไม่เหมือนคนๆเดียวกัน ดิวของป๊อกจึงเป็นแค่แม่ที่ยึดติดและอยากให้ลูกเป็นในอย่างที่ตนอยากให้เป็น แต่ด้วยเพราะบทอีกนั่นหละที่ทำใหดิวแบบป๊อกดูจะสับสนว่าตกลงจะเอายังไง จะเปิดใจในสิ่งใหม่ๆก็ไปไม่สุดทาง รักลูกมากแต่ไม่อินังขังขอบกับเรื่องที่ลูกจะมีแฟน โดยมีข้อเสนอแค่ว่า มีแฟนได้นะแต่อย่าให้เสียการเรียน ในส่วนของตัวเองซึ่งพอมีคนมาชอบอยากดูแลก็กลับยึดติดในรักของต้นจนลืมมองปัจจุบัน บทดิวของป๊อกจึงเละแต่ไม่เละเทะหากเทียกับบทตั้ม(แทน)ที่ได้เจมส์ จิรายุมารับบทเด็กสับสน หาตัวเองไม่เจอ

ตั้ม(แทน)ที่โตมากับธรรมชาติ มีแม่ที่ไม่ถึงกับเข้มงวดและมีคนรอบข้างที่คอยเป็นห่วง ต้องการอะไรแม่ก็พยายามหาให้ กลับกลายเป็นเด็กที่เบื่อบ้าน เบื่อแม่ และคิดว่าแม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวแทนพ่อ ซึ่งหนังไม่ได้ใส่รายละเอียดตรงนี้เข้าไปให้ชัดว่าทำไมตั้มถึงรู้สึกอย่างนั้นได้ มีแต่สิ่งที่ตั้มพูดและคิดอยู่ฝ่ายเดียวบทตั้มจึงเป็นบทที่เลอะเทอะ จึงทำให้การแสดงในส่วนของเด็กเก็บกดและสับสนของเจมส์ดูเละเทะ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเจมส์แสดงดีมากๆในฉากสุดท้ายกับพี่อร(รุ่นพี่ที่ทำให้ตั้มเกิดความหลง)แค่นั้น และบทตั้มไม่มีอะไรน่าประทับใจได้เท่ากับบทจูนเลย

จูนเป็นตัวเดินเรื่องใหม่ที่ในThe Letterไม่มี ดังนั้นถ้าจะบอกว่าเรื่องTimelineเป็นเรื่องที่มีจูนเป็นบทนำคงจะไม่ผิด จูนที่รับบทโดยเต้ยมีสีสันและทำให้หนังน่าดูตั้งแต่แรกจนจบ เป็นคนที่ดูจะเข้าใจโลกมากกว่าดิว(มัท)ผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะกว่าเสียด้วยซ้ำ จูนเป็นคนขับเคลื่อนให้หนังเดินต่อไปได้ และเป็นทั้งคนเริ่มและคลายปมในตัวตั้ม(แทน)ได้ดี มีที่มาที่ไปในแง่ความรู้สึกของตนเอง พื้นเพครอบครัว และมีพัฒนาการของตัวละครตั้งแต่แรกยันท้ายเรื่อง ซึ่งแม้จะจบเรื่องไปแล้วเต้ยก็ทำให้ยังรู้สึกได้ว่าจูนยังอยู่ เอาเป็นว่าถ้าใครชอบเต้ยหรือตั้งใจดูเต้ย เรื่องนี้เต้ยก็ยังเล่นได้ดีทีเดียว และคนจะจำเต้ยได้พอกับที่จำดิวในแบบแอน ทองประสม

ในส่วนของตัวละครอื่นอย่างวัฒน์(ปีเตอร์) ซึ่งเป็นผู้ชายที่พร้อมจะดูแลแม่ม่ายอย่างดิว ที่แม้ว่าดิวจะรับรักวัฒน์ในอนาคตหรือไม่ก็ตาม ความรักของวัฒน์ที่มีให้ดิวคงมีให้เสมอไป บทนี้ปีเตอร์เล่นได้ดีเลย ทำให้เชื่อได้ว่าวัฒน์จะอยู่ดูแลดิวและไม่ทอดทิ้งกัน

ส่วนนักแสดงสมทบอื่นๆนั้นเละเทะเลอะเทอะมากๆ เด็กปีหนึ่งน้องใหม่ที่ไร้แววตาแห่งความเป็นเฟรชชี่ การแสดงออกก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กปีหนึ่งจะมีและเป็น ซึ่งในจุดนี้เต้ยกับเจมส์ก็ไม่ผ่านเหมือนกัน ส่วนรุ่นพี่ปีสี่ก็แทบจะเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศวัยทำงาน หน้าตาเสื้อผ้าการแสดงออกมันห่างจากเด็กปีสุดท้ายมาก คงเหลือแค่เจ้ากระป๋องที่ทำหน้าที่ของมันได้ดีตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง

สรุปเลยละกันว่าTimeline : จดหมาย ความทรงจำ เป็นหนังภาคต่อที่พยามอ้างว่าไม่ใช่ภาคต่อของThe Letter : จดหมายรัก และแม้จะพยามสร้างประเด็นใหม่แต่ก็ใช้ความเป็นThe Letterเข้าครอบงำอยู่ดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำภาคต่อนี้ไปทำไม

"กลับมาตอบคำถามที่มีแต่เธอที่รู้"

ป.ล.เพลงหลักสองเพลงนั้นเพราะอยู่นะ แต่ใส่มาเหมือนมิวสิควิดีโอเลย ไร้ชั้นเชิงไปหน่อย คือถ้าใส่แค่เสียงบรรเลงคงดีกว่านี้ ในส่วนของเพลงที่อยู่ในหนังและดีที่สุดคงหนีไม่พ้นทำนองเพลง "ไม่มีใช่ไหม" ที่เอามาใส่ในช่วงอ่านจดหมายนั่นหละ .. มันใช่และลงตัวที่สุดละ
ชื่อสินค้า:   Timeline : จดหมาย ความทรงจำ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่