จากข้อมูลที่ฟังมาตอนนี้ รัฐจ่ายเงินให้ชาวนาแล้ว 750,000 ล้านบาท บวกกับที่ยังไม่จ่ายประมาณ 100,000 ล้านบาท รวม 850,000 บาท
ต้นทุนที่ทำโครงการ 500,000 ล้านบาท บวกกับหนี้ที่ยังไม่จ่าย 100,000 ล้านบาท
ได้ข้าว เหลือใน สต๊อก 20 ล้านตัน คิดเป็นเงิน ( ราคาเท่ากับที่รับซื้อ ) 300,000 ล้านบาท
เท่ากับ ปัจจุบัน ขาดทุนจากการจำนำข้าว 6 แสน - 3 แสน เท่ากับ 300,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นปีปีละ 100,000 ล้านบาทโดยประมาณ
____________________________________________________________________________________________________________
ทีนี้มาดู ประกันราคาข้าว จากข่าวก็ได้ยินว่า ขาดทุนปีละ 1 แสนล้านเหมือนกัน โดยหลักการคือ ประกัน 9,000 บาท สมมุติชาวนาขายข้าวได้
6,000 บาท มาร์ค จ่ายให้อีก 3,000 บาท
___________________________________________________________________________________________________________
เปรียบเทียบ ทั้ง 2 โครงการใช้เงินเท่ากัน แต่ จำนำข้าว ชาวนาได้ 15,000 บาท พ่อค้าข้าวไม่ได้อะไร
แต่ ประกันราคาข้าว ชาวนาได้ 9,000 บาท พ่อค้าข้าวได้ 5,000 บาท เพราะ ซื้อข้าวชาวนามา 6,000
ไปขายต่อ ได้ หมื่นหนึ่ง หมื่นสอง
ข้อดี จำนำข้าว เป็นการบีบพ่อค้าข้าว ให้ไปหาตลาดเพื่อจะได้ขายข้าวราคาสูง และ ทำให้ชาวนา ได้เงินเพิ่ม 50% เป็นผลทำให้ ค่าแรงต้อง
ขึ้นตาม การจับจ่ายของชาวนามีเพิ่มขึ้น ( เพื่อไทยได้คะแนนเสียง )
ข้อดี ประกันราคาข้าว พ่อค้าได้กำไรจากขายข้าวเยอะ หาลูกค้าง่าย เพราะซื้อข้าวมาถูก ( ปชป ได้ใจพ่อค้าข้าว )
___________________________________________________________________________________________________________
เมื่อผมดูทั้ง 2 แบบ ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีผมจะให้จำนำ แต่กำหนด เกณฑ์ เฉพาะคนที่ปลูกข้าว รายย่อย ที่เขาเดือดร้อนจริง เพราะ จะทำให้รัฐบาลใช้เงินกับโครงการนี้น้อยลงเยอะ และ ไม่บีบพ่อค้าข้าวจนเกินไป มีช่องให้พ่อค้าขายข้าวได้ทำกำไรกับ ชาวนารายใหญ่ ถ้าพ่อค้าอยากได้กำไรเยอะ ก็ต้องไปหาขายข้าวให้ราคาแพงขึ้น เพื่อมาแข่งซื้อข้าวที่ไปจำนำกับรัฐ และป้องกันการสวมสิทธิ์ได้ดีขึ้น ( ส่วนประกันราคาข้าว มีแต่เด็กปัญญาอ่อน ที่คิดได้ )
ผมว่านี้คือการแก้ปัญหาทั้งระบบ พ่อค้าข้าวกับรัฐบาล จะได้ช่วยกันขายข้าว ไม่ใช่เตะตัดขากันเอง แล้ว ต่างชาติยิ้ม
วันนี้ จะขอวิเคราะห์ เรื่องข้าวมั่ง ( เพื่อนๆมาให้คำแนะนำหน่อยนะ )
ต้นทุนที่ทำโครงการ 500,000 ล้านบาท บวกกับหนี้ที่ยังไม่จ่าย 100,000 ล้านบาท
ได้ข้าว เหลือใน สต๊อก 20 ล้านตัน คิดเป็นเงิน ( ราคาเท่ากับที่รับซื้อ ) 300,000 ล้านบาท
เท่ากับ ปัจจุบัน ขาดทุนจากการจำนำข้าว 6 แสน - 3 แสน เท่ากับ 300,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นปีปีละ 100,000 ล้านบาทโดยประมาณ
____________________________________________________________________________________________________________
ทีนี้มาดู ประกันราคาข้าว จากข่าวก็ได้ยินว่า ขาดทุนปีละ 1 แสนล้านเหมือนกัน โดยหลักการคือ ประกัน 9,000 บาท สมมุติชาวนาขายข้าวได้
6,000 บาท มาร์ค จ่ายให้อีก 3,000 บาท
___________________________________________________________________________________________________________
เปรียบเทียบ ทั้ง 2 โครงการใช้เงินเท่ากัน แต่ จำนำข้าว ชาวนาได้ 15,000 บาท พ่อค้าข้าวไม่ได้อะไร
แต่ ประกันราคาข้าว ชาวนาได้ 9,000 บาท พ่อค้าข้าวได้ 5,000 บาท เพราะ ซื้อข้าวชาวนามา 6,000
ไปขายต่อ ได้ หมื่นหนึ่ง หมื่นสอง
ข้อดี จำนำข้าว เป็นการบีบพ่อค้าข้าว ให้ไปหาตลาดเพื่อจะได้ขายข้าวราคาสูง และ ทำให้ชาวนา ได้เงินเพิ่ม 50% เป็นผลทำให้ ค่าแรงต้อง
ขึ้นตาม การจับจ่ายของชาวนามีเพิ่มขึ้น ( เพื่อไทยได้คะแนนเสียง )
ข้อดี ประกันราคาข้าว พ่อค้าได้กำไรจากขายข้าวเยอะ หาลูกค้าง่าย เพราะซื้อข้าวมาถูก ( ปชป ได้ใจพ่อค้าข้าว )
___________________________________________________________________________________________________________
เมื่อผมดูทั้ง 2 แบบ ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีผมจะให้จำนำ แต่กำหนด เกณฑ์ เฉพาะคนที่ปลูกข้าว รายย่อย ที่เขาเดือดร้อนจริง เพราะ จะทำให้รัฐบาลใช้เงินกับโครงการนี้น้อยลงเยอะ และ ไม่บีบพ่อค้าข้าวจนเกินไป มีช่องให้พ่อค้าขายข้าวได้ทำกำไรกับ ชาวนารายใหญ่ ถ้าพ่อค้าอยากได้กำไรเยอะ ก็ต้องไปหาขายข้าวให้ราคาแพงขึ้น เพื่อมาแข่งซื้อข้าวที่ไปจำนำกับรัฐ และป้องกันการสวมสิทธิ์ได้ดีขึ้น ( ส่วนประกันราคาข้าว มีแต่เด็กปัญญาอ่อน ที่คิดได้ )
ผมว่านี้คือการแก้ปัญหาทั้งระบบ พ่อค้าข้าวกับรัฐบาล จะได้ช่วยกันขายข้าว ไม่ใช่เตะตัดขากันเอง แล้ว ต่างชาติยิ้ม