ธอส.เปิดรายละเอียดคุณสมบัติและเงื่อนไขผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 เพื่อเข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก เพียง 1.59% ต่อปี
วันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในการช่วยเหลือผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมให้มีบ้านเป็นของตนเอง
โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันสังคมและธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
ขณะนี้ ธอส.ได้เตรียมความพร้อมรองรับการขอสินเชื่อของผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 โดยผู้ประกันตนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน และลงลำดับคิวเพื่อรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ ผ่านทาง Application SSO PLUS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และนำเอกสารส่วนตัว เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารหลักประกันมายื่นขอสินเชื่อกับ ธอส.ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุในหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน
โดยเริ่มยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสินเชื่อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกันตนควรตรวจสอบคุณสมบัติและเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมโครงการ ดังนี้
1.มีสถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 หรือ 40 โดยผู้ประกันตนมาตรา 40 จะต้องส่งเงินสมทบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนเดือนที่ขอใช้สิทธิ
2.ผู้ประกันตนที่เข้าร่วมโครงการ/ผู้ยื่นขอสินเชื่อทุกคน ต้องไม่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน
3.ผู้ประกันตนต้องลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม ผ่านทาง Application SSO Plus เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ และรับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ
4.ผู้ประกันตนที่สามารถใช้สิทธิตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 ได้
ต้องเป็นผู้ประกันตนที่มีรายชื่อตามที่สำนักงานประกันสังคมจัดส่งให้แก่ธนาคารเท่านั้น
5.ผู้ประกันตนต้องนำหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนมาประกอบการยื่นกู้กับธนาคาร
6.ผู้ประกันตนต้องติดต่อยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร ภายในระยะเวลาที่ระบุในหนังสือรับรองสถานะ
ความเป็นผู้ประกันตน
สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 หรือ 40 ที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว
หาก ธอส.ให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว โดยจะได้รับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก เพียง 1.59% ต่อปี, ปีที่ 6-8 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี และปีที่ 9 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.545% ต่อปี) เพื่อซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ภายใต้วงเงินกู้ตามโครงการสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท
สำหรับวงเงินกู้ส่วนที่เกิน 2 ล้านบาท สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นของธนาคารได้ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1666533
เปิดเงื่อนไขสินเชื่อบ้าน ผู้ประกันตน ม.33, 39, 40 ดอกเบี้ย 5 ปีแรก 1.59% ต่อปี
วันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในการช่วยเหลือผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมให้มีบ้านเป็นของตนเอง
โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันสังคมและธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
ขณะนี้ ธอส.ได้เตรียมความพร้อมรองรับการขอสินเชื่อของผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 โดยผู้ประกันตนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน และลงลำดับคิวเพื่อรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ ผ่านทาง Application SSO PLUS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และนำเอกสารส่วนตัว เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารหลักประกันมายื่นขอสินเชื่อกับ ธอส.ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุในหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตน
โดยเริ่มยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกันตนเข้าถึงสินเชื่อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกันตนควรตรวจสอบคุณสมบัติและเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมโครงการ ดังนี้
1.มีสถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 หรือ 40 โดยผู้ประกันตนมาตรา 40 จะต้องส่งเงินสมทบต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนเดือนที่ขอใช้สิทธิ
2.ผู้ประกันตนที่เข้าร่วมโครงการ/ผู้ยื่นขอสินเชื่อทุกคน ต้องไม่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน
3.ผู้ประกันตนต้องลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม ผ่านทาง Application SSO Plus เพื่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนแบบอิเล็กทรอนิกส์ และรับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ
4.ผู้ประกันตนที่สามารถใช้สิทธิตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 ได้
ต้องเป็นผู้ประกันตนที่มีรายชื่อตามที่สำนักงานประกันสังคมจัดส่งให้แก่ธนาคารเท่านั้น
5.ผู้ประกันตนต้องนำหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนมาประกอบการยื่นกู้กับธนาคาร
6.ผู้ประกันตนต้องติดต่อยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร ภายในระยะเวลาที่ระบุในหนังสือรับรองสถานะ
ความเป็นผู้ประกันตน
สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 หรือ 40 ที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว
หาก ธอส.ให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว โดยจะได้รับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก เพียง 1.59% ต่อปี, ปีที่ 6-8 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี และปีที่ 9 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.545% ต่อปี) เพื่อซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ภายใต้วงเงินกู้ตามโครงการสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท
สำหรับวงเงินกู้ส่วนที่เกิน 2 ล้านบาท สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นของธนาคารได้ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1666533