Panphol.com เปิดฟีเจอร์ใหม่ค้นหาหุ้นจากค่า BETA

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ความหมาย “Beta”

คำว่า “Beta” หมายความว่าอย่างไร? ค่าเบต้า คืออะไร? ค่าเบต้า (Beta) หรือ beta coefficient คือ ตัวเลขที่ได้จากการเปรียบเทียบระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น และ การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เบต้าเป็นเครื่องมือชี้วัดความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุ้นกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ค่าเบต้าของหุ้นก็คือค่าความผันผวนของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับตลาดนั่นเอง หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นที่มีค่าเบต้าสูง ดังนั้น หากสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มาก เราก็ควรคาดหวังผลตอบแทนที่มากขึ้นตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหุ้น A ค่าเบต้าเท่ากับ 1 และ หุ้น B มีค่าเบต้าเท่ากับ 2 ผลตอบแทนของหุ้น B ก็ควรมากกว่าหุ้น A ตามสัดส่วนของความเสี่ยงจึงจะสามารถจัดได้ว่าเหมาะสมแก่การลงทุน
ที่มา http://hoondb.com/beta-ค่าเบต้า/

สามารถหาค่า BETA ได้จาก http://www.panphol.com/data/page/stockfilter

ถ้าค่าเบต้าของหุ้นตัวนั้น = 1 หุ้นตัวนั้นจะขึ้น/ลงเป็นปฏิภาคโดยตรงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์
ถ้าค่าเบต้าของหุ้นตัวนั้น > 1 หุ้นตัวนั้นจะขึ้น/ลงเร็วกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์
ถ้าค่าเบต้าของหุ้นตัวนั้น < 1 หุ้นตัวนั้นจะขึ้น/ลงช้ากว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์
ถ้าค่าเบต้าของหุ้นตัวนั้น < 0 หุ้นตัวนั้นจะขึ้น/ลงเป็นปฏิภาคผกผันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์

คัดลอกจาก http://www.thaispeculator.com/technical-analysis/stock-beta.html

โดยปกติแล้วนักเก็งกำไรมักนิยมเล่นหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงกว่า 1 เพราะว่าเมื่อดัชนีตลาดขึ้น หุ้นเหล่านี้จะขึ้นได้มากกว่าตลาด ตามหลักกาที่ว่าผลตอบแทนสูง จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย (High Risk, High Return) เพราะเมื่อดัชนีตลาดมีทิศทางขาลง หุ้นเหล่านี้ก็จะลงมากกว่าตลาดเช่นกัน

ค่าเบต้าของหุ้นแต่ละตัวจะไม่เสถียร (Unstable) และเปลี่ยนแปลงตลอด หุ้นที่มีค่าเบต้าสูงในระยะเวลาหนึ่งอาจเป็นหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำในเวลาต่อมา ดังนั้นหากนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรสามารถหาหุ้นที่ปัจจุบันมีค่าเบต้าที่ต่ำกว่า 1 ในขณะที่ตลาดกำลังซบเซา และค่าเบต้าของหุ้นนี้มีค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เมื่อตลาดฟื้นตัวหรือเป็นตลาดกระทิงแล้วก็จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่มีผลตอบแทนสูง

กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ค่าเบต้า โดยคุณวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล จาก บล.ทรินีตี้

ในภาวะที่เศรษฐกิจผันผวนและการเมืองไม่แน่นอน เราควรเลือกกลุ่มหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ เพื่อลดความผันผวน แต่ถ้าเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นแล้วนั้น การใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเบต้าสูงจะให้ผลตอบแทนที่เร็วกว่า เราสามารถสรุปการใช้กลยุทธ์ ดังนี้

หนึ่ง โดยปกติหุ้นกลุ่มวัฏจักร สถาบันการเงินและกลุ่มที่ดินจะเป็นหุ้นกลุ่มที่มีค่าเบต้าสูงในขณะที่หุ้น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสาธารณูปโภคจะเป็นหุ้นกลุ่มเบต้าต่ำ

สอง ถ้านักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นน่าจะเป็นขาขึ้น และเศรษฐกิจสดใส ดอกเบี้ยเริ่มชะลอตัวลง ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าสูง ในขณะที่หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นน่าจะเป็นขาลง กลยุทธ์การลงทุนคือการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำใน Portfolio ให้มากขึ้น หรืออาจจะเป็นเงินสดก็ได้

สาม หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ จะมีลักษณะมีเงินปันผลสูง มีขนาดราคาตลาดของหุ้น (Market Capitalization) สูง และมีสินทรัพย์ที่มั่นคง ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่มีเงินปันผลน้อย มีขนาดราคาตลาดของหุ้น (Market Capitalization) ต่ำ จะมีค่าเบต้าสูง

สี่ ค่าเบต้าของหุ้นแต่ละตัวจะไม่เสถียร (Unstable) และเปลี่ยนแปลงตลอด หุ้นที่มีค่าเบต้าสูงในระยะเวลาหนึ่งอาจเป็นหุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำในเวลาถัด ไป โดยปกติ ค่าเบต้ามีแนวโน้มสู่ศูนย์กลาง เพราะค่าเบต้าของหุ้นกลุ่มไหนสูงกว่า 1 มากๆ ตลาดที่มีประสิทธิภาพจะเป็นตัวปรับค่าเบต้านั้นลงมาเอง

ห้า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเบต้า คือ ผลประกอบการ การคาดหวัง และการตอบสนองของนักลงทุนต่อหุ้นนั้นๆ

กล่าวโดยสรุป กลยุทธ์การลงทุนโดยใช้ค่าเบต้าเป็นตัววัด จะให้ผลตอบแทนสูง ถ้าเราสามารถอ่านทิศทางของตลาดได้อย่างถูกต้อง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่