ขอคำปรึกษา ผมโดนยัดหนี้ให้ครับ

ดิฉันเป็นญาติของเจ้าของข้อความนี้นะค่ะ ดิฉันนำมาลงเพื่อต้องการความช่วยเหลือค่ะ

รบกวนด่วนครับ ผมโดนยัดหนี้ให้ครับ

ยาวหน่อยนะครับ แต่ขอความกรุณาอ่านให้จบและขอคำปรึษานะครับ ผมควรทำอย่างไรดี
ผมเป็นเซลล์ไอศกรีมของบริษัทหนึ่งครับ(ถ้าเอ่ยชื่อใครๆก็รู้จักครับ) ตอนนี้ผมได้ออกจากงานแล้ว เนื่องจากผมเป็นหนี้และกำลังจะโดนประกันฟ้อง

ประเด็นมีอยู่ว่า หนี้ของผมมันมากกว่าปกติ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำ   และผู้จัดการสาขาพยายามบอกให้ผมเซ็นยอมรับสภาพหนี้      ซึ่งเป็นการบอกว่าหากเซ็นแล้วตนเองจะหาเงินมาช่วยจ่ายใช้ในหนี้ส่วนนี้ด้วย ซึ่งผมบอกตลอดว่าไม่สามารถเซ็นได้ เพราะหนี้ส่วนนี้มันเกินความเป็นจริง     แต่ผู้จัดการก็พยายามบอกว่าเซ็นให้หน่อยเดี๋ยวจะช่วยหาเงินมาช่วยด้วย    ผมพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด เพราะมันไม่ใช่หนี้ผม ผมไม่ได้ทำ
แต่ด้วยผู้จัดการกับหัวหน้าฝ่ายขายพยายามบอกให้เซ็นไปก่อนนะ เดี๋ยวเขาจะหาเงินมาช่วยกัน

หลังจากที่ผู้จัดการพยายามขอร้องให้ผมเซ็นยอมรับสภาพหนี้หลายครั้ง ผมจึงยอมเซ็นแต่เป็นการเซ็นที่ไม่ใช่ลายเซ็นตัวเองเพราะผมขีดมั่วๆเอา และผมก็ยังบอกผู้จัดการด้วยว่าผมเซ็นแบบนี้นะ เพราะมันไม่ใช่หนี้ผมจริงๆ ผมไม่อยากเซ็น ผู้จัดการพยายามบอกให้ผมหาเงินมาจ่ายเพื่อที่จะได้ทำงานต่อ  หลังจากนั้นน้องสาวได้นำเงินจำนวน 4 หมื่น บาท มาจ่ายให้ แต่เรื่องมันถึงสำนักงานใหญ่แล้ว ผมจึงต้องถูกออกจากงาน (แต่ผมดีใจครับที่ผมได้ออกจากงาน ไม่อย่างนั้นผมคงโดนยัดหนี้ให้หัวโตแน่นอน)

ผมเป็นหนี้เกือบ 3 แสน  แต่ผมใช้หนี้ไปแล้ว 4 หมื่นบาท  ทั้งนี้หนี้ของผมมันรวมหนี้ค้างที่อยู่ในระบบ (ก่อนที่ผมจะเข้าทำงาน ) จำนวน 24,000 บาท ด้วย   ซึ่งเป็นหนี้เก่าของผู้จัดการ  ตอนที่ยังทำหน้าที่เซลล์ ขายกับหัวหน้าฝ่ายขาย
วันแรกที่ผมเข้ามาเป็นเซลล์  ผู้จัดการก็ยัดหนี้จำนวน 24,000 บาท ให้ทันที  และเมื่อผมทราบเรื่องเพราะหนี้ผมเริ่มเยอะ  ผมจึงได้แจ้งผู้จัดการว่าเงินจำนวนนี้มันมีมาก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็นเซลล์นะ  ผู้จัดการก็บอกตลอดว่าเดี๋ยวจะหักเงินจำนวนนี้ออกให้   
จนมาถึงวันที่ผมออกจากงาน    ผมและน้องสาวได้เข้าไปบริษัทเพื่อถามผู้จัดการและฝ่ายบัญชีว่าหนี้ของผมทั้งหมดนี้ได้หักเงินจำนวน 24,000 บาท ออกให้หรือยัง?
ผู้จัดการและฝ่ายบัญชี รวมถึงหัวหน้าฝ่ายขาย ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หักออกเรียบร้อยแล้ว วันนั้นก็ถือว่าจบไปครับ เพราะผมทำงานได้ไม่นาน   ดูเอกสารยังไม่ค่อยเข้าใจ พูดง่ายๆคือเช็คไม่เป็นครับ

เมื่อผมกลับมาบ้านและได้โทรไปหา พนง.ในบริษัทคนหนึ่ง สอบถามว่าจะเช็คเอกสารตรงส่วนไหนได้บ้างจึงจะทำให้รู้ว่าเงินจำนวน 24,000 บาท ได้หักลบออกไปหรือยัง  พนง.คนนั้นจึงอธิบายให้ฟัง ผมจึงกลับมาเช็ค ก็ได้ทราบว่า หนี้จำนวน 24,000 บาท ผู้จัดการยังไม่ได้หักออก  (อันนี้ทำให้รู้ว่าเป็นการตั้งใจยัดหนี้ส่วนนี้ให้ผม)

ผมจึงเข้าไปบริษัทอีกครั้ง (เพื่ออัดคลิปการสนทนา) ซึ่งผม ได้พูดคุยเกี่ยวกับหนี้จำนวน 24,000 บาท  ซึ่งผู้จัดการก็ยอมรับว่ายังไม่ได้หักออก และบอกว่าจะทำการหักหนี้จำนวน 24,000 บาท ให้ทันที (การหักหนี้ 24,000 บาท ตามหลักคือผู้จัดการต้องหาเงินมาคืนบริษัทครับ)
ผมคิดว่าครั้งนี้ที่ผู้จัดการยอมรับเพราะมันมีเอกสารยืนยันชัดเจน ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ ทั้งที่ตั้งใจไว้ตอนแรกว่าจะยัดหนี้ส่วนนี้ให้ผม   ผมคิดว่าตอนแรกที่ผู้จัดการบอกว่าหักหนี้ออกให้แล้ว เพราะคิดว่ายังไงผมก็ไม่มีความสามารถในการเช็คเอกสารได้แน่นอน

ครั้งนี้ผมได้พูดคุยกับผู้จัดการและขอเอกสารต่างๆ ที่คิดว่าพอจะตรวจสอบได้บ้าง (แต่ในใจรู้ครับว่าคงตรวจสอบไม่ได้)  ซึ่งผู้จัดการบอกเช็คได้เดี๋ยวจะเอาให้     ซึ่งผมก็ย้อนถามกลับไปว่า รายการของที่ช็อต มันไม่มีเอกสารที่สามารถเช็คได้ไม่ใช่หรือครับ ซึ่งคำตอบก็คือใช่  ซึ่งเงินจำนวนแสนเจ็ดคือเงินของช็อตทั้งหมด      (มันมีหนี้ 2 ใบ ครับ ณ.ปัจจุบัน มีหนี้แสนเจ็ดกับ ห้าหมื่นกว่า)
ผมได้ขอเอกสารการขายด้วย แต่ผู้จัดการบอกว่าขอเวลา 2 วัน (ซึ่งผมกลับมาคิดว่าทำไมต้องขอเวลา 2 วัน ซึ่งจริงๆมันสามารถปริ๊นออกมาได้เลยทันที แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรครับ)
แต่หลังจากที่ผมกลับไป 2 วัน ผมก็ไม่ได้กลับเข้าไปเอาเอกสารการขาย จนผ่านไป 1 สัปดาห์ ผมจึงได้เข้าไปเอาเอกสาร ซึ่งพอผมมาเช็คเอกสาร มันมีการสั่งของเกินมาหลายรายการมากๆ
เช่น ผมสั่งมา 10 แต่รายการคีย์ไป 15 ซึ่งมันไม่ตรงกับความเป็นจริง
แล้วข้างหลังก็เป็นการแก้ให้ปกติ คือ เอา 15-5 ให้เหลือ 10 ทำให้มันปกติ  ซึ่งเช็คเกอร์อ้างว่าเป็นการคีย์ผิด
แต่ข้างหลัง เขาแก้ให้ยอด ของเข้ากับ ยอดของออก ให้มัน  balance กันแล้ว

เช็คเกอร์พูดว่า พี่ไม่ได้ทำอะไรนะ พี่ทำไปแล้วพี่จะได้อะไรล่ะ ของมาไม่ตรงกันแบบนี้ พี่ทำหน้าที่ตรงนี้พี่ก็เสียนะ และเช็คเกอร์ได้เมล์ไปสอบถามฝ่ายไอทีที่สำนักงานใหญ่ “ฝ่ายไอทีเมล์กลับมาว่ามันเป็นการคีย์ของเกินมาแต่แก้ไขให้ถูกต้องแล้วนะครับ มันน่าจะปกตินะ” (ซึ่งผมดูเอกสารมันก็จริงคือมันน่าจะปกติ เพราะข้างหลังเช็คเกอร์แก้ให้ถูกต้องแล้ว ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าแก้ไขตอนที่เอาเอกสารให้ผมดูหรือเปล่า)
หลังจากนั้นผมกลับเข้าไปบริษัทอีกครั้ง ครั้งนี้ผมถามกลับไปว่าทำไมต้องคีย์จำนวนของเกินมาขนาดนั้น และทำไมไม่แก้ตัวเลขตั้งแต่ทีแรก คือ ถ้าคีย์ผิดเป็น 15 ก็แก้เป็น 10 ไปเลย ไม่ใช่มาแก้ของขายออกเกินจริง
แบบเอา 15-5 ให้เหลือ 10 ผมแปลกใจเลยครับ

เช็คเกอร์กับผู้จัดการบอกว่า พี่ก็ไม่รู้ พี่ก็งง และอีกอย่างคือ ทำไมถึงไม่พลาดที่จะคีย์ของให้น้อยกว่าปกติเลยสักรายการ แต่เป็นการคีย์ให้มากกว่าปกติแทบทั้งหมด  (ซึ่งพอมากกว่าปกติเงินมันก็จะเยอะขึ้น) ทำให้ผมเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว
การเป็นหนี้ของผมครั้งนี้เหมือนเป็นการดึงผมเป็นเครื่องมือ เป็นการโยนหนี้ให้ เหมือนเป็นกระบวนการที่ทำมากกว่า 2 คน ขึ้นไป พอหนี้ผมเริ่มเยอะ ก็พยายามให้ผมหาเงินมาใช้คืนก่อนที่สำนักงานใหญ่จะรู้

ซึ่งถ้าผมใช้หนี้จำนวนนี้หมด คือมันก็จบสำนักงานใหญ่ไม่รู้ แล้วผมก็ได้ทำงานต่อและก็จะมีการโยนหนี้ให้ผมใหม่โดยที่มีหลายๆคนได้เงินใช้สบายๆ แต่คนที่เป็นหนี้คือผม
ซึ่งผมมาเอะใจว่าถ้าผู้จัดการรู้ว่าผมเป็นหนี้ขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ให้ผมออกและแจ้งประกันตั้งแต่ทีแรก แต่ยังรั้งผมไว้ จนหนี้มันเยอะมาก ผมไม่มีเงินจ่าย จนสำนักงานใหญ่ทราบเรื่องเพราะเงินมันขาดในบัญชี

ผมยอมรับว่าได้ลอยของจริงๆ ซึ่งเซลล์ทุกคนจะทำ(ผมยอมรับในสิ่งที่ผมทำจริงๆเท่านั้น) แต่ผมไม่เคยลอยของเกินเงินเดือนที่ตนเองจะสามารถหามาจ่ายคืนได้ในแต่ละเดือน คือทำไม่เกินเงินเดือนตัวเองหรือบางครั้งอาจจะเกินไปพันสองพัน อันนี้ผมยอมรับครับ (มันเหมือนเอาเงินมาหมุนพอถึงสิ้นเดือนก็เอาเงินมาจ่ายคืน) แต่หนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้เอาเงินจำนวน 19,000 บาท มาใส่ในยอดหนี้ 43,000 บาท (ซึ่งยอดหนี้ของผมจริงๆแค่ 19,000.- บาท อีก 24,000.- คือยอดหนี้ค้างก่อนผมเข้าทำงาน  เป็นหนี้ที่ผู้จัดการบอกว่าจะตัดออกให้ตลอดแต่ก็ยังไม่ตัด)
หลังจากที่ผมใช้หนี้ไป 19,000 บาท แล้ว เวลาผ่านไป ประมาณ 1 อาทิตย์
หนี้กลับเพิ่มขึ้นมาอีก 43,000 บาท ผมเองก็ตกใจ จึงได้เข้ามาคุยกับผู้จัดการว่าทำไมเงินมันถึงเพิ่มขึ้น แต่ผู้จัดการไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ และไม่มีการตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น จนปล่อยให้หนี้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนเป็นการโยนหนี้จากอีกคนให้อีกคน ซึ่งทำเป็นกระบวนการ) และเอกสารของผมทั้งหมดก็หายไปจากรถ ซึ่งผมไม่สามารถเช็คอะไรได้

ตอนนี้มีผมหลักฐานดังนี้ครับ
1.ผมมีคลิปวีดีโอการพูดคุยกับผู้จัดการ เรื่องที่ผู้จัดการบอกให้ผมเซ็นยอมรับสภาพหนี้และบอกว่าจะช่วยหาเงินมาใช้ช่วย และเรื่องหนี้ที่ผู้จัดการยัดให้ผม 24,000 บาท ที่บอกมาตลอดว่าหักออกให้แล้วแต่ยังไม่หัก แต่ตอนนี้ไม่รู้หักออกให้หรือยังนะครับ ล่าสุดบอกว่าหักให้แล้ว แต่ผมเอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้ครับ (ถึงหักออกแล้วแต่เขาก็ตั้งใจจะโยนหนี้ให้ตั้งแต่ทีแรก จนผมเช็คเอกสารเอาไปยืนยันกับเขา เขาถึงยอมรับ แบบวินาทีสุดท้ายครับ)
2.คลิปที่คุยกับพนักงงานคนขับรถ บอกว่ากรณีเหมือนผมเกิดขึ้นบ่อย เขาทำงานมา 7-8 ปี รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนใหญ่กรณีผมจะเกิดกับเซลล์ที่ไม่ค่อยเช็คของ(ผมพลาดตรงที่ผมไม่ค่อยเช็คของจริงๆครับ)
พนง.ขับรถบอกว่าหัวหน้าฝ่ายขายพยายามให้เขาเป็นเซลล์ แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นยังไง จึงไม่กล้าขึ้นมาเป็นเซลล์

3.หลักฐานที่เป็นเอกสารที่ทำให้รู้ว่าเช็คเกอร์จงใจโกงผมคือทำเอกสารขึ้นมาใหม่ 1 ฉบับแบบไม่มีลายเซ็น แต่ผมได้เจอต้นฉบับจริงๆ คือมันมีลายเซ็นครับของเช็คเกอร์ครับ

4.มีเอกสารการรับของที่ไม่มีลายเซ็นผม และเป็นลายเซ็นเช็คเกอร์

ปล.เรื่องนี้ ผจก.ภาคก็ทราบเรื่องดีนะครับ ทราบมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบเปรียบเทียบ หรือเทียบเคียงกับสาขาอื่น ว่ากรณีนี้ ต้นทางมันผิดปรกติอย่างไร?
ผมเป็นเซลล์มีหน้าที่ขาย ต้องไปไล่ถามจับผิดเอาเอง
ขอบอกเลยว่าเหนื่อยครับ เอกสารที่เช็คเกอร์ กับธุรการทำในระบบ เซลล์ก็ดูไม่เข้าใจหรอกครับ มันสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากๆ

เพื่อนๆคิดว่า ผมควรส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่ไหมครับ ผมได้ติดต่อ สนง.ใหญ่ไว้แล้ว เขาบอกให้ผมส่งเอกสารไปให้ครับ  และหลักฐานแค่นี้มันเพียงพอหรือไม่ เพราะมันยังหาเอกสารของหนี้ที่เกินมาไม่ได้ หรือผมต้องทำอย่างไรครับ รบกวนด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่