ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด Fukui สถานที่ยอดนิยมอันดับต้น ๆ ก็น่าจะได้แก่ Tōjinbō (東尋坊・とうじんぼう) หน้าผาริมทะเลญี่ปุ่นรูปร่างคล้ายเสาหินอันเกิดจากแม็กมาที่ประทุขึ้นมาแล้วเย็นตัวลงที่ผ่านคลื่นลมมาเป็นเวลาหลายล้านปี ซึ่งเป็นทัศนียภาพแปลกตาที่มีอยู่เพียงสามแห่งในโลกเท่านั้น (อีกสองแห่งอยู่ที่เกาหลีและนอร์เวย์)
ในส่วนของการเดินทางนั้นจะพูดถึงทีหลัง ตอนนี้มาดูกันก่อนครับว่าที่นี่มีอะไรกันบ้าง
สิ่งแรก ๆ ที่จะได้พบเมื่อเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ได้แก่ Tōjinbō Tower (東尋坊タワー) หอชมวิว Tōjinbō จากมุมสูง (ค่าขึ้นจุดชมวิว 500 เยน) ซึ่งในครั้งนี้ผมไม่ได้ขึ้นข้างบนเนื่องจากทีแรกว่าจะขึ้นก่อนกลับ แต่ปรากฏว่าตอนที่ไปถึงเขาปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว (เปิดเวลา 9-17 น. โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
สำหรับชื่อ Tōjinbō มีที่มาจากในอดีตที่มีพระรูปหนึ่งชื่อ Tōjin (Bō ในที่นี้หมายถึงพระ) ที่ไปหลงรักสาวนางหนึ่งเข้า แต่หลังจากนั้นก็ถูกศัตรูหัวใจลวงมาฆ่าที่ผาแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนี้ (บางตำราก็ว่าแกเป็นพระที่นิสัยไม่ดีจนชาวบ้านเอือมระอา แต่โดยสรุปก็คือถูกลวงมาฆ่าที่นี่เหมือนกัน) ซึ่งในบริเวณริมผา ถ้าลองหาดี ๆ จะพบศาลที่ประดิษฐานรูปหล่อของพระ Tōjinbō อยู่ครับ (ผมลืมถ่ายรูปมา)
ป้ายชื่อสถานที่สำหรับถ่ายรูปที่ระลึก
ต้องขอบอกเพิ่มว่าถ้ามาที่นี่ช่วงเช้า ทิศที่หันออกสู่ทะเลจะเป็นทิศตามแสง ขณะที่ทิศที่หันเข้าหาฝั่งจะเป็นทิศย้อนแสงครับ ซึ่งถ้าไปช่วงบ่ายก็จะกลับกัน ผมเองไปช่วงบ่ายเลยเป็นทิศย้อนแสง แต่ถ้าจะล่องเรือ (จะพูดถึงทีหลัง) ก็จะได้ทิศตามแสงครับ
ที่เห็นไกล ๆ เป็นเกาะชื่อ Oshima (雄島・おしま) ซึ่งถ้าล่องเรือก็จะได้เข้าไปใกล้ ๆ ด้วย แต่ถ้าจะข้ามไปที่เกาะก็ต้องขับรถไปเองครับ (เท่าที่หาข้อมูล ดูเหมือนจะเป็นเกาะที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าและมีศาลเจ้าตั้งอยู่ แต่เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัย)
และเนื่องจากผาแห่งนี้ไม่มีรั้วกั้น จึงสามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระตราบเท่าที่เดินได้ครับ ซึ่งก็ควรเลือกใส่รองเท้าที่เดินง่าย ไม่อย่างนั้นจะอันตรายมาก นอกจากนี้ยังควรเลือกไปในวันที่อากาศดีคือไม่มีฝนและหิมะ จะได้ไม่ลื่นครับ
และนี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของผาแห่งนี้ เรียกว่า Ōike (大池・おおいけ) สูงประมาณ 25 เมตร ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองไปยืนบนตึกสูง 8-9 ชั้นแล้วมองลงมาครับ สูงประมาณนั้นแหละ แต่ที่นี่ไม่มีรั้วกั้นเท่านั้นเอง
ในรูปอาจดูไม่สูงนัก แต่ของจริงสูงและหวาดเสียวมากครับ
เนื่องจากไปตอนบ่าย เลยได้อยู่จนถึงเย็น เวลาในรูปนี้ยังไม่ถึงห้าโมงเลยครับ (ฤดูหนาวมืดเร็ว)
เขาว่าที่นี่มีแมวที่เป็นคนดังที่เคยออกทีวีอยู่ด้วย ไม่รู้ใช่ตัวนี้หรือเปล่า
และอย่างที่บอกว่าที่นี่มีบริการล่องเรือด้วย ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
http://www.toujinbou-yuransen.jp/
พอดีช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ค่อยออกเรือกัน ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม เลยไม่ได้ลงเรือเลย ยังไงถ้าใครไปช่วงอื่นก็ลองหาโอกาสลงเรือดูนะครับ คงได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ส่วนเรื่องอาหารและของที่ระลึกนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะที่จริงเส้นทางจากป้ายรถเมล์ไปหน้าผาจะเป็นย่านการค้าอยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งของกินและของที่ระลึกหลายอย่างครับ แต่ต้องระวังเรื่องเวลาปิดหน่อย เพราะประมาณสี่โมงกว่า ๆ ร้านค้าก็เริ่มทยอยปิดกันแล้ว (ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนก็อาจเปิดนานกว่านี้ แต่ก็ไม่เกินหกโมงเย็น) บรรยากาศของย่านการค้าที่นี่ก็ประมาณนี้ครับ
http://www.mikuni.org/contents/play/tojinbo/gourmetmap.html
(ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา ขออภัยด้วย)
เนื่องจากที่นี่อยู่ใกล้ทะเล จึงได้กินอาหารทะเลสด ๆ แบบนี้เป็นต้นครับ (สำหรับปลาหมึกและหอยแบบในอาหารชุดนี้ จะซื้อแบบเสียบไม้ไปกินข้างนอกก็ได้)
และที่ไม่ควรพลาดคือปู Echizen (越前ガニ・えちぜん) ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งอาหารฤดูหนาวที่มีให้รับประทานได้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนถึง 20 มีนาคมของทุกปีครับ (บางที่ก็ถึงวันที่ 31 มีนาคม) ซึ่งถ้าเป็นช่วงนอกฤดูจะเป็นปูจากแหล่งอื่นหรือเป็นปูแช่แข็งครับ
โดยปู Echizen ของแท้ จะมีป้ายรับประกันสีเหลืองติดไว้ที่ก้ามแบบในภาพครับ
อย่างในรูปนี้เป็นข้าวหน้าปูของร้าน Yamani Suisan (やまに水産・~すいさん) ร้านชื่อดังในละแวกนี้ครับ
ใจจริงอยากกินเป็นแบบหม้อไฟหรือซาชิมิเหมือนกัน แต่แพงเหลือเกิน (ราคาเริ่มต้นก็เหยียบหมื่นเยนแล้ว) ไม่อาจเอื้อมครับ
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
ที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือ Soft Cream ครับ โดยเฉพาะรสหมึกปลาหมึก (イカミソ) ใครอยากรู้ว่ารสชาติเป็นไง ต้องลองครับ
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
[CR] Unseen Japan - พาเที่ยวจังหวัด Fukui : ผา Tōjinbō
ในส่วนของการเดินทางนั้นจะพูดถึงทีหลัง ตอนนี้มาดูกันก่อนครับว่าที่นี่มีอะไรกันบ้าง
สิ่งแรก ๆ ที่จะได้พบเมื่อเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ได้แก่ Tōjinbō Tower (東尋坊タワー) หอชมวิว Tōjinbō จากมุมสูง (ค่าขึ้นจุดชมวิว 500 เยน) ซึ่งในครั้งนี้ผมไม่ได้ขึ้นข้างบนเนื่องจากทีแรกว่าจะขึ้นก่อนกลับ แต่ปรากฏว่าตอนที่ไปถึงเขาปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว (เปิดเวลา 9-17 น. โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
สำหรับชื่อ Tōjinbō มีที่มาจากในอดีตที่มีพระรูปหนึ่งชื่อ Tōjin (Bō ในที่นี้หมายถึงพระ) ที่ไปหลงรักสาวนางหนึ่งเข้า แต่หลังจากนั้นก็ถูกศัตรูหัวใจลวงมาฆ่าที่ผาแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนี้ (บางตำราก็ว่าแกเป็นพระที่นิสัยไม่ดีจนชาวบ้านเอือมระอา แต่โดยสรุปก็คือถูกลวงมาฆ่าที่นี่เหมือนกัน) ซึ่งในบริเวณริมผา ถ้าลองหาดี ๆ จะพบศาลที่ประดิษฐานรูปหล่อของพระ Tōjinbō อยู่ครับ (ผมลืมถ่ายรูปมา)
ป้ายชื่อสถานที่สำหรับถ่ายรูปที่ระลึก
ต้องขอบอกเพิ่มว่าถ้ามาที่นี่ช่วงเช้า ทิศที่หันออกสู่ทะเลจะเป็นทิศตามแสง ขณะที่ทิศที่หันเข้าหาฝั่งจะเป็นทิศย้อนแสงครับ ซึ่งถ้าไปช่วงบ่ายก็จะกลับกัน ผมเองไปช่วงบ่ายเลยเป็นทิศย้อนแสง แต่ถ้าจะล่องเรือ (จะพูดถึงทีหลัง) ก็จะได้ทิศตามแสงครับ
ที่เห็นไกล ๆ เป็นเกาะชื่อ Oshima (雄島・おしま) ซึ่งถ้าล่องเรือก็จะได้เข้าไปใกล้ ๆ ด้วย แต่ถ้าจะข้ามไปที่เกาะก็ต้องขับรถไปเองครับ (เท่าที่หาข้อมูล ดูเหมือนจะเป็นเกาะที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าและมีศาลเจ้าตั้งอยู่ แต่เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัย)
และเนื่องจากผาแห่งนี้ไม่มีรั้วกั้น จึงสามารถเดินไปมาได้อย่างอิสระตราบเท่าที่เดินได้ครับ ซึ่งก็ควรเลือกใส่รองเท้าที่เดินง่าย ไม่อย่างนั้นจะอันตรายมาก นอกจากนี้ยังควรเลือกไปในวันที่อากาศดีคือไม่มีฝนและหิมะ จะได้ไม่ลื่นครับ
และนี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของผาแห่งนี้ เรียกว่า Ōike (大池・おおいけ) สูงประมาณ 25 เมตร ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองไปยืนบนตึกสูง 8-9 ชั้นแล้วมองลงมาครับ สูงประมาณนั้นแหละ แต่ที่นี่ไม่มีรั้วกั้นเท่านั้นเอง
ในรูปอาจดูไม่สูงนัก แต่ของจริงสูงและหวาดเสียวมากครับ
เนื่องจากไปตอนบ่าย เลยได้อยู่จนถึงเย็น เวลาในรูปนี้ยังไม่ถึงห้าโมงเลยครับ (ฤดูหนาวมืดเร็ว)
เขาว่าที่นี่มีแมวที่เป็นคนดังที่เคยออกทีวีอยู่ด้วย ไม่รู้ใช่ตัวนี้หรือเปล่า
และอย่างที่บอกว่าที่นี่มีบริการล่องเรือด้วย ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
http://www.toujinbou-yuransen.jp/
พอดีช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ค่อยออกเรือกัน ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม เลยไม่ได้ลงเรือเลย ยังไงถ้าใครไปช่วงอื่นก็ลองหาโอกาสลงเรือดูนะครับ คงได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ส่วนเรื่องอาหารและของที่ระลึกนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะที่จริงเส้นทางจากป้ายรถเมล์ไปหน้าผาจะเป็นย่านการค้าอยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งของกินและของที่ระลึกหลายอย่างครับ แต่ต้องระวังเรื่องเวลาปิดหน่อย เพราะประมาณสี่โมงกว่า ๆ ร้านค้าก็เริ่มทยอยปิดกันแล้ว (ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนก็อาจเปิดนานกว่านี้ แต่ก็ไม่เกินหกโมงเย็น) บรรยากาศของย่านการค้าที่นี่ก็ประมาณนี้ครับ
http://www.mikuni.org/contents/play/tojinbo/gourmetmap.html
(ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา ขออภัยด้วย)
เนื่องจากที่นี่อยู่ใกล้ทะเล จึงได้กินอาหารทะเลสด ๆ แบบนี้เป็นต้นครับ (สำหรับปลาหมึกและหอยแบบในอาหารชุดนี้ จะซื้อแบบเสียบไม้ไปกินข้างนอกก็ได้)
และที่ไม่ควรพลาดคือปู Echizen (越前ガニ・えちぜん) ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งอาหารฤดูหนาวที่มีให้รับประทานได้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนถึง 20 มีนาคมของทุกปีครับ (บางที่ก็ถึงวันที่ 31 มีนาคม) ซึ่งถ้าเป็นช่วงนอกฤดูจะเป็นปูจากแหล่งอื่นหรือเป็นปูแช่แข็งครับ
โดยปู Echizen ของแท้ จะมีป้ายรับประกันสีเหลืองติดไว้ที่ก้ามแบบในภาพครับ
อย่างในรูปนี้เป็นข้าวหน้าปูของร้าน Yamani Suisan (やまに水産・~すいさん) ร้านชื่อดังในละแวกนี้ครับ
ใจจริงอยากกินเป็นแบบหม้อไฟหรือซาชิมิเหมือนกัน แต่แพงเหลือเกิน (ราคาเริ่มต้นก็เหยียบหมื่นเยนแล้ว) ไม่อาจเอื้อมครับ
ที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือ Soft Cream ครับ โดยเฉพาะรสหมึกปลาหมึก (イカミソ) ใครอยากรู้ว่ารสชาติเป็นไง ต้องลองครับ