ROBOT AUTO TRADER เคล็ดลับดันกำไร "โอฬาร" (ตอน 2)

กระทู้สนทนา
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
  


สะสมความรู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ 5 ปี ด้วยทุนตั้งต้นแค่ “150 บาท” ทว่าวันนี้พอร์ต “โอฬาร ภัทรกอบกิตติ์” งอกเงยเป็น “หลักแสนบาท”

ทันทีที่หนังสือเรื่อง “พ่อรวยสอนลูก” หรือ Rich Dad Poor Dad ของ “โรเบิร์ต คิโยซากิ” ถูกพลิกอ่านจนถึงหน้าสุดท้าย “บ๊อบ-โอฬาร ภัทรกอบกิตติ์” เจ้าของตำแหน่ง “แชมป์สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้นไทย ปี 2548 รายการ แฟนพันธุ์แท้” รีบยกหูโทรศัพท์ เพื่อส่งต่อเรื่องการลงทุนดีๆ ให้เพื่อนรักอย่าง “ปรเมศวร์ มินศิริ” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ชื่อดังหลายแห่ง เช่น สนุกดอตคอม และกระปุกดอตคอม เป็นต้น

“ปรเมศวร์” ไม่ชักช้ารีบปฏิบัติการณ์ตามล่าหาหนังสือตามคำบอกเล่าของ “บ๊อบ” ก่อนจะสั่งซื้อ “เกมกระแสเงินสด” ทางออนไลน์ ตามคำแนะนำของหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” เจ้าของเว็ปไซต์ชื่อดังและ "บ๊อบ" นั่งเล่นเกมกระแสเงินสดสักพักใหญ่ เริ่มรู้สึกว่าคำศัพท์ทางการเงิน คือ อุปสรรคในการเล่นเกม

“บ๊อบ” ตัดสินใจชวนรุ่นน้อง 3 คน มานั่งเล่นเกมส์ เพื่อแปลคำศัพท์กันสดๆ จากการเปิดการ์ดแต่ละใบ สุดท้ายมาสะดุดคำศัพท์ที่ว่า “Preferred Stock” ซึ่งแปลออกมาเป็นคำว่า “หุ้นบุริมสิทธิ” ช่วงนั้นเขาไม่รู้จะไปหาคำแปลที่ไหน จึงตัดสินใจค้นหาจากเว็บไซต์ Set.or.th และนั่นคือ “จุดเริ่มต้น” ของการเรียนรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นของเขา

“โอฬาร ภัทรกอบกิตติ์” เป็นพี่ชายคนโตจากจำนวนพี่น้อง 3 คน ครอบครัวยึดอาชีพค้าขายแถววังหลังมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เขาไปเรียนต่อในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ก่อนจะสอบเข้าปวช.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขต อุเทนถวาย และสอบย้ายสายไปเรียนต่อปวส.สายงานด้านวิศวกรรมโยธา ระหว่างเรียน ปวส.

เกิดความรู้สึกหลงรักคอมพิวเตอร์ หลังมีโอกาสจับคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ Apple II ของ “ปรเมศวร์ มินศิริ” เขาจึงตัดสินใจไปลงเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาคอมพิวเตอร์ ใช้เวลาเรียนแค่ 2 ปี เพราะเขาต้องการเรียนเพื่อให้รู้เท่านั้น

“บ๊อบ” ยังไม่ทันจะเรียนจบ เขามีโอกาสทำงานเขียนแบบ กินเงินเดือน 3,200 บาท เป็นครั้งแรก ทำงานอยู่ 1 ปี บริษัทชวนให้ย้ายสายไปทำงานคอนเซาท์ ตื่นเต้นอยู่แค่ 5-6 เดือน เขาสินใจยื่นใบลาออกมาเขียนหนังสือคอมพิวเตอร์ ก่อนชีวิตจะหักเหมาสนใจการเงินการลงทุน

ปัจจุบัน “ชายวัย 45 ปี” ถือเป็นหนึ่งในกูรูเรื่อง “ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ” เขาเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยครั้งแรกเมื่อปี 2546 หลังใช้เวลาศึกษาหาความรู้นานถึง 3 ปี “บ๊อบ” ตัดสินใจถอนเงินเก็บ “หลักแสนบาท” มาเปิดพอร์ตกับบล.ซิมิโก้

“หุ้น ชิน คอร์ปอเรชั่น” หรือ INTUCH คือ หุ้นตัวแรกที่เขาลงทุน ด้วยการวิเคราะห์ว่า ธุรกิจที่มีตระกูลดังถือหุ้นใหญ่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียว สุดท้ายเขาได้กำไรหุ้นตัวแรกในชีวิตประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที

หุ้นตัวที่ 2 คือ หุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCB ก่อนจะซื้อหุ้น SCB เขาผ่อนบ้านอยู่กับแบงก์ SCB ผ่อนไปได้ปีกว่า แบงก์ส่งจดหมายให้เงินกู้เพิ่มเท่ากับเงินที่ผ่อนชำระบ้านไปแล้ว “บ๊อบ” ตัดสินใจจรดปากกากู้เงินทันที

เพราะเขาหวังนำเงินก้อนดังกล่าวมาซื้อหุ้น SCB ด้วยความมั่นใจว่าหุ้น SCB จะเป็นหุ้นแบงก์ที่สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ เพราะแบงค์ที่ทำแบบนี้จะมีรายได้เพิ่มจากลูกค้าชั้นดีที่คัดกรองจากฐานข้อมูล โยที่แบงค์มีต้นทุนน้อยมาก ถือหุ้นอยู่ไม่กี่สัปดาห์เขาตัดสินใจขายหุ้น SCB เมื่อได้กำไรเกินกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเงินกู้แบงก์

“ใจจริงอยากเป็นนักลงทุนแนวเน้นคุณค่า แต่สุดท้ายหลงรักแนวเทคนิค” นักลงทุนรายใหญ่บอกความเป็นตัวตนให้ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” ฟัง ก่อนเล่าจุดเริ่มต้นการลงทุนใน “ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ”ว่า เมื่อผมเริ่มรู้สึก “ไม่สนุกกับการเล่นหุ้นไทย” ทำให้เมื่อ 5 ปีก่อน ตัดสินใจหยุดการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และหันมาลงทุนตลาดต่างประเทศ ด้วยแนวเทคนิค เรียกว่า นำความรู้ที่เคยใช้กับหุ้นไทยมาปรับใช้กับหุ้นต่างประเทศ

ช่วงที่ลงทุนหุ้นไทย มีโอกาสศึกษาการลงทุน “แนวเทคนิค” ช่วงนั้นเข้าไปหาข้อมูลว่า เขาเปิดพอร์ตลงทุนกันอย่างไร และลงทุนกันแบบไหน ใช้เวลาศึกษาเพียง 6-7 เดือน ด้วยการหาอ่านหนังสือใน “ห้องสมุดมารวย” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. “ผมได้บัตรสมาชิกห้องสมุดมารวยแบบตลอดชีพ สามารถยืมหนังสือโดยไม่จำกัดเวลา ผมได้รับสิทธิพิเศษนี้เพราะเป็นแชมป์รายการแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้นไทยปี 2548 ตั้งแต่มีบัตรนี้เปรียบเหมือนผมมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง”

สมัยเด็กๆ อยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง ณ วันนี้ผมมีแล้ว เขาเล่าความฝันวัยเยาว์ให้ฟัง เมื่อมีหนังสือเป็น “ขุมพลังมหาศาล” จึงเริ่มหาความรู้เรื่องการลงทุนในต่างประเทศทันที อ่านเสร็จลงมือทำจริงทันที

เมื่อโลกออนไลน์ไม่มีพรมแดน นักลงทุนสามารถเปิดพอร์ตได้ทุกที่ทุกเวลา ผมตัดสินใจไปเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์แห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ก่อนลงสนามจริงๆ

“บ๊อบ” ซ้อมลงทุนในพอร์ตทดลองซ้ำๆ วันละหลายชั่วโมง จนมีกลยุทธ์การลงทุนเป็นของตัวเอง ตอนนั้นคิดในใจว่า หากเล่นไม่ชนะพอร์ตทดลอง ก็อย่าคิดไปลงสนามจริงเลย เพราะคุณไม่มีวันชนะของจริงได้แน่นอน ตราบใดที่ลงทุนด้วยเงินปลอมแล้วยังแพ้ เงินจริงก็ไม่น่ารอด

เล่นพอร์ตทดลองครั้งแรก ยอมรับว่า “โหดมาก” ตอนนั้นเปรียบตัวเองเป็นนักเทนนิสกีฬาเขต แต่ดันหาญกล้าไปลงแข่งรายการยูเอส โอเพ่น ผลออกมาไม่ผ่านรอบแรก เล่นครั้งแรกถือว่า “ล้มลุกคลุกคลาน” มาก

การที่ได้แชมป์รายการแฟนพันธุ์แท้ตลาดหุ้นไทยทำให้มีคนเข้าใจผมผิด บางคนถามขอหุ้นเด็ด ผมมักจะตอบไปว่า "ถ้าคุณมีหุ้นเด็ดที่คุณรู้ว่าซื้อแล้วขึ้นแน่ๆ คุณจะบอกคนอื่นมั้ย" ส่วนใหญ่จะคิดแป๊บนึง บางคนก็ตอบว่า "ไม่บอก" บางคนก็ตอบว่า "บอก แต่ขอซื้อก่อน แล้วค่อยบอก" นั่นล่ะครับคือคำตอบว่า ทำไมผมถึงไม่เคยบอกหุ้นเด็ดให้ใครเลย เพราะถ้าผมบอกก็แสดงว่า ผมน่าจะซื้อไว้แล้ว และคนที่เชื่อก็คือคนรับหุ้นต่อจากผม

แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดอย่างมากคือ คิดว่าผมเทรดเก่ง จริงๆ แล้ว ผมเทรดไม่เก่ง ถ้าให้คนเล่นหุ้นทั้งประเทศไทยมาเทรดหุ้นแข่งกัน อย่าว่าแต่ท๊อป 100 เลย แค่หมื่นคนแรกผมยังไม่ติดอันดับเลย ผมเทรดไม่เก่ง เพราะรายการแฟนพันธุ์แท้ไม่ได้แข่งเทรด รายการนี้แข่งเรื่องความรู้ กับเรื่องไหวพริบและแรงกดดันในตอนแข่งขัน แต่เวลาบอกใครๆ ว่าผมเทรดไม่เก่ง ไม่ค่อยมีคนเชื่อนะ (หัวเราะ)

เมื่อรู้ว่าไม่ใช่เซียน การเทรดแต่ละครั้งจึง "ระมัดระวัง" มาก วันที่ตัดสินใจลงทุนในสนามระดับโลก ผมเริ่มต้นด้วยเงิน 5 ดอลลาร์ เป็นเงินที่โบรกเกอร์เขาให้มาเลยตอนเปิดพอร์ต เป็นการเชิญชวนให้คนมาลองเทรดกับโบรกเขาเยอะๆ แต่มีกติกาว่าถ้าต้องการถอนเงินออกจากพอร์ต นักลงทุนต้องเสียค่าธรรมเนียม 7 ดอลลาร์

ฉะนั้นเป้าหมายตอนนั้นก็ท้าทายดี ทำยังไงให้ได้กำไร 40% ตอนนั้นเทรด “ตลาดฟิวเจอร์สค่าเงิน” ใช้เวลาไม่ถึงเดือน สามารถทำเงินเพิ่มขึ้นได้มากถึง 4 เท่า “ผมเน้นการฝึกฝนมาก เพราะรู้ตัวว่าไม่มีพรสวรรค์ด้านการเทรดหุ้นเหมือนคนอื่น ผมเน้นที่พรแสวงคือ ฝึกหนัก เรียนรู้ตลอดเวลา ปรับแก้ข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด

มือใหม่ที่อยากลงทุนในหุ้นมักจะถามผมว่า "ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะลงทุนในหุ้นได้" คำตอบประจำตัวที่ผมตอบคือ "ใช้เงินให้น้อย เรียนรู้ศึกษาให้เยอะ" คนที่โดดเข้ามาลงทุนในหุ้นแบบไม่เรียนรู้อะไรเลย มาถึงก็เทหมดหน้าตัก ส่วนใหญ่จึงต้องออกจากตลาดไป แต่เชื่อมั้ยครับ คำตอบแบบนี้ไม่ค่อยถูกใจคนส่วนใหญ่

พอเห็นแววตาไม่สบอารมณ์ ผมจะรีบบอกว่า "ให้ลองด้วยเงิน 10%” ของเงินลงทุนที่ตั้งใจไว้ เช่นตั้งใจว่าจะเอาเงินเก็บหนึ่งล้านมาเทรดหุ้น ครั้งแรกลองเทรดด้วยเงินแค่แสนเดียวก่อน ดูว่าทำได้ดีแค่ไหน ถ้ายังเทรดเงินแสนไม่ชนะ เงินล้านก็คงไม่รอด ถ้าทำได้ดีค่อยเพิ่มเงินลงทุนก็ยังไม่ช้าเกินไป ถ้าพลาดครั้งแรก ก็ยังเหลือเงินอีก 90%" เขาพูดติดตลกว่า "ตลาดหุ้นไม่หนีไปไหน มีให้เทรดทุกวัน ไม่ต้องรีบ"

ผมสอนลูกศิษย์มาเยอะ ส่วนใหญ่เทรดเก่งกว่าผมทั้งนั้น คนที่เทรดหุ้นได้ดีต่างกับคนที่เทรดหุ้นได้ไม่ดีตรงที่ความชอบ ความสนใจในการเทรดหุ้น ถ้าผ่าน 100 ชั่วโมงแรกในการฝึกฝนเทรดหุ้นได้ ก้าวต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว ที่สำคัญคือ ทุกคนมีความถนัดของตัวเอง การหาจุดเด่น จุดด้อยของตัวเองเจอจึงสำคัญมาก เพราะจะได้เลือกฝึกฝนเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นจุดเด่นของตนเอง ถ้าเจอทางถนัดของตนเองจะไปได้เร็วมาก

ซื้อขายค่าเงินอยู่ประมาณปีกว่า ผลปรากฎว่า กำไรบ้างขาดทุนบ้างสลับกันไป ถือว่าเป็นการเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตนเอง คิดซะว่าเป็นค่าลงทะเบียนสมัครแข่งขันรายการยูเอสโอเพ่น (หัวเราะ)

เขาบอกว่า การลงทุน “ตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ” คล้ายๆ ลงทุนใน SET 50 ของตลาดหุ้นไทย แต่ตลาดต่างประเทศมีสินค้าให้เราเลือกลงทุนมากกว่า อาทิเช่น “ดัชนีหุ้นเกือบทุกประเทศ-สินค้าการเกษตร-น้ำมัน-ทองคำ-ค่าเงิน” เป็นต้น เหตุผลที่เลือกลงทุนตลาดฟิวเจอร์สค่าเงินเป็นอันดับแรกๆ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด

ตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศคล้ายๆ ในเมืองไทย แต่ของต่างประเทศมีค่าธรรมเนียมถูกกว่าประเทศไทย การเคลื่อนไหวของตลาดรุนแรงกว่า ผลตอบแทนที่ได้ถ้าไปถูกทางก็มากกว่า และสามารถซื้อขายได้ทั้งวันตลาดทั่วโลกมีช่วงพักแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้เราเลือกได้ว่าจะเทรดเวลาไหน อาจจะมาเทรดหลังเลิกงานประจำก็ได้

“ข้อดี” ของ “ตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ” คือ โบรกเขาให้มาร์จิ้นมากเพื่อดึงดูดให้คนไปเทรดกับเขา ดังนั้นเราเลยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ สามารถสร้างกำไรให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อประสบความสำเร็จจากการลงทุนตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศระดับหนึ่ง ผมตัดสินใจหยุดเทรดด้วยตัวเองมาเกือบปี หันมาประดิษฐ์ “โปรแกรม ROBOT AUTO TRADE” เพื่อให้หุ่นยนต์ซื้อขายหุ้นทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงแทนเรา ด้วยความที่มีพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมมาก่อนทำให้ต่อยอดพัฒนาโปรแกรมการเทรดหุ้นได้ไม่ยาก

"บ๊อบ” เล่าว่า ปัจจุบันเน้นออกแบบหุ่นยนต์ให้ซื้อขาย “โกลด์ฟิวเจอร์ส” โดยแบ่งพอร์ตลงทุนออกเป็น 2 ส่วน พอร์ตแรกเป็นการลงทุน “ระยะยาว” ผมยกหน้าที่การซื้อขายให้กับ ROBOT AUTO TRADER ใช้ระบบการซื้อขายที่อดทนรอสัญญาณแม่นๆ ปีนึงซื้อขายไม่เกิน 10 ครั้ง ถ้าไม่มีสัญญาณดีจริงๆ ROBOT จะไม่ยอมซื้อขาย

“ผลของการลงทุนระยะยาว ถือว่า “ปิดประตูแพ้แล้ว” ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละเท่าตัว ปี 2556 ที่ผ่านมาได้เยอะหน่อยประมาณ 6 เท่าต่อปี โดยส่วนตัวแล้ว "เรียกว่ายังไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่”

อีกพอร์ตที่เน้นลงทุน “ระยะสั้น” ถามว่า ทำไมต้องมีพอร์ตระยะสั้น ยอมรับว่าสนุกกับการลงทุนแนวเทคนิค ได้ประมือกับผู้เล่นระดับโลก ดังนั้นพอร์ตระยะสั้นผมจึงใส่เงินลงทุนน้อย “โปรแกรม ROBOT AUTO TRADER เคยสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตระยะสั้นสูงถึง 800 เท่าต่อปี แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ไม่เหมาะที่จะเอาเงินทั้งหมดมาเล่นในเกมนี้ ใช้กำไรที่ได้จากพอร์ตระยะยาวมาลงทุนในพอร์ตระยะสั้นจะสบายใจกว่า"

ต่อ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่