สืบเนื่องจากได้ทำการรูดบัตรเครดิต ชำระค่าสินค้าที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างแห่งหนึ่ง ตอนบ่ายโมงกว่าๆ
โดยที่มิได้เดินตามพนักงานขายไปหลังจากนั้นกลับบ้านมาช่วงเย็นๆ พบข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ว่า
"มีการใช้จ่ายผ่านอินเตอร์เนตจำนวน 3,000 บาท" ซึ่งมั่นใจว่ามีคนแอบขโมยข้อมูลเราไปใช้จ่ายอย่างแน่นอน

จึงได้ทำการขอยกเลิกบัตรเครดิตทันทีหลังจากได้ข้อความ และโทรไปหาผู้จัดการร้านทันที เพราะมีความสงสัย
ในตัวพนักงานขายคนดังกล่าว(ถึงแม้ว่าได้ศึกษากระทู้เก่าๆใน Pantip แล้วว่า เราสามารถปฏิเสธค่าใช้จ่าย
ที่เราไม่ได้กระทำกับธนาคารเจ้าของบัตรได้ แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีครับ เพราะเชื่อลึกๆว่าต้องเป็นพนักงานขายคนนั้นแน่เลย)

ผู้จัดการร้านแนะนำให้ไปแจ้งความ แล้วนำเอกสารมาขอดูกล้องวงจรปิดกับทางห้าง ผมจึงปฎิบัติตาม
หลังจากนั้น ได้พูดคุยกับผู้จัดการร้านหลังจากเค้าดูกล้องแล้ว พบว่าพนักงานคนดังกล่าว พลิกหลังบัตร
พร้อมนำปากกา กระดาษมาจดอะไรบางอย่างจริง (แต่ภาพยังไม่ได้เปิดเผยให้เราดูแต่อย่างใด ฟังแต่
คำบอกเล่าของผู้จัดการร้าน) โดยขั้นตอนต่อไปผู้จัดการแจ้งว่า ทางห้างจะเรียกพนักงานมาสอบ
หากผิดจริง จะไล่ออก และนำหลักฐานทั้งหมดให้เรานำไปดำเนินการต่อ กระผมจึงขอรบกวนปรึกษา
แนวทางต่อไปครับว่า ควรทำอย่างไรต่อไปดี ในระหว่างรอผลสรุป

1. หากพนักงานสารภาพ ผิดจริง โดนไล่ออก ทางห้างให้หลักฐานเรามา ให้เราไปดำเนินการต่อกับตำรวจ
เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วใช่ไหมครับ หรือ ห้างควรจะดำเนินการให้เราจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
2. สมมุติว่า ห้างไล่พนักงานออก ผมเอาหลักฐานมาดำเนินการต่อเองเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว
ผมควรเดินเรื่องต่อไปไหมครับ หรือเหนื่อยเปล่าๆยุติดีกว่า
3. หากตรงข้าม พนักงานปฎิเสธ ห้างมองว่าหลักฐานอ่อนไป ไม่ผิด ผมควรทำอย่างไรต่อ นำหลักฐาน
ส่งตำรวจต่อ หรือ ทำใจยุติเรื่องราวครับ

รบกวนขอความเห็นจากสมาชิกนิดหนึ่งนะครับ คิดไม่ตกจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับ และขออภัยครับหากตั้งกระทู้ผิดหลักอะไรไป กระทู้แรกเลยครับผม

ขอบคุณครับ