ความอยุติธรรมมีอยู่ในทุกหย่อมหญ้าแห่งสังคมไทยจริงๆ ค่ะ
ผู้เขียนสร้างกระทู้นี้ขึ้นเพื่อต้องการแชร์ประสบการณ์อันเจ็บปวดของครูและเด็กกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความทุเรศของระบบการศึกษาไทย
ร้องเรียนกับหน่วยงานใดก็เงียบหาย ติดตามไปก็ไร้คำอธิบายกลับมา
ในขณะที่การแข่งขันระดับประเทศกำลังจะเริ่มขึ้น เหยียบย่ำกำลังใจ ทำลายความเชื่อมั่นในคุณความดี...ลองอ่านดูนะคะ เอาจม.ร้องเรียนที่ส่งไปมาแชร์ค่ะ
เรื่อง ขอคำชี้แจงกรณีความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติราชการ
เรียน นายสนิท แย้มเกสร
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำเนาถึง ศูนย์บริการประชาชน กระทรวงศึกษาธิการ
สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสารหลักฐานรายนามคณะกรรมการ และรายละเอียดการปฏิบัติกิจกรรม
ตามที่สำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียนได้จัดการประกวดแข่งขันหนังสือเล่มเล็ก กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในงานศิลปหัตถกรรมครั้งที่ 63 ขึ้น ในระดับภาคกลางและภาคตะวันออก มี สพม.10 จังหวัดเพชรบุรีเป็นคณะกรรมการจัดงานหลัก ดิฉันผู้ฝึกซ้อมนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าว มีข้อสงสัยและข้อร้องเรียนในหลายประการ ดังต่อไปนี้
ประการแรก ข้อสงสัยในขั้นตอนการคัดเลือกกรรมการตัดสินในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีค่าตอบแทนการปฏิบัติราชการ แต่การคัดเลือกใช้วิธีการรับสมัครโดยตรง จึงทำให้ไม่เป็นไปตามระเบียบข้อเสนอแนะที่ทางสกก.ได้กำหนดไว้ กล่าวคือ กำหนดไว้ว่า คุณสมบัติของคณะกรรมการให้เป็นศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย,การส่งเสริมการอ่าน,ห้องสมุดมีชีวิต เป็นครูที่ทำการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ครูบรรณารักษ์ หรือครูผู้ทำหน้าที่ ครูบรรณารักษ์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านภาษาไทย,บรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์,นักเขียนหรือนักวาดภาพหนังสือเด็ก,หนังสือสำหรับวัยรุ่น โดยข้อกำหนดคือ
- กรรมการที่เป็นครูผู้สอนต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขันและกรรมการที่เป็นศึกษานิเทศก์ต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาในเขตของตนเข้าแข่งขัน
- กรรมการที่มาจากครูผู้สอนควรแต่งตั้งให้ตัดสินในระดับชั้นที่ทำการสอน
- กรรมการควรมีที่มาจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ หลายเขตพื้นที่หลากหลาย
ทว่าคณะกรรมการที่เข้าตัดสินทั้งหมด 5 ท่าน ได้แก่
1. นายมณฑกานต์ จิตกล้า ประธานกรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา
2. นางสาวนภัสนันท์ วรรณศิริ รองประธานกรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนศรียานุสรณ์
3. นายจิรวัฒน์ บุญครอง กรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบ่อสุพรรณวิทยา
4. นางอรุณวรรณ ไตรสรณะพงษ์ กรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเมืองสมุทรสงคราม
5. นางสุนันทา ปฐมนุพงศ์ กรรมการและเลขานุการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางบัวทอง
ซึ่งแสดงให้เห็นข้อสังเกตถึงความไม๋โปร่งใสในการตัดสินดังนี้
1. คณะกรรมการทั้ง 5 ท่านเป็นครูมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยทั้งหมด ทำให้ขาดผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านอื่นๆ ประกอบ ซึ่งมีคะแนนกว่า 50% ในการตัดสิน ทั้งในเรื่องการเข้าเล่ม การวาดภาพระบายสี การทำ Story Board และความสวยงามการตกแต่งรูปเล่ม
2. ประธานกรรมการเป็นครูผู้ช่วยมาจากโรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ เหรียญทองในการแข่งขัน ทั้งที่มีข้อกำหนดว่ากรรมการที่เป็นครูต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขัน จึงเกิดความไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรมในการตัดสิน
3. นางอรุณวรรณ ไตรสรณะพงษ์ หนึ่งในกรรมการตัดสิน เป็นครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาใช่หรือไม่ เหตุใดจึงสามารถตัดสินกิจกรรมในระดับมัธยมศึกษา
ประการที่สอง การจัดสถานที่แข่งขันหนังสือเล่มเล็กได้จัดให้ดำเนินการแข่งขันพร้อมกันทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ในห้องเดียวกัน ซึ่งทำให้เห็นข้อแตกต่างในการดำเนินการจัดการแข่งขันหลายประการ ดังนี้
1. ก่อนเข้าแข่งขันคณะกรรมการระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ได้ดำเนินการตรวจอุปกรณ์ของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่พึงกระทำ แต่คณะกรรมการระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้คัดเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ที่กรรมการพิจารณาตีความเองว่าห้ามใช้ ทั้งที่นักเรียนต้องใช้ในการเข้าเล่ม และการทำหน้าปก ออกทั้งหมด อาทิ กระดาษโมเดลที่ใช้สำหรับการทำไส้ปกแข็ง กระดาษสีที่ใช้สำหรับหุ้มปก การดาษร้อยปอนด์ขนาดเอสี่ที่พับครึ่งมาก่อน (แค่พับครึ่งโดยยังไม่ได้ขีดเขียนหรือทำสิ่งใดอันเป็นการเตรียมการทุจริตทั้งสิ้น) ส่งผลให้นักเรียนหลายโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์ใช้ในการแข่งขัน และหลายโรงเรียนอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเรียนที่เข้าแข่งขัน ทำให้ไม่สามารถสร้างผลงานได้เต็มที่อย่างที่ฝึกซ้อมมา
ในขณะที่กรรมการให้เหตุผลว่าทุกโรงเรียนก็ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน และเป็นความยุติธรรมแล้ว โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้เข้าแข่งขันทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด ถึงกติกาที่เปลี่ยนอย่างกะทันหันตามวิจารณญาณของกรรมการตัดสิน
แต่ทว่า หากพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่าเป็นการส่อทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้กับบางโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนที่ฝึกซ้อม หรือจัดเตรียมอุปกรณ์ในลักษณะที่กรรมการต้องการมาก่อนจะได้เปรียบในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า โรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์ของประธานกรรมการผู้ตัดสินระดับมัธยมต้นจะทราบและเตรียมพร้อมซ้อมมาในลักษณะนี้ก่อนหรือไม่ จึงได้รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง และด้วยทัศนะของกรรมการเช่นนี้ใช่หรือไม่จึงทำให้ผลการตัดสินเป็นเช่นนี้ โรงเรียนที่เคยได้เหรียญทอง และเหรียญต่างๆ หลายโรงเรียนในครั้งนี้ถูกหักคะแนนมากถึงขนาดได้รับเพียงเกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
ซึ่งพฤติการณ์อันไม่สมเหตุสมผลนี้ ไม่ปรากฏในการดำเนินงานของคณะกรรมการระดับมัธยมปลายซึ่งแข่งขันอยู่ในห้องเดียวกัน และอนุญาตให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเล่มและปกแข็งได้ตามกติกาที่ทางคณะกรรมการกลางและผู้ประสานงานจาก สกก. ได้ให้ข้อมูล โดยดิฉันได้ติดต่อประสานงานกับทั้งสองท่านก่อนหน้านี้ เพื่อถามรายละเอียดการเข้าเล่ม ข้อห้าม ข้อกำหนดกติกาอื่นๆ อันไม่ได้ระบุในเกณฑ์ ในการแข่งขันระดับเขต และในการแข่งขันระดับภาคได้ปรึกษากับผู้ประสานงาน พ.จ.อ.แดงรัตน์ชัย คงสม ซึ่งท่านได้ชี้แจงว่าทางกรรมการกลางสพฐ.ไม่ได้ห้าม และไม่มีข้อกำหนดเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำปกแข็ง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการหุ้มปก เพียงกำหนดแค่ว่าไม่ให้เตรียมทำมาล่วงหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ดิฉันจะได้เรียนให้กรรมการตัดสินของระดับมัธยมต้นทราบแล้วที่สนามแข่งขัน แต่ก็ยังได้รับการยืนยันว่ากรรมการมีสิทธิ์ขาดในการกำหนดเกณฑ์ขึ้นเองได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเกณฑ์กลาง เมื่อดิฉันสอบถามเพิ่มเติมว่าหากไปแข่งขันรายการนี้ที่อื่น หรือในระดับประเทศต่อไป จะใช้เกณฑ์นี้เช่นเดียวกันหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าแล้วแต่กรรมการในแต่ละการแข่งขัน ซึ่งแสดงให้เห็นความไม่มีมาตรฐานในการตัดสินอย่างยิ่ง โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ดิฉันได้ปรึกษาและสอบถามกับคณะกรรมการระดับมัธยมปลาย ก็ได้รับคำตอบว่าการดำเนินการของมัธยมต้นไม่เป็นไปในทางเดียวกับมัธยมปลายซึ่งปฏิบัติตามกติกากลางได้ครบถ้วน เพราะเมื่อมีการประชุมทำความเข้าใจ คณะกรรมการมัธยมต้นไม่ได้เข้าร่วมการประชุมทำให้ความเข้าใจและการตีความคลาดเคลื่อน ในที่สุดแล้วความเสียหายจึงเกิดกับนักเรียนใช่หรือไม่
2. ในขณะดำเนินการแข่งขันคณะกรรมการได้แสดงพฤติกรรมที่บั่นทอนกำลังใจนักเรียนที่เข้าแข่งขันหลายประการ อาทิ การเดินมาหยุดดูและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนักเรียน ใช้คำพูดไม่เหมาะสม เช่น “ลายมือแบบนี้จะได้สักกี่คะแนนเนี่ย” “นี่เธอวาดรูปอะไรของเธอดูไม่ออกเลย” เป็นต้น โดยในประเด็นนี้ดิฉันอาจไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันได้เนื่องจากเป็นเพียงคำบอกเล่าจากนักเรียนโรงเรียนอื่น ที่กำลังร้องไห้เล่าให้ครูผู้ฝึกสอนซึ่งนั่งข้างๆ กันฟังหลังจากแข่งเสร็จ แต่ทำให้เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า คณะกรรมการที่เป็นครูภาษาไทยทั้งหมดจะมีหลักการ และเกณฑ์ในการตรวจให้คะแนนภาพวาด การเข้าเล่ม การตกแต่ง ที่มีมาตรฐานหรือไม่ หรือใช้มาตรฐานเพียงชอบ-ไม่ชอบ อันเป็นทัศนะส่วนบุคคลโดยปราศจากหลักการทางด้านศิลปะ
3. เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน ในระดับชั้นมัธยมปลายได้อนุญาตให้ครูผู้ฝึกสอนสามารถถ่ายภาพผลงานของโรงเรียนตนเองได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพผลงานโรงเรียนอื่น แต่คณะกรรมการระดับมัธยมต้นไม่อนุญาตแม้แต่จะถ่ายภาพผลงานตนเอง โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เกิดปัญหา ดิฉันจึงตั้งข้อสงสัยว่าหากคณะกรรมการตัดสินด้วยเกณฑ์มาตรฐานและความยุติธรรม ปัญหาที่อ้างว่าจะเกิดนั้นคืออะไร นอกเสียจากว่าได้มีการเตรียมการเรื่องการตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมไว้ก่อนแล้ว หากมิเช่นนั้นควรสามารถให้ผู้อื่นเห็นผลงานของตนเองได้เพื่อนำมาพัฒนานักเรียนอันเป็นเยาวชนของชาติต่อไป
4. อุปกรณ์ของแต่ละโรงเรียนที่คณะกรรมการได้ยึดไว้ก่อนการแข่งขัน อาทิ กระดาษสา กระดาษสี กระดาษโมเดล ฯลฯ เมื่อนักเรียนไปขอคืนหลังจบการแข่งขันคณะกรรมการกลับไม่คืนให้ โดยอ้างว่ายึดแล้วยึดเลย ดิฉันจึงตั้งข้อสังเกตว่า กระดาษสาราคาแผ่นละประมาณ 15 บาท กระดาษโมเดลราคาแผ่นละ 55 บาท โรงเรียนละหลายแผ่น รวมทั้งหมดหลายสิบโรงเรียน คณะกรรมการจะนำอุปกรณ์เหล่านั้นไปทำอะไร และแสดงให้เห็นการทุจริตไม่โปร่งใสใช่หรือไม่
ประการที่สาม ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้คะแนน และการประเมินผลกิจกรรมการแข่งขันระดับภาคครั้งนี้ เนื่องจากในระดับเขตคณะกรรมการจะแสดงความโปร่งใสโดยการให้ครูผู้ฝึกสอนนักเรียนเห็นถึงใบลงคะแนน ซึ่งประกอบด้วย Rubric score ชัดเจน และมีใบประเมินการดำเนินงานให้ครูผู้ฝึกสอน และนักเรียนประเมินผลการจัดกิจกรรม แต่ในระดับภาคครั้งนี้นอกจากจะไม่มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ยังแสดงความไม่โปร่งใสหลายเรื่องดังกล่าวข้างต้น ก่อให้เกิดข้อสงสัยในความรู้ความสามารถของคณะกรรมการ เนื่องจากดิฉันได้เรียนถามในขณะแข่งว่าหากไม่มีกระดาษโมเดลนักเรียนจะเข้าเล่มปกแข็งได้อย่างไร แต่กรรมการไม่รู้จักแม้แต่กระดาษโมเดล แล้วจะสามารถตัดสินผลงานได้อย่างมีมาตรฐานหรือไม่
จากข้อร้องเรียนดังกล่าวข้างต้น ดิฉันขอให้ท่านเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการแข่งขันระดับประเทศจะเริ่มดำเนินการ โดยหากเป็นจริงตามที่ร้อง ดิฉันขอให้ทางสพฐ.ได้ดำเนินการยกเลิกผลการตัดสินดังกล่าว และให้ความเป็นธรรมแก่นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน
ดิฉันเคยนำนักเรียนเข้าแข่งขันในกิจกรรมหนังสือเล่มเล็กทั้งระดับมัธยมต้น และมัธยมปลายมาหลายปี หลายสถานที่ มีประสบการณ์ในการพูดคุยกับกรรมการหลายชุด ไม่เคยพบพฤติการณ์ที่แสดงความไม่โปร่งใสชัดเจนถึงเพียงนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการประกวดสามารถใช้ประกอบอ้างอิงกับกระบวนการทำผลงานของครู
จึงขอให้ทางสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โปรดกรุณาตรวจสอบ และอธิบายข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อความโปร่งใสยุติธรรมในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ และครั้งอื่นๆ ต่อไป และเพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียนที่เข้าแข่งขัน และนักเรียนที่ได้รับทราบเรื่องราว จะได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นเสาหลักหนึ่งในวงการการศึกษาของชาติ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม กระบวนการจัดการศึกษา การจัดการแข่งขัน และสร้างความเชื่อถือในวิชาชีพครูต่อไปในอนาคต
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และตรวจสอบข้อเท็จจริง
แม้จะได้ติดตามถามไถ่ สิ่งที่ได้ตอบกลับมามีเพียงความเฉยเมย ทราบมาว่ายังมีอีกหลายการประกวดที่มีปัญหา และร้องเรียนไปเช่นกัน เชื่อว่าคงได้ความเงียบเช่นเดียวกัน
ท้อแท้ค่ะ...ที่สำคัญ ไม่รู้จะบอกเด็กว่าอย่างไร
กระทู้นี้แม้จะใส่ชื่อผู้เกี่ยวข้องต่างๆ แต่คิดว่าคงไม่ผิดใช่มั้ยคะเพราะไม่ใช่ความลับ ทุกอย่างอยู่ในเว็บเขตอยู่แล้วค่ะ
เสียใจจริงๆกับความเงียบของสพฐ.และสกก.
กำลังคิดว่าจะรวมกลุ่มครูและนักเรียนไปม็อปประท้วงที่งานระดับชาติบ้างดีมั้ย จะได้ทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ และเผื่อจะได้รับความสนใจบ้าง!
บทเรียนและความเจ็บปวดจากศิลปหัตถกรรม ครั้งที่ 63
ผู้เขียนสร้างกระทู้นี้ขึ้นเพื่อต้องการแชร์ประสบการณ์อันเจ็บปวดของครูและเด็กกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับความทุเรศของระบบการศึกษาไทย
ร้องเรียนกับหน่วยงานใดก็เงียบหาย ติดตามไปก็ไร้คำอธิบายกลับมา
ในขณะที่การแข่งขันระดับประเทศกำลังจะเริ่มขึ้น เหยียบย่ำกำลังใจ ทำลายความเชื่อมั่นในคุณความดี...ลองอ่านดูนะคะ เอาจม.ร้องเรียนที่ส่งไปมาแชร์ค่ะ
เรื่อง ขอคำชี้แจงกรณีความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติราชการ
เรียน นายสนิท แย้มเกสร
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำเนาถึง ศูนย์บริการประชาชน กระทรวงศึกษาธิการ
สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสารหลักฐานรายนามคณะกรรมการ และรายละเอียดการปฏิบัติกิจกรรม
ตามที่สำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียนได้จัดการประกวดแข่งขันหนังสือเล่มเล็ก กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในงานศิลปหัตถกรรมครั้งที่ 63 ขึ้น ในระดับภาคกลางและภาคตะวันออก มี สพม.10 จังหวัดเพชรบุรีเป็นคณะกรรมการจัดงานหลัก ดิฉันผู้ฝึกซ้อมนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าว มีข้อสงสัยและข้อร้องเรียนในหลายประการ ดังต่อไปนี้
ประการแรก ข้อสงสัยในขั้นตอนการคัดเลือกกรรมการตัดสินในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีค่าตอบแทนการปฏิบัติราชการ แต่การคัดเลือกใช้วิธีการรับสมัครโดยตรง จึงทำให้ไม่เป็นไปตามระเบียบข้อเสนอแนะที่ทางสกก.ได้กำหนดไว้ กล่าวคือ กำหนดไว้ว่า คุณสมบัติของคณะกรรมการให้เป็นศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย,การส่งเสริมการอ่าน,ห้องสมุดมีชีวิต เป็นครูที่ทำการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ครูบรรณารักษ์ หรือครูผู้ทำหน้าที่ ครูบรรณารักษ์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านภาษาไทย,บรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์,นักเขียนหรือนักวาดภาพหนังสือเด็ก,หนังสือสำหรับวัยรุ่น โดยข้อกำหนดคือ
- กรรมการที่เป็นครูผู้สอนต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขันและกรรมการที่เป็นศึกษานิเทศก์ต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาในเขตของตนเข้าแข่งขัน
- กรรมการที่มาจากครูผู้สอนควรแต่งตั้งให้ตัดสินในระดับชั้นที่ทำการสอน
- กรรมการควรมีที่มาจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ หลายเขตพื้นที่หลากหลาย
ทว่าคณะกรรมการที่เข้าตัดสินทั้งหมด 5 ท่าน ได้แก่
1. นายมณฑกานต์ จิตกล้า ประธานกรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา
2. นางสาวนภัสนันท์ วรรณศิริ รองประธานกรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนศรียานุสรณ์
3. นายจิรวัฒน์ บุญครอง กรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบ่อสุพรรณวิทยา
4. นางอรุณวรรณ ไตรสรณะพงษ์ กรรมการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเมืองสมุทรสงคราม
5. นางสุนันทา ปฐมนุพงศ์ กรรมการและเลขานุการ
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางบัวทอง
ซึ่งแสดงให้เห็นข้อสังเกตถึงความไม๋โปร่งใสในการตัดสินดังนี้
1. คณะกรรมการทั้ง 5 ท่านเป็นครูมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยทั้งหมด ทำให้ขาดผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านอื่นๆ ประกอบ ซึ่งมีคะแนนกว่า 50% ในการตัดสิน ทั้งในเรื่องการเข้าเล่ม การวาดภาพระบายสี การทำ Story Board และความสวยงามการตกแต่งรูปเล่ม
2. ประธานกรรมการเป็นครูผู้ช่วยมาจากโรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ เหรียญทองในการแข่งขัน ทั้งที่มีข้อกำหนดว่ากรรมการที่เป็นครูต้องไม่ตัดสินในกรณีสถานศึกษาของตนเข้าแข่งขัน จึงเกิดความไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรมในการตัดสิน
3. นางอรุณวรรณ ไตรสรณะพงษ์ หนึ่งในกรรมการตัดสิน เป็นครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนเมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาใช่หรือไม่ เหตุใดจึงสามารถตัดสินกิจกรรมในระดับมัธยมศึกษา
ประการที่สอง การจัดสถานที่แข่งขันหนังสือเล่มเล็กได้จัดให้ดำเนินการแข่งขันพร้อมกันทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ในห้องเดียวกัน ซึ่งทำให้เห็นข้อแตกต่างในการดำเนินการจัดการแข่งขันหลายประการ ดังนี้
1. ก่อนเข้าแข่งขันคณะกรรมการระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย ได้ดำเนินการตรวจอุปกรณ์ของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่พึงกระทำ แต่คณะกรรมการระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้คัดเลือกอุปกรณ์ต่างๆ ที่กรรมการพิจารณาตีความเองว่าห้ามใช้ ทั้งที่นักเรียนต้องใช้ในการเข้าเล่ม และการทำหน้าปก ออกทั้งหมด อาทิ กระดาษโมเดลที่ใช้สำหรับการทำไส้ปกแข็ง กระดาษสีที่ใช้สำหรับหุ้มปก การดาษร้อยปอนด์ขนาดเอสี่ที่พับครึ่งมาก่อน (แค่พับครึ่งโดยยังไม่ได้ขีดเขียนหรือทำสิ่งใดอันเป็นการเตรียมการทุจริตทั้งสิ้น) ส่งผลให้นักเรียนหลายโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์ใช้ในการแข่งขัน และหลายโรงเรียนอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเรียนที่เข้าแข่งขัน ทำให้ไม่สามารถสร้างผลงานได้เต็มที่อย่างที่ฝึกซ้อมมา
ในขณะที่กรรมการให้เหตุผลว่าทุกโรงเรียนก็ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน และเป็นความยุติธรรมแล้ว โดยไม่มีการแจ้งให้ผู้เข้าแข่งขันทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด ถึงกติกาที่เปลี่ยนอย่างกะทันหันตามวิจารณญาณของกรรมการตัดสิน
แต่ทว่า หากพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่าเป็นการส่อทุจริต และเอื้อประโยชน์ให้กับบางโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนที่ฝึกซ้อม หรือจัดเตรียมอุปกรณ์ในลักษณะที่กรรมการต้องการมาก่อนจะได้เปรียบในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า โรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์ของประธานกรรมการผู้ตัดสินระดับมัธยมต้นจะทราบและเตรียมพร้อมซ้อมมาในลักษณะนี้ก่อนหรือไม่ จึงได้รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง และด้วยทัศนะของกรรมการเช่นนี้ใช่หรือไม่จึงทำให้ผลการตัดสินเป็นเช่นนี้ โรงเรียนที่เคยได้เหรียญทอง และเหรียญต่างๆ หลายโรงเรียนในครั้งนี้ถูกหักคะแนนมากถึงขนาดได้รับเพียงเกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน
ซึ่งพฤติการณ์อันไม่สมเหตุสมผลนี้ ไม่ปรากฏในการดำเนินงานของคณะกรรมการระดับมัธยมปลายซึ่งแข่งขันอยู่ในห้องเดียวกัน และอนุญาตให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเล่มและปกแข็งได้ตามกติกาที่ทางคณะกรรมการกลางและผู้ประสานงานจาก สกก. ได้ให้ข้อมูล โดยดิฉันได้ติดต่อประสานงานกับทั้งสองท่านก่อนหน้านี้ เพื่อถามรายละเอียดการเข้าเล่ม ข้อห้าม ข้อกำหนดกติกาอื่นๆ อันไม่ได้ระบุในเกณฑ์ ในการแข่งขันระดับเขต และในการแข่งขันระดับภาคได้ปรึกษากับผู้ประสานงาน พ.จ.อ.แดงรัตน์ชัย คงสม ซึ่งท่านได้ชี้แจงว่าทางกรรมการกลางสพฐ.ไม่ได้ห้าม และไม่มีข้อกำหนดเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำปกแข็ง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการหุ้มปก เพียงกำหนดแค่ว่าไม่ให้เตรียมทำมาล่วงหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ดิฉันจะได้เรียนให้กรรมการตัดสินของระดับมัธยมต้นทราบแล้วที่สนามแข่งขัน แต่ก็ยังได้รับการยืนยันว่ากรรมการมีสิทธิ์ขาดในการกำหนดเกณฑ์ขึ้นเองได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเกณฑ์กลาง เมื่อดิฉันสอบถามเพิ่มเติมว่าหากไปแข่งขันรายการนี้ที่อื่น หรือในระดับประเทศต่อไป จะใช้เกณฑ์นี้เช่นเดียวกันหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าแล้วแต่กรรมการในแต่ละการแข่งขัน ซึ่งแสดงให้เห็นความไม่มีมาตรฐานในการตัดสินอย่างยิ่ง โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ดิฉันได้ปรึกษาและสอบถามกับคณะกรรมการระดับมัธยมปลาย ก็ได้รับคำตอบว่าการดำเนินการของมัธยมต้นไม่เป็นไปในทางเดียวกับมัธยมปลายซึ่งปฏิบัติตามกติกากลางได้ครบถ้วน เพราะเมื่อมีการประชุมทำความเข้าใจ คณะกรรมการมัธยมต้นไม่ได้เข้าร่วมการประชุมทำให้ความเข้าใจและการตีความคลาดเคลื่อน ในที่สุดแล้วความเสียหายจึงเกิดกับนักเรียนใช่หรือไม่
2. ในขณะดำเนินการแข่งขันคณะกรรมการได้แสดงพฤติกรรมที่บั่นทอนกำลังใจนักเรียนที่เข้าแข่งขันหลายประการ อาทิ การเดินมาหยุดดูและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนักเรียน ใช้คำพูดไม่เหมาะสม เช่น “ลายมือแบบนี้จะได้สักกี่คะแนนเนี่ย” “นี่เธอวาดรูปอะไรของเธอดูไม่ออกเลย” เป็นต้น โดยในประเด็นนี้ดิฉันอาจไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันได้เนื่องจากเป็นเพียงคำบอกเล่าจากนักเรียนโรงเรียนอื่น ที่กำลังร้องไห้เล่าให้ครูผู้ฝึกสอนซึ่งนั่งข้างๆ กันฟังหลังจากแข่งเสร็จ แต่ทำให้เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า คณะกรรมการที่เป็นครูภาษาไทยทั้งหมดจะมีหลักการ และเกณฑ์ในการตรวจให้คะแนนภาพวาด การเข้าเล่ม การตกแต่ง ที่มีมาตรฐานหรือไม่ หรือใช้มาตรฐานเพียงชอบ-ไม่ชอบ อันเป็นทัศนะส่วนบุคคลโดยปราศจากหลักการทางด้านศิลปะ
3. เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน ในระดับชั้นมัธยมปลายได้อนุญาตให้ครูผู้ฝึกสอนสามารถถ่ายภาพผลงานของโรงเรียนตนเองได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพผลงานโรงเรียนอื่น แต่คณะกรรมการระดับมัธยมต้นไม่อนุญาตแม้แต่จะถ่ายภาพผลงานตนเอง โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เกิดปัญหา ดิฉันจึงตั้งข้อสงสัยว่าหากคณะกรรมการตัดสินด้วยเกณฑ์มาตรฐานและความยุติธรรม ปัญหาที่อ้างว่าจะเกิดนั้นคืออะไร นอกเสียจากว่าได้มีการเตรียมการเรื่องการตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมไว้ก่อนแล้ว หากมิเช่นนั้นควรสามารถให้ผู้อื่นเห็นผลงานของตนเองได้เพื่อนำมาพัฒนานักเรียนอันเป็นเยาวชนของชาติต่อไป
4. อุปกรณ์ของแต่ละโรงเรียนที่คณะกรรมการได้ยึดไว้ก่อนการแข่งขัน อาทิ กระดาษสา กระดาษสี กระดาษโมเดล ฯลฯ เมื่อนักเรียนไปขอคืนหลังจบการแข่งขันคณะกรรมการกลับไม่คืนให้ โดยอ้างว่ายึดแล้วยึดเลย ดิฉันจึงตั้งข้อสังเกตว่า กระดาษสาราคาแผ่นละประมาณ 15 บาท กระดาษโมเดลราคาแผ่นละ 55 บาท โรงเรียนละหลายแผ่น รวมทั้งหมดหลายสิบโรงเรียน คณะกรรมการจะนำอุปกรณ์เหล่านั้นไปทำอะไร และแสดงให้เห็นการทุจริตไม่โปร่งใสใช่หรือไม่
ประการที่สาม ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้คะแนน และการประเมินผลกิจกรรมการแข่งขันระดับภาคครั้งนี้ เนื่องจากในระดับเขตคณะกรรมการจะแสดงความโปร่งใสโดยการให้ครูผู้ฝึกสอนนักเรียนเห็นถึงใบลงคะแนน ซึ่งประกอบด้วย Rubric score ชัดเจน และมีใบประเมินการดำเนินงานให้ครูผู้ฝึกสอน และนักเรียนประเมินผลการจัดกิจกรรม แต่ในระดับภาคครั้งนี้นอกจากจะไม่มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ยังแสดงความไม่โปร่งใสหลายเรื่องดังกล่าวข้างต้น ก่อให้เกิดข้อสงสัยในความรู้ความสามารถของคณะกรรมการ เนื่องจากดิฉันได้เรียนถามในขณะแข่งว่าหากไม่มีกระดาษโมเดลนักเรียนจะเข้าเล่มปกแข็งได้อย่างไร แต่กรรมการไม่รู้จักแม้แต่กระดาษโมเดล แล้วจะสามารถตัดสินผลงานได้อย่างมีมาตรฐานหรือไม่
จากข้อร้องเรียนดังกล่าวข้างต้น ดิฉันขอให้ท่านเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการแข่งขันระดับประเทศจะเริ่มดำเนินการ โดยหากเป็นจริงตามที่ร้อง ดิฉันขอให้ทางสพฐ.ได้ดำเนินการยกเลิกผลการตัดสินดังกล่าว และให้ความเป็นธรรมแก่นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคน
ดิฉันเคยนำนักเรียนเข้าแข่งขันในกิจกรรมหนังสือเล่มเล็กทั้งระดับมัธยมต้น และมัธยมปลายมาหลายปี หลายสถานที่ มีประสบการณ์ในการพูดคุยกับกรรมการหลายชุด ไม่เคยพบพฤติการณ์ที่แสดงความไม่โปร่งใสชัดเจนถึงเพียงนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการประกวดสามารถใช้ประกอบอ้างอิงกับกระบวนการทำผลงานของครู
จึงขอให้ทางสำนักพัฒนากิจกรรมนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โปรดกรุณาตรวจสอบ และอธิบายข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อความโปร่งใสยุติธรรมในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ และครั้งอื่นๆ ต่อไป และเพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียนที่เข้าแข่งขัน และนักเรียนที่ได้รับทราบเรื่องราว จะได้เรียนรู้กระบวนการทำงานของท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นเสาหลักหนึ่งในวงการการศึกษาของชาติ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม กระบวนการจัดการศึกษา การจัดการแข่งขัน และสร้างความเชื่อถือในวิชาชีพครูต่อไปในอนาคต
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และตรวจสอบข้อเท็จจริง
ท้อแท้ค่ะ...ที่สำคัญ ไม่รู้จะบอกเด็กว่าอย่างไร
กระทู้นี้แม้จะใส่ชื่อผู้เกี่ยวข้องต่างๆ แต่คิดว่าคงไม่ผิดใช่มั้ยคะเพราะไม่ใช่ความลับ ทุกอย่างอยู่ในเว็บเขตอยู่แล้วค่ะ
เสียใจจริงๆกับความเงียบของสพฐ.และสกก.
กำลังคิดว่าจะรวมกลุ่มครูและนักเรียนไปม็อปประท้วงที่งานระดับชาติบ้างดีมั้ย จะได้ทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ และเผื่อจะได้รับความสนใจบ้าง!