สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพย์นะคะ
วันนี้มีร้านอาหารเปิดใหม่มารีวิวความอร่อยให้เพื่อนๆตามไปลองชิมกันค่ะ
การตามรอยรัานนี้เกิดจากเพื่อนสนิทเราทำงานอยู่แถวๆ k village และถ่ายรูปอาหารร้านนี้มา เลยเป็นบ่อเกิดของการตามรอยไปชิมค่ะ
ร้านอาหารญี่ปุ่น Mekiki No Ginji เปิดอยู่ที่ K village จากการสอบถาม(เพื่อน) หาข้อมูล(มั่วเล็กน้อย) ก็ได้ความมาว่า (ไม่รู้ถูกมั้น) เป็นร้านอาหาีที่เป็นสาขามาจากญี่ปุ่นค่ะ ร้านนี้เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 3 เดือน เพราะฉะนั้นความใหม่ของร้าน รับประกันค่ะ
ร้านหาไม่ยากค่ะ ลักษณะของร้านภายนอกเป็นถังไม้ค่ะ สังเกตง่าย มีทั้ง indoor และ outdoor ค่ะ
เราลองมาดูรูปรวมๆของร้านก่อนนะคะ (ขออนุญาตยืมรูปจาก facebook ร้านค่ะ)
บรรยากาศดีทีเดียวนะคะ วันที่เราไปเราไปช่วงกลางวันค่ะ ลืมแจ้งนิดหน่อยว่า ที่นี่เปิดให้บริกาีสองรอบนะคะ จำรายละเอียดได้แค่ว่ารอบกลางวันเปิดถึงบ่าย 3 ค่ะ
วันนี้นั่งทาน indoor ค่ะ ละก็นั่งในถังด้วย ลักษณะเป็นห้องนะคะ นั่งได้ประมาณ 8 คน
อันนี้รูปภาพน้องปลาในห้องค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปรวมๆมา (ไม่ได้ตั้งใจว่าจะรีวิวตอนแรกน่ะค่ะ)
กระโดดมาดูเมนูเลยดีกว่าค่ะ ถ่ายมาไม่ครบนะคะ แต่อาหารราคาไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ เรารับได้
สั่งอาหารเรียบร้อยละค่ะ ระหว่างรออาหารมา ก็ไปตักสลัด กับเทมปุระผักมาทานเล่นค่ะ
สลัดกับเทมปุระ สามารถตัดทานได้ตลอดนะคะ จะอยู่ที่โต๊ะกลางร้านค่ะ
เทมปุระผักอร่อยดีค่ะ แปลกดี ไม่ได้ทานกับน้ำจิ้ม ทางร้านแนะนำ ว่าให้ทานกับเหลือค่ะ อร่อยไปอีกแบบ แต่คุณนายที่ไปด้วยจัดไป 4 ชิ้น คงจะชอบมาก
อาหารมาเสิร์ฟละค่ะ วันนี้สั่งไปทั้งหมด 3 อย่าง
เริ่มเลยค่ะ
จานแรกชื่อว่า salmon oshi sushi เป็นข้าวหน้าแซลมอนเบิร์นหน้ามาเล็กๆ ราดมายองเนส ข้าวจะแข็งๆหน่อย ไม่นุ่มเท่าข้าวพวกข้าวปั้น แต่อาหารจานนี้หอมมากค่ะ ไม่รู้หอมอะไรแยกแยะไม่ได้ เพราะมัวแต่มีความสุข ที่คนที่ไปกินด้วยแฮปปี้ มีทั้งหมด 4 ชิ้น เรากินไปแค่ 1 เอง แต่ยังติดใจนะคะ
จานต่อมา
จานนี้ ชื่อ hotate sumiyaki เป็นหอยเชลล์นำเข้าจากฮอกไกโด จริงๆสามารถจะเลือกทานเป็นซาซิมิก็ได้ แต่ของเราเลือกแบบย่างถ่านกับเนย กลิ่นหอมอีกแล้ว หอมเนย สุขสุดๆ เวลาเสิร์ฟ จะวางมาบนจาน แล้วจะจุดไฟเพื่อให้เดือด มีไฟลุกอารมณ์ประมาณนั้น จานนี้ก็ฟินอีกละค่ะ แต่เสียอย่างเดียว คือ เล็กไปหน่อย กินไม่พอ ส่วนคนที่ไปด้วยรึ นางก็แฮปปี้มากค่ะ
มาสู่จานสุดท้าย จานต้นเหตุที่ส่งผลให้ต้องไปตามรอยร้านนี้ค่ะ
ชื่อเมนู คือ Mekiki No Goten Oke Mori Sashi หรือเรียกง่ายๆว่า ซาซิมิรวม ประกอบไปด้วยปลา 5 ชนิด ตามแต่ละวัน โดยที่จะมี 2 อย่างที่เหมือนเดิม คือ ปลาแซลม่อนติดมัน กับ ปลาแซลม่อนนำเข้าจากยุโรป อาหารเวลาเสิร์ฟหน้าตาดูดีมากค่ะ มี dry ice ทำให้อาหารดูหรูหรา
ที่บอกว่าตามรอยมาเพราะจานนี้ เพราะจานนี้ราคา 299 บาทเท่านั้นค่ะ ติดใจสุดๆ
สรุปมื้อนี้ สนนราคาไปแบงค์สีเทา 1 ใบ แล้วเหลือค่ารถกลับบ้านค่ะ
สำหรับอาหารมื้อนี้นั้น ราคาอาจจะแพงกว่าฟูจิ หรือเซน แต่ก็ไม่ได้เวอร์มากค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะสั่งอะไร ส่วนรสชาต ขอไม่กล่าวถึงนะคะ เพราะปากแต่ละคน ความชอบไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเรา เราพอใจนะคะ เห็นคนที่พาไปด้วยสุข เราก็สุขละค่ะ
สิ่งที่ประทับใจคือการบริการค่ะ พนักงานก็อาจจะมีทั้งน่ารักไม่น่ารักปะปนกันไป เข้าใจว่าน่าจะเหนื่อย แต่ที่ขอชื่นชม คือ ตอนเสิร์ฟจานหอยเชลล์ ที่ต้องจุดไฟน่ะค่ะ รอบแรกยกมาจุดไฟไม่ติด น้องก็นำไปเติมแอลกอฮอล์อีกที ยกมาอีกรอบ ยังจุดไม่ติด ตอนแรกเราบอกไม่เป็นไรค่ะ
น้องเค้าก็แบบ ไม่เป็นไรค่ะ จะพยายามจุดให้ จนมีน้องอีกคน เดินเอาแอลฯมาให้ที่โต๊ะ น้องบอกว่า อยากให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปอาหารสวยๆ ได้ใจเลยค่ะ จุดนี้ เลยทำให้คิดว่า จะมารีวิวร้านนี้ค่ะ
สุดท้าย ฝากรูปคุณนายแบบเซนเซอร์ไว้หน่อยนะคะ นางเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตค่ะ ให้ขยันทำงาน จะได้มีรายได้ พานางไปเพิ่มความอ้วนได้ทุกเดือนค่ะ (กลัวถ้าไม่เซนเซอร์ จะเห็นว่านางสุขจนแก้มจะปริละค่ะ)
สุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ยังอยู่ในช่วงมือใหม่หัดรีวิว ถ้ายังไง ติชมได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ
[CR] Review : Mekiki no Ginji...Japanese Restaurant Photo by iPhone5
วันนี้มีร้านอาหารเปิดใหม่มารีวิวความอร่อยให้เพื่อนๆตามไปลองชิมกันค่ะ
การตามรอยรัานนี้เกิดจากเพื่อนสนิทเราทำงานอยู่แถวๆ k village และถ่ายรูปอาหารร้านนี้มา เลยเป็นบ่อเกิดของการตามรอยไปชิมค่ะ
ร้านอาหารญี่ปุ่น Mekiki No Ginji เปิดอยู่ที่ K village จากการสอบถาม(เพื่อน) หาข้อมูล(มั่วเล็กน้อย) ก็ได้ความมาว่า (ไม่รู้ถูกมั้น) เป็นร้านอาหาีที่เป็นสาขามาจากญี่ปุ่นค่ะ ร้านนี้เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 3 เดือน เพราะฉะนั้นความใหม่ของร้าน รับประกันค่ะ
ร้านหาไม่ยากค่ะ ลักษณะของร้านภายนอกเป็นถังไม้ค่ะ สังเกตง่าย มีทั้ง indoor และ outdoor ค่ะ
เราลองมาดูรูปรวมๆของร้านก่อนนะคะ (ขออนุญาตยืมรูปจาก facebook ร้านค่ะ)
บรรยากาศดีทีเดียวนะคะ วันที่เราไปเราไปช่วงกลางวันค่ะ ลืมแจ้งนิดหน่อยว่า ที่นี่เปิดให้บริกาีสองรอบนะคะ จำรายละเอียดได้แค่ว่ารอบกลางวันเปิดถึงบ่าย 3 ค่ะ
วันนี้นั่งทาน indoor ค่ะ ละก็นั่งในถังด้วย ลักษณะเป็นห้องนะคะ นั่งได้ประมาณ 8 คน
อันนี้รูปภาพน้องปลาในห้องค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปรวมๆมา (ไม่ได้ตั้งใจว่าจะรีวิวตอนแรกน่ะค่ะ)
กระโดดมาดูเมนูเลยดีกว่าค่ะ ถ่ายมาไม่ครบนะคะ แต่อาหารราคาไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ เรารับได้
สั่งอาหารเรียบร้อยละค่ะ ระหว่างรออาหารมา ก็ไปตักสลัด กับเทมปุระผักมาทานเล่นค่ะ
สลัดกับเทมปุระ สามารถตัดทานได้ตลอดนะคะ จะอยู่ที่โต๊ะกลางร้านค่ะ
เทมปุระผักอร่อยดีค่ะ แปลกดี ไม่ได้ทานกับน้ำจิ้ม ทางร้านแนะนำ ว่าให้ทานกับเหลือค่ะ อร่อยไปอีกแบบ แต่คุณนายที่ไปด้วยจัดไป 4 ชิ้น คงจะชอบมาก
อาหารมาเสิร์ฟละค่ะ วันนี้สั่งไปทั้งหมด 3 อย่าง
เริ่มเลยค่ะ
จานแรกชื่อว่า salmon oshi sushi เป็นข้าวหน้าแซลมอนเบิร์นหน้ามาเล็กๆ ราดมายองเนส ข้าวจะแข็งๆหน่อย ไม่นุ่มเท่าข้าวพวกข้าวปั้น แต่อาหารจานนี้หอมมากค่ะ ไม่รู้หอมอะไรแยกแยะไม่ได้ เพราะมัวแต่มีความสุข ที่คนที่ไปกินด้วยแฮปปี้ มีทั้งหมด 4 ชิ้น เรากินไปแค่ 1 เอง แต่ยังติดใจนะคะ
จานต่อมา
จานนี้ ชื่อ hotate sumiyaki เป็นหอยเชลล์นำเข้าจากฮอกไกโด จริงๆสามารถจะเลือกทานเป็นซาซิมิก็ได้ แต่ของเราเลือกแบบย่างถ่านกับเนย กลิ่นหอมอีกแล้ว หอมเนย สุขสุดๆ เวลาเสิร์ฟ จะวางมาบนจาน แล้วจะจุดไฟเพื่อให้เดือด มีไฟลุกอารมณ์ประมาณนั้น จานนี้ก็ฟินอีกละค่ะ แต่เสียอย่างเดียว คือ เล็กไปหน่อย กินไม่พอ ส่วนคนที่ไปด้วยรึ นางก็แฮปปี้มากค่ะ
มาสู่จานสุดท้าย จานต้นเหตุที่ส่งผลให้ต้องไปตามรอยร้านนี้ค่ะ
ชื่อเมนู คือ Mekiki No Goten Oke Mori Sashi หรือเรียกง่ายๆว่า ซาซิมิรวม ประกอบไปด้วยปลา 5 ชนิด ตามแต่ละวัน โดยที่จะมี 2 อย่างที่เหมือนเดิม คือ ปลาแซลม่อนติดมัน กับ ปลาแซลม่อนนำเข้าจากยุโรป อาหารเวลาเสิร์ฟหน้าตาดูดีมากค่ะ มี dry ice ทำให้อาหารดูหรูหรา
ที่บอกว่าตามรอยมาเพราะจานนี้ เพราะจานนี้ราคา 299 บาทเท่านั้นค่ะ ติดใจสุดๆ
สรุปมื้อนี้ สนนราคาไปแบงค์สีเทา 1 ใบ แล้วเหลือค่ารถกลับบ้านค่ะ
สำหรับอาหารมื้อนี้นั้น ราคาอาจจะแพงกว่าฟูจิ หรือเซน แต่ก็ไม่ได้เวอร์มากค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะสั่งอะไร ส่วนรสชาต ขอไม่กล่าวถึงนะคะ เพราะปากแต่ละคน ความชอบไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเรา เราพอใจนะคะ เห็นคนที่พาไปด้วยสุข เราก็สุขละค่ะ
สิ่งที่ประทับใจคือการบริการค่ะ พนักงานก็อาจจะมีทั้งน่ารักไม่น่ารักปะปนกันไป เข้าใจว่าน่าจะเหนื่อย แต่ที่ขอชื่นชม คือ ตอนเสิร์ฟจานหอยเชลล์ ที่ต้องจุดไฟน่ะค่ะ รอบแรกยกมาจุดไฟไม่ติด น้องก็นำไปเติมแอลกอฮอล์อีกที ยกมาอีกรอบ ยังจุดไม่ติด ตอนแรกเราบอกไม่เป็นไรค่ะ
น้องเค้าก็แบบ ไม่เป็นไรค่ะ จะพยายามจุดให้ จนมีน้องอีกคน เดินเอาแอลฯมาให้ที่โต๊ะ น้องบอกว่า อยากให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปอาหารสวยๆ ได้ใจเลยค่ะ จุดนี้ เลยทำให้คิดว่า จะมารีวิวร้านนี้ค่ะ
สุดท้าย ฝากรูปคุณนายแบบเซนเซอร์ไว้หน่อยนะคะ นางเป็นแรงบันดาลใจในชีวิตค่ะ ให้ขยันทำงาน จะได้มีรายได้ พานางไปเพิ่มความอ้วนได้ทุกเดือนค่ะ (กลัวถ้าไม่เซนเซอร์ จะเห็นว่านางสุขจนแก้มจะปริละค่ะ)
สุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ยังอยู่ในช่วงมือใหม่หัดรีวิว ถ้ายังไง ติชมได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ