ตะลึง! “ขอทาน” รวยกว่าคนไทยส่วนใหญ่ เงินสดเต็มมือ บัญชีเงินฝากแตะล้านบาท

กระทู้สนทนา
ตะลึง! “ขอทาน” รวยกว่าคนไทยส่วนใหญ่ เงินสดเต็มมือ บัญชีเงินฝากแตะล้านบาท





รายได้ของ “ขอทาน” ในประเทศไทยกลายเป็นประเด็นที่น่าตกใจและสร้างความสนใจอย่างมาก หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า ขอทานในย่านดังของกรุงเทพฯ เช่น อโศก, สีลม, สุขุมวิท สามารถทำรายได้สูงถึงวันละ 3,000 - 100,000 บาท ซึ่งเทียบเท่าหรือมากกว่ารายได้ของผู้จัดการบริษัทระดับสูงเสียอีก

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดปฏิบัติการ ทลายขบวนการขอทาน ในพื้นที่เศรษฐกิจย่านสุขุมวิทชั้นใน กรุงเทพฯ พบว่าขอทานในพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ยากจนอย่างที่หลายคนคิด แต่มีรายได้มหาศาลจน ร่ำรวยกว่าแรงงานคนไทยส่วนใหญ่ถึง 70%

จากการจับกุมพบขอทานทั้งหมด 12 ราย ประกอบด้วย
    •    คนไทย 8 ราย
    •    กัมพูชา 2 ราย
    •    ลาว 1 ราย
    •    เมียนมา 1 ราย

เปิดข้อมูลชวนอึ้ง!

หญิงไทยรายหนึ่งซึ่งถูกจับกุม มีบัญชีเงินฝากสะสมถึง 1 ล้านบาท และตรวจพบ เงินสดในครอบครองกว่า 300,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้จากการขอทานในย่านธุรกิจที่พลุกพล่าน สะท้อนให้เห็นว่ารายได้ของขอทานบางคนสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายได้ของคนไทยส่วนใหญ่

    •    รายได้เฉลี่ยของคนไทยส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) อยู่ที่ 9,000 - 15,000 บาทต่อเดือน
    •    แต่ขอทานในย่านดังสามารถทำรายได้ถึง 3,000 - 100,000 บาทต่อวัน หรือประมาณ 90,000 - 3,000,000 บาทต่อเดือน

ทำไมขอทานถึงรวยขนาดนี้?

    1. คนในพื้นที่เศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยคนมีฐานะและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เช่น สุขุมวิท สีลม หรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้การขอทานเป็น “ธุรกิจ” ที่ทำรายได้สูง

    2.    ความสงสารและน้ำใจคนไทย: การใช้วิธีดึงความเห็นใจ เช่น การแต่งตัวให้ดูน่าสงสาร ใช้เด็กหรือผู้พิการ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ผู้คนยอมให้เงิน

    3.    เครือข่ายขอทาน: หลายรายพบว่าไม่ใช่การขอทานโดยลำพัง แต่มีการจัดตั้งเป็นขบวนการ ส่งผลให้มีการแบ่งเงินและขยายพื้นที่เพื่อทำรายได้สูงสุด

ผลกระทบและคำถามที่ตามมา

การพบรายได้มหาศาลของกลุ่มขอทาน ทำให้เกิดคำถามถึงการจัดการปัญหานี้ และสะท้อนความอ่อนแอของคนในสังคมอย่างชัดเจน เมื่อคนส่วนใหญ่ต้องทำงานหนักเพื่อรายได้ไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือน แต่กลุ่มขอทานกลับใช้วิธีที่ดูง่ายกว่าเพื่อสร้างรายได้มหาศาล

เรื่องนี้ไม่เพียงสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน แต่ยังชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ของกฎหมายและระบบสังคมที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อป้องกันไม่ให้การขอทานกลายเป็น “อาชีพ” ที่ร่ำรวยกว่าการทำงานสุจริตของคนไทยส่วนใหญ่


เปิดช่องทางแนวคิดของขอทาน

    1.    เลือกทำเลที่ตั้ง: พื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนพลุกพล่าน เช่น ย่านธุรกิจหรือแหล่งท่องเที่ยว มักเป็นจุดทำเงินหลัก คนที่สัญจรไปมาอาจให้เงินเพราะเห็นใจหรือไม่ได้คิดมากเมื่อให้เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะให้คนละ 1,000 บาท แต่เมื่อรวมยอดจากหลายๆ คน รายได้กลับมหาศาล

    2.    อารมณ์ร่วมของผู้บริจาค: การสร้างความสงสาร เช่น การใช้เด็ก คนชรา หรือคนพิการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรู้สึกเห็นใจและยอมควักเงินบริจาค

    3.    กลุ่มเครือข่าย: บางกรณีพบว่าขอทานไม่ได้ทำงานอย่างอิสระ แต่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่มีการจัดตั้ง โดยรายได้บางส่วนอาจถูกแบ่งให้กับผู้ควบคุมกลุ่ม

    4.    ไม่มีภาษี: รายได้ทั้งหมดของขอทานเป็น “เงินสด” และปลอดภาษี ทำให้ทุกบาททุกสตางค์เป็นกำไรล้วนๆ

รายได้มหาศาลที่เปรียบเทียบได้

    •    หากคิดรายได้เฉลี่ยวันละ 50,000 บาท ขอทานสามารถมีรายได้ถึง 1.5 ล้านบาทต่อเดือน
    •    เทียบกับผู้จัดการบริษัทหรือคนทำงานในอาชีพทั่วไป ที่เงินเดือนอยู่ระหว่าง 50,000 - 150,000 บาท ต่อเดือน รายได้ของขอทานบางคนถือว่า “สูงกว่า” อย่างชัดเจน และสามารถสร้างตัวได้อยู่เบื้องหลัง

ด้านมืดของปรากฏการณ์นี้

แม้จะดูเหมือนเป็นรายได้ที่ดี แต่ในหลายกรณี ปัญหาขอทานอาจเกี่ยวข้องกับ ขบวนการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน หรือการใช้เด็กและผู้พิการเป็นเครื่องมือ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน

บทสรุป

เรื่องราวรายได้ของขอทานในย่านดังของกรุงเทพฯ ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างในสังคมที่กระตุ้นให้เกิดการขอทานเป็นอาชีพ แม้บางรายอาจมองว่าเป็นวิธีหารายได้ที่ง่าย แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เช่น การเอารัดเอาเปรียบและการกดขี่ในเครือข่ายขอทาน ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องการการแก้ไขอย่างจริงจังจากทั้งภาครัฐและสังคมโดยรวม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่