]
F.........., 22 ชั่วโมงที่แล้ว Block
เฮีย endophine เลือกจะซื้อหุ้นทำอย่างไรครับ
1.ขั้นตอนการเลือกหุ้น มีวิธีอย่างไร
2.เมื่อได้หุ้นแล้ว ต้องรอเวลาซื้อหุ้น หรือทยอยซื้อได้เลยครับ
ส่วของผม
1.เลือกหุ้นจากปันผล 5 เปอร์
2.ดู eps ให้หุ้น 15 บาท eps ต้องใกล้เคียง 1 บาท
3.ดูจากจุด ที่เคยหุ้นขึ้นไปสูง อย่าง หุ้น A เคยขึ้นไปสูงสุด 18 บาท ตอนนี้ 10 บาท เลยตัดสินใจซื้อ เพราะลดลง 80 เปอร์
4.อันนี้ผมขอถามอีกหน่อยครับ ถ้าหุ้นที่เราซื้อมรการเพิ่มทุนเราต้องทำอย่างไรครับ
++++++++++++++++++++++++
คุณ.........
ขอตอบดังนี้ครับ
1.ขั้นตอนการเลือกหุ้น มีวิธีอย่างไร
จะเลือกตามภาพประกอบนี้ครับ
โดยมักจะเลือกซื้อแต่หุ้นที่อยู๋นอก set 50 set 100
2.เมื่อได้หุ้นแล้ว ต้องรอเวลาซื้อหุ้น หรือทยอยซื้อได้เลยครับ
ช่วงก่อนตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่
ถ้าเจอหุ้นที่เชื่อว่า มีแต้มต่อในการซื้อมาก ยีลด์ดี pbv ต่ำ ยิ่ง deต่ำๆ แทบจะไม่มีหนี้สินยิ่งดี
เวลาซื้อ
จะใช้วิธีซื้อล็อตแรกจำนวนน้อยๆ
โดยเคาะซื้อ ด้านเสนอขายข้ามไปสี่ห้าช่อง (เพราะหุ้นส่วนใหญ่ที่ซื่อ มีสภาพคล่องคอน้อย)
ผลของการซื้อแบบนั้น จะมีคนต้องการขาย
จะตั้งขายลงมาเรื่อยๆ จากราคาสูงสุดที่เราซื้อ
ก็จะค่อยๆ ทะยอยซื้อ จนได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ
โดยไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอน อาจจะใช้เวลาซื้อจนครบ ภายในหนึ่งวัน หนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนก็ได้
ส่วนตลาดหุ้นตอนนี้ ถ้าไม่ได้หุ้นที่ให้ยีลด์สิบ
จะซื้อถือกินปันผลช่วงสั้นๆ หรือไม่ก็ขายทำกำไรเอาส่วนเกินทุน
ส่วนที่คุณ........ บอกวิธีการซื้อมา
1.เลือกหุ้นจากปันผล 5 เปอร์เซนต์
ถ้าเป็นตอนนี้ ผมคงจะตั้งเป้ายีลด์ไว้สูงกว่านั้นมาก
เผื่อผลประกอบการบริษัทแย่ลง จ่ายปันผลน้อยลง
จากยีลด์ที่สูง ก็จะลงมาถึงยีลด์เป้าหมายที่เราตั้งไว้
ตอนปีซับไพร์ม ผมตั้งเผื่อให้เงินปันผลลดลง ห้าสิบเปอร์เซนต์
ถ้าลงมาถึง ก็เป็นไปตามเป้า แต่ถ้าปันผลไม่ลด ถือว่าเราถูกแจ็คพอตก็คงได้
2.ดู eps ให้หุ้น 15 บาท eps ต้องใกล้เคียง 1 บาท
หุ้นใน set 50 set 100 สำหรับตลาดตอนนี้ ผมจะให้แค่พีอี สิบ
ส่วนหุ้นนอกกระแสหลัก คงจะให้พีอีไม่เกิน เจ็ด
เพื่อชดเชยการไม่มีสภาพคล่องของหุ้น
3.ดูจากจุด ที่เคยหุ้นขึ้นไปสูง อย่าง หุ้น A เคยขึ้นไปสูงสุด 18 บาท ตอนนี้ 10 บาท เลยตัดสินใจซื้อ เพราะลดลง 80 เปอร์
ราคาหุ้นที่ลดลง ต้องมีพีอีที่ลดลงตาม
ถ้าพีอีไม่ลดลงตาม ผมมีความเห็นว่า หุ้นไม่ได้ถูกลงครับ
มันแสดงว่า ที่แล้วมาซื้อขายกันเกินความจริง และอาจจะเจอผลประกอบการแย่ลง มาซ้ำเติม
4.อันนี้ผมขอถามอีกหน่อยครับ ถ้าหุ้นที่เราซื้อมรการเพิ่มทุนเราต้องทำอย่างไรครับ
ส่วนใหญ่ผมจะขายหุ้นบางส่วนทิ้ง ให้ได้จำนวนเงิน เท่ากับเงินที่ต้องจ่ายจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ตัวสุดท้ายที่ทำคือ ifec ซึ่งตอนนี้ ถือว่าตัดสินใจพลาด (เพราะเรารู้ผลของการกระทำในอดีตแล้ว)
ผมมีความเชื่อว่า
นักลงทุนทุกคน ต้องค้นหาความสามารถที่ตัวเอง จะหาได้จากความรู้ทั่วๆไป
แล้วนำมาใช้มันให้เป็นประโยชน์ เหมาะกับปัจจัยพื้นฐานของตัวเราเอง
ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่อง สูตรสำเร็จในการลงทุน
แต่เชื่อในการ ต่อยอด ดัดแปลง ประยุกตฺ์ใช้ ความรู้ที่ได้มา
อยากจะบอกว่า ที่รอดมาได้จนทุกวันนี้
ความรู้ความสามารถก็ไม่ได้มีมากกว่านักลงทุนทั่วๆไป และมีน้อยกว่า นักลงทุนที่ประสพความสำเร็จสูง เป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่ผมมั่นใจว่าตัวเองมี คือ
รู้จักประมาณ ความรู้ ความสามารถของตัวเอง
และให้คำจำกัดความความรู้ ความสามารถของตัวเองไว้ว่า
ความสามารถที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด และเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้
คือการถือหุ้นที่คิดว่ามันดีๆ ได้ไม่จำกัดเวลา
(ถือหนึ่งนาที หรือถือหนึ่งปี ก็ไม่มีผลแตกต่างต่อสุขภาพจิค)
ส่วนข้อเสียที่สำคัญที่สุด ที่เคยทำมาก่อนคือ ไม่ขาย ไม่ขาดทุน
ตอนนี้ได้พยายามเปลี่ยนเป็นขายทิ้งทุกราคา ที่เชือว่า หุ้นไม่มีแต้มต่อเหลือให้ถือีกต่อไป
ตัวล่าสุดที่ขายขาดทุนราคาหุ้นจนหมดพอร์ต คือ spack
(ได้กำไรจากปันผลสะสมมาชดเชย จนภาพรวม ไม่ได้ขาดทุน)
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ เพื่อนสมาชิกถามมาทางหลังไมค์ ขอตอบหน้าไมค์ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนนักลงทุน
F.........., 22 ชั่วโมงที่แล้ว Block
เฮีย endophine เลือกจะซื้อหุ้นทำอย่างไรครับ
1.ขั้นตอนการเลือกหุ้น มีวิธีอย่างไร
2.เมื่อได้หุ้นแล้ว ต้องรอเวลาซื้อหุ้น หรือทยอยซื้อได้เลยครับ
ส่วของผม
1.เลือกหุ้นจากปันผล 5 เปอร์
2.ดู eps ให้หุ้น 15 บาท eps ต้องใกล้เคียง 1 บาท
3.ดูจากจุด ที่เคยหุ้นขึ้นไปสูง อย่าง หุ้น A เคยขึ้นไปสูงสุด 18 บาท ตอนนี้ 10 บาท เลยตัดสินใจซื้อ เพราะลดลง 80 เปอร์
4.อันนี้ผมขอถามอีกหน่อยครับ ถ้าหุ้นที่เราซื้อมรการเพิ่มทุนเราต้องทำอย่างไรครับ
++++++++++++++++++++++++
คุณ.........
ขอตอบดังนี้ครับ
1.ขั้นตอนการเลือกหุ้น มีวิธีอย่างไร
จะเลือกตามภาพประกอบนี้ครับ
โดยมักจะเลือกซื้อแต่หุ้นที่อยู๋นอก set 50 set 100
2.เมื่อได้หุ้นแล้ว ต้องรอเวลาซื้อหุ้น หรือทยอยซื้อได้เลยครับ
ช่วงก่อนตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่
ถ้าเจอหุ้นที่เชื่อว่า มีแต้มต่อในการซื้อมาก ยีลด์ดี pbv ต่ำ ยิ่ง deต่ำๆ แทบจะไม่มีหนี้สินยิ่งดี
เวลาซื้อ
จะใช้วิธีซื้อล็อตแรกจำนวนน้อยๆ
โดยเคาะซื้อ ด้านเสนอขายข้ามไปสี่ห้าช่อง (เพราะหุ้นส่วนใหญ่ที่ซื่อ มีสภาพคล่องคอน้อย)
ผลของการซื้อแบบนั้น จะมีคนต้องการขาย
จะตั้งขายลงมาเรื่อยๆ จากราคาสูงสุดที่เราซื้อ
ก็จะค่อยๆ ทะยอยซื้อ จนได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ
โดยไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอน อาจจะใช้เวลาซื้อจนครบ ภายในหนึ่งวัน หนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนก็ได้
ส่วนตลาดหุ้นตอนนี้ ถ้าไม่ได้หุ้นที่ให้ยีลด์สิบ
จะซื้อถือกินปันผลช่วงสั้นๆ หรือไม่ก็ขายทำกำไรเอาส่วนเกินทุน
ส่วนที่คุณ........ บอกวิธีการซื้อมา
1.เลือกหุ้นจากปันผล 5 เปอร์เซนต์
ถ้าเป็นตอนนี้ ผมคงจะตั้งเป้ายีลด์ไว้สูงกว่านั้นมาก
เผื่อผลประกอบการบริษัทแย่ลง จ่ายปันผลน้อยลง
จากยีลด์ที่สูง ก็จะลงมาถึงยีลด์เป้าหมายที่เราตั้งไว้
ตอนปีซับไพร์ม ผมตั้งเผื่อให้เงินปันผลลดลง ห้าสิบเปอร์เซนต์
ถ้าลงมาถึง ก็เป็นไปตามเป้า แต่ถ้าปันผลไม่ลด ถือว่าเราถูกแจ็คพอตก็คงได้
2.ดู eps ให้หุ้น 15 บาท eps ต้องใกล้เคียง 1 บาท
หุ้นใน set 50 set 100 สำหรับตลาดตอนนี้ ผมจะให้แค่พีอี สิบ
ส่วนหุ้นนอกกระแสหลัก คงจะให้พีอีไม่เกิน เจ็ด
เพื่อชดเชยการไม่มีสภาพคล่องของหุ้น
3.ดูจากจุด ที่เคยหุ้นขึ้นไปสูง อย่าง หุ้น A เคยขึ้นไปสูงสุด 18 บาท ตอนนี้ 10 บาท เลยตัดสินใจซื้อ เพราะลดลง 80 เปอร์
ราคาหุ้นที่ลดลง ต้องมีพีอีที่ลดลงตาม
ถ้าพีอีไม่ลดลงตาม ผมมีความเห็นว่า หุ้นไม่ได้ถูกลงครับ
มันแสดงว่า ที่แล้วมาซื้อขายกันเกินความจริง และอาจจะเจอผลประกอบการแย่ลง มาซ้ำเติม
4.อันนี้ผมขอถามอีกหน่อยครับ ถ้าหุ้นที่เราซื้อมรการเพิ่มทุนเราต้องทำอย่างไรครับ
ส่วนใหญ่ผมจะขายหุ้นบางส่วนทิ้ง ให้ได้จำนวนเงิน เท่ากับเงินที่ต้องจ่ายจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ตัวสุดท้ายที่ทำคือ ifec ซึ่งตอนนี้ ถือว่าตัดสินใจพลาด (เพราะเรารู้ผลของการกระทำในอดีตแล้ว)
ผมมีความเชื่อว่า
นักลงทุนทุกคน ต้องค้นหาความสามารถที่ตัวเอง จะหาได้จากความรู้ทั่วๆไป
แล้วนำมาใช้มันให้เป็นประโยชน์ เหมาะกับปัจจัยพื้นฐานของตัวเราเอง
ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่อง สูตรสำเร็จในการลงทุน
แต่เชื่อในการ ต่อยอด ดัดแปลง ประยุกตฺ์ใช้ ความรู้ที่ได้มา
อยากจะบอกว่า ที่รอดมาได้จนทุกวันนี้
ความรู้ความสามารถก็ไม่ได้มีมากกว่านักลงทุนทั่วๆไป และมีน้อยกว่า นักลงทุนที่ประสพความสำเร็จสูง เป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่ผมมั่นใจว่าตัวเองมี คือ
รู้จักประมาณ ความรู้ ความสามารถของตัวเอง
และให้คำจำกัดความความรู้ ความสามารถของตัวเองไว้ว่า
ความสามารถที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด และเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้
คือการถือหุ้นที่คิดว่ามันดีๆ ได้ไม่จำกัดเวลา
(ถือหนึ่งนาที หรือถือหนึ่งปี ก็ไม่มีผลแตกต่างต่อสุขภาพจิค)
ส่วนข้อเสียที่สำคัญที่สุด ที่เคยทำมาก่อนคือ ไม่ขาย ไม่ขาดทุน
ตอนนี้ได้พยายามเปลี่ยนเป็นขายทิ้งทุกราคา ที่เชือว่า หุ้นไม่มีแต้มต่อเหลือให้ถือีกต่อไป
ตัวล่าสุดที่ขายขาดทุนราคาหุ้นจนหมดพอร์ต คือ spack
(ได้กำไรจากปันผลสะสมมาชดเชย จนภาพรวม ไม่ได้ขาดทุน)