อายุ 25 ทำงาน หรือค้าขายดีคะ ? รู้สึกท้อแท้กับชีวิต

ปัจจุบันอายุ 25 ปี จบนิเทศศาสตร์ จบมาเมื่อปี 55 เราทำงานไม่ตรงสายที่จบ  แรกเริ่มเป็น call center อยู่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง แฟนทำอยู่ก่อนแล้วปีนึงก็ชวนเราไปทำด้วยกัน
เงินเดือนแค่หมื่นเดียว เราทำอยู่ได้ 9 เดือน ตอนแรกเค้าบอกว่ามีโอกาสจะให้บรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ
แต่สุดท้ายไม่ได้ตามนั้น เราก็ลาออกมาพร้อมกัน

หางานที่ใหม่ได้เงินเดือนหมื่นสอง ได้หยุดเสาร์อาทิตย์นักขัตฤกษ์
ตำแหน่งเราเกี่ยวกับโทรศัพท์เหมือนเดิม แต่แฟนเราคนละตำแหน่ง บริษัทนนี้เป็นบริษัทเล็กๆ เกี่ยวกับค้นหาเบอร์โทรออนไลน์
และมีการขายแพ็คเกจด้วย เราทำกันได้ 5 เดือนเราก็ลาออกมาอีก เพราะบริษัทเริ่มไม่มั่นคง ถึงทางตันๆ หาข้อมูลเพิ่มมาลงเว็บไม่ได้

พอออกมาก็ มาลองค้าขายกันดู เราขายอาหารตั้งโต๊ะริมถนน รับบะหมี่มาขายบ้าง ขายทอดมัน ขายข้าวไข่เจียว สุดท้ายก็เจ๊ง
ด้วยความที่เราวัยรุ่นก็ยอมรับว่าขี้เกียจด้วย ท้อแท้ด้วย เวลาลาวงเลยมา 3 เดือนที่ขลุกขลิกกันมา
เราต้องย้ายบ้าน มาอยู่กับแม่ที่เพิ่งอาการดีขึ้นจากโดนแก๊สระเบิด เดิมเค้าเปิดร้านข้าวตามสั่ง มาป่วยตอนที่เราเพิ่งทำงานที่แรกพอดี
ช่วงที่ป่วยแม่อยู่กับพี่ แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นมา บวกกับเราต้องย้ายมาเช่าบ้านอยู่กันอีกที่

ตอนนี้เราย้ายมาอยู่หมู่บ้านใหญ่ มีประมาณ 500 หลัง แต่ไม่สามารถมีคนนอกเข้ามาผ่านไปมาเหมือนริมถนนใหญ่
แม่เราต้องการเปิดขายอาหารตามสั่งในหมู่บ้าน เราจึงต้องอยู่ช่วยส่วนแฟนเราย้ายมาอยู่ด้วยกันและหางานใหม่ทำได้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งได้งาน HR เค้าจบบริหารมา ถือว่าเป็นที่แรกที่ทำงานตรงสายและได้เงินเดือนหมื่นห้า ถือว่ามากที่เราพอใจกันเพราะไม่มีประสบการณ์ตรงสายมา

ทีนี้ส่วนเรา เราช่วยแม่ขายอาหารมาได้สองวัน โดยแม่เราขายอาหารแต่เราขายน้ำชา กาแฟ ขนมปังปิ้ง
โดยบ้านเป็นแค่ทาวน์เฮ้าส์ล็กๆ ในซอยแยกของหมู่บ้าน ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีโต๊ะนั่งเราใช้วิธีการไปส่งที่บ้านเอา
แน่นอน เรามีหน้าที่ช่วยแม่ทำอาหาร มีหน้าที่ไปส่งตามบ้าน มีหน้าที่จ่ายตลาด เรียกว่าทำเกือบทุกอย่าง ยกเว้นปรุงผัด

ส่วนรายได้ขายอาหารคือของแม่ รายได้ขายน้ำคือของเรา เพราะแยกกันลงทุน
แต่จากสองวันที่ผ่านมา อาหารแม่เราขายได้เรื่อยๆ ประมาณ 1,000บาท/วัน
แต่น้ำของเราจะอยู่แค่ 200-300/วัน ซึ่งยังไม่หักต้นทุน
ซึ่งแน่นอน รายได้ของเราไม่พอใช้ซ้ำอาจจะยังขาดทุน แม่เราจึงบอกว่าจะออกค่าเช่าบ้านส่วนของเราให้ ตกแล้วประมาณ 2,500 บาท
แต่ความเหนื่อยของเราบอกเลยว่าเหนื่อยสุดๆ เพราะเราตากแดดร้อนๆส่งทั้งวัน
โดยที่รายได้ส่วนใหญ่เป็นของแม่ ความเหนื่อยต่างจากทำงานออฟฟิตค่อนข้างมาก

แต่เราก็เข้าใจ แม่เราอยากมีรายได้(สำหรับคนอายุหกสิบกว่า)
แต่สำหรับเรา แทบจะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเราไปทำงาน แม่เราก็ต้องเลิกขายไป อยู่บ้านเฉยๆ
เราค่อนข้างเครียดกับชีวิตจัง เราก็สบายที่ไม่ต้องกดดันมีเจ้านายลูกน้อง
แต่อยู่บ้านเราก็เหงา ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน มีคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อน
ตากแดดตากลม ร่างกายก็โทรม

แล้วเราก็กลัวว่า อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ สามปี ห้าปี วันนึงถ้าแม่เราทำไม่ไหวแล้ว วันนั้นเราจะไปสมัครงาน
มันจะทำให้ศักยภาพในตัวเราลดลงไปมั้ย อายุมาก แต่ไม่มีประสบการณ์ทำงานดีๆจะเป็นปัญหามั้ย
หรือเราควรจะคุยกับแม่ แล้วไปหางานทำตั้งแต่ตอนนี้ดี คิดไม่ตกค่ะ รู้สึกชีวิตไม่มีความสุข ไม่มีเป้าหมาย


*************

ค่ะ มาแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ คือตอนนี้เรามองว่าเป็นรายได้ทางเดียว ว่าแม่เราได้ หรือตัวเราเองได้
ถ้าขายอาหารที่บ้าน คือแม่เราได้  ซึ่งเค้ามองว่า ตอนนี้เค้าหาได้เดือนนึงกำไรคือ 20,000 บาทโดยประมาณ มากกว่าเงินเดือนที่เราจะหาได้ขณะนี้ แล้วกินใช้ร่วมกัน เค้าจะจ่ายให้ แต่รายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่เท่านี้ ไม่เพิ่มไปกว่านี้ เนื่องจากคนในหมู่บ้านเป็นคนกลุ่มเดิม วนกันซื้อไปมาแต่ละวัน
โดยเราเหนื่อยสองคน และเราเหนื่อยกว่าทำงานออฟฟิต เพราะทำกลางแดด 7  โมงเช้า ถึงสองทุ่ม ปั่นจักรยานบ้าง ขับมอเตอร์ไซค์บ้าง

ถ้าเราออกไปหางานทำ แน่นอนตอนนี้เราจะได้เงินเดือนแค่ 13-15,000 เพราะไม่มีประสบการณ์ที่ชัดเจนมา
แต่มันยังมีโอกาสอัพไปถึง สองหมื่นหรือเพิ่มขึ้นได้อีก แต่จะต้องใช้เวลาถึงสามปี ห้าปี สิบปีในอนาคต ยังตอบเวลาที่แน่นอนไม่ได้
หรือฟลุ๊คๆก็จะมีโบนัสแถมมา โดยเราออกไปทำงานเหนื่อยแค่คนเดียว แม่อยู่บ้านเฉยๆ


ด้านปฏิสัมพันธ์ เราอยู่บ้านมีคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อน เดิมทีเรามีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว มีแต่เพื่อนสมัยมัธยมที่ยังคุยไลน์กันอยู่
แต่แทบไม่ได้มีโอกาสไปเจอกัน วันๆเราก็คุยแค่กับแม่ กับหมา และเจอแฟนเราวันละสามสี่ชม.ก่อนนอน

ถ้าหากเราไปทำงาน ได้เพื่อนดีก็ดีไป แต่ถ้าเพื่อนไม่ดีก็อยู่ลำบาก ไหนจะแรงกดดันจากงาน มันก็มีความเสี่ยง
เพราะเราทำงานมาสองที่ ที่แรกเพื่อนร่วมงานดีมากๆๆ แต่ที่ที่สองไม่โอเคเลย รวมทั้งเจ้านายก็แย่ เป็นวัยรุ่นขี้นินทากันไปมาทั้งบริษัท
และปัญหาการเดินทางที่ต้องเจอ ห้ามไปสายมีเวลาตายตัว มีรถติด มีเวลาที่ต้องเสียไปบนท้องถนน
แต่ก็ยอมรับว่าทุกวันนี้เหงา และจิตตกเห็นรูปเพื่อนๆเค้าโพสต์ไปเที่ยวกัน มีปาร์ตี้ปีใหม่ งานเลี้ยงบริษัท มันก็มีคิดบ้าง


เรามองว่าทุกวันนี้เราเป็นลูกจ้างร้านข้าวแม่ ช่วยแม่ทำงานแต่แม่ถือเงินก้อน มีภาระอะไรไปจ่ายก็มาขอไป
ให้ทำตัวเหมือนเรียนมหาลัย(แม่บอกแบบนั้น)  เราไม่ใช่เจ้าของกิจการเอง เพราะรายได้จากการขายน้ำของเรา
ยังมองไม่เห็นกำไรเนื่องจากขายได้น้อยกว่าที่คาดไว้เยอะ แต่แม่เราก็อยากมีรายได้ เพราะมีหนี้ เดิมทีเค้าป่วย ต้องขอเงินลูกๆสามคน ช่วยๆกันสมทบ เพื่อให้แม่จ่ายแบงค์ (เรามีพี่ชายสองคน อายุสามสิบกว่า) แต่ถ้าเค้ามีรายได้ เค้าจะไม่ต้องรบกวนลูกๆอีก


- เราอยากรู้ว่าทุกวันนี้เราต้องทำเพื่อแม่ หรือเพื่ออนาคตตัวเองดี?
- แล้วรายได้หลักที่มาจากการช่วยแม่จากที่เล่ามา กับรายได้ที่เราออกไปทำงานเองแล้วมาใช้จ่ายในบ้านอย่างไหนมันน่าจะดีกว่ากัน?
- เราควรใช้ระยะเวลาอยู่กับสภาวะนี้ไปสักกี่เดือน จึงจะตัดสินใจได้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่มันดีหรือไม่ดี รายได้เพียงพอหรือไม่เพียงพอ?
- เราควรต้องเลี้ยงแม่ แต่แม่ต้องขอเงินลูกๆคนอื่นเพิ่ม หรือให้แม่เลี้ยงเราแต่เราไม่พอใช้?
- เราต้องการเพื่อนไหม หรือถ้าสังคมข้างนอกมันไม่ดีก็อย่ามีเพื่อนดีกว่า?
- ประสบการณ์ชีวิตการเป็นพนักงานออฟฟิตของเรา หนึ่งปีกว่า (ที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำงานดีๆ) มันน้อยไปที่จะตัดสินใจว่าชีวิตเราควรจะเลือกทางไหนมั้ยคะ?

เล่ายาวนะคะ อาจจะวนไปวนมา พิมพ์ตามความรู้สึกที่มันสับสน วนไปมา
ตอนนี้ไม่รู้ว่าอะไรคือความสุขของชีวิตค่ะ เรายังหาไม่เจอ

ร้องไห้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่