ธปท.สั่ง ‘แบงก์‘ คืนเงินใน5 วัน ไม่มีความผิด หลังมิจฉาชีพขโมยบัตรรูดสินค้า
กรณี มีผู้ร้องเรียนว่า ถูกขโมยรูดบัตรเครดิต หลังไปใช้บริการสปาออนเซ็น ในย่านสุขุมวิท ทำให้ถูกขโมยบัตรเครดิตเพื่อนำไปชำระซื้อสินค้า จนสูญเสียเงินจำนวนมากนั้น
นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพขโมยบัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้าและบริการนั้น
โดยกรณีบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรจะไม่ต้องชำระเงินและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรตามยอดที่ถูกตัดชำระภายใน 5 วัน นับแต่วันที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ซึ่งธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะต้องเข้มงวดในการปฎิบัติตามแนวทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำชับให้ผู้ให้บริการติดตามร้านค้าที่มีความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใช้เป็นช่องทางรับชำระเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีกระบวนการรู้จักและพิสูจน์ตัวตน เพื่อคัดกรองร้านค้า ประเมินความเสี่ยง
รวมทั้งติดตามความเสี่ยงและพฤติกรรมของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง โดยต้องยุติการบริการทันทีเมื่อพบร้านค้าที่อาจเข้าข่ายให้บริการที่ไม่ถูกกฎหมาย รวมถึงพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ขอคำปรึกษาและร้องเรียนปัญหาการใช้บริการทางการเงินได้ที่ BOT contact center 1213
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ธปท.สั่ง ‘แบงก์‘ คืนเงินใน 5 วัน หลังมิจฉาชีพขโมยบัตรรูดซื้อสินค้า
นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพขโมยบัตรเครดิตไปชำระค่าสินค้าและบริการนั้น
โดยกรณีบัตรเครดิต ผู้ถือบัตรจะไม่ต้องชำระเงินและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะคืนเงินให้ผู้ถือบัตรตามยอดที่ถูกตัดชำระภายใน 5 วัน นับแต่วันที่มีเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่ได้เกิดจากความผิดของผู้ถือบัตรหรือผู้ถือบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ซึ่งธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการบัตรเครดิตจะต้องเข้มงวดในการปฎิบัติตามแนวทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ธปท. ได้กำชับให้ผู้ให้บริการติดตามร้านค้าที่มีความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใช้เป็นช่องทางรับชำระเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ให้บริการต้องมีกระบวนการรู้จักและพิสูจน์ตัวตน เพื่อคัดกรองร้านค้า ประเมินความเสี่ยง
รวมทั้งติดตามความเสี่ยงและพฤติกรรมของร้านค้าอย่างต่อเนื่อง โดยต้องยุติการบริการทันทีเมื่อพบร้านค้าที่อาจเข้าข่ายให้บริการที่ไม่ถูกกฎหมาย รวมถึงพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ขอคำปรึกษาและร้องเรียนปัญหาการใช้บริการทางการเงินได้ที่ BOT contact center 1213
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ