คลิป คุมตัวมือสังหาร ขวัญชัย ไพรพนา ทำแผน สารภาพรับค่าจ้าง 8 พัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตำรวจนำตัว"อส.นราธิวาส" หนึ่งในทีมสังหาร "ขวัญชัย"ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  เผยได้รับว่าจ้างจากผู้ใหญ่ที่นับถือ และได้รับค่าจ้าง 8,000 บาท

วีรีพอร์ตจังหวัดอุดรธานี รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้(8 ก.พ.57)พล ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 เดินทางมายัง กองกำกับการ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ สถานที่ควบคุมตัว นายมะดือมัง มะแซ หรือ มะ อายุ 39 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จ.นราธิวาส อยู่บ้านเลขที่ 72/3 ม.8 ต.กะรุวอเหนือ อ.เมือง นราธิวาส ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันพยายามฆ่า นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และ ประธานชมรมคนรักภาคอีสาน 20 จังหวัด 1 ในทีมสังหารที่ใช้อาวุธปืน AK 47 หรือ อาร์ก้า ยิงถล่มเข้าใส่ ขณะนายขวัญชัยฯ นั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ ที่ระเบียงหน้าบ้านขวัญอาภรณ์ ในบริเวณอาณาจักรคนเสื้อแดง มากกว่า 43 นัด แต่โชคดีกระสุนไม่เข้าจุดสำคัญ อาการสาหัสแต่พ้นขีดอันตรายนอนพักรักษาตัวใน กทม.

โดย พล ต.ท.อนุชัย ผบช.ภ.4  พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้ต้องหา และฟังสรุปรายงานผลการสืบสวนสอบสวน นานกว่า 1 ชม.และมีกำหนดการออกอำนวยการทำแผน ประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาด้วยตนเอง ขณะที่สื่อมวลชนต้องรออยู่นอก กก.ตชด.24 เพื่อติดตามไปทำแผน โดยไม่มีการแจ้งจุดทำแผนล่วงหน้า รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ชน ก็รู้ก่อนและเดินทางไปล่วงหน้าเพียง 10 นาที

ต่อมาเวลา 10.45 น. นายมะดือนัง ถูกนำตัวออกจาก กก.ตชด.24 มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรก "เดอะบายพาสรีสอร์ท" ถ.เลี่ยงเมือง (ตะวันออก) ใกล้ทางแยกเข้าอาณาจักรคนเสื้อแดง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตรวจดูแลความปลอดภัย รวมทั้งการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย รายล้อมสถานที่ไว้ ขณะผู้ต้องหาต้องสวมยืดคอกลมสีเขียว กางเกงขาสามส่วน และสวมเสื้อเกราะสีดำ นายมะดือนังฯ นำชี้ห้องพักที่ทีมสังหารเข้าพัก เฝ้าติดตามเป้าหมาย เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถจากตรากรงจักร เป็นทะเบียนปลอม แล้วขึ้นรถออกไปก่อเหตุ

จุดที่สอง จุดเกิดเหตุที่ "อาณาจักรคนเสื้อแดง" บริเวณริมรั้วด้านนอก นายมะดือนังฯ ทำแผน ซึ่งเป็นหนึ่งในมือปืน นั่งหมอบมาด้านท้ายกระบะรถ ที่มีผ้าใบสีฟ้าขาวคลุมท้ายกระบะ เมื่อรถมาจอดจุดเกิดเหตุ นายมะดือนังฯ ได้เปิดผ้าใบออก ใช้ปืนอาก้าร์ ที่ยึดได้จากบ้านพักผู้ต้องหา พาดกับขอบกระบะรถ เล็งยิงเข้าใส่นายขวัญชัยฯ ทีละนัด จนล้มฟุบลง หลังจากนั้นมือปืนอีกคนอยู่ท้ายกระบะด้วยกัน ลุกขึ้นยืนแบบออโตเมติก จากนั้นได้หลบเข้าไปผ้าใบเหมือนเดิม รถคนร้ายขับหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ไป อ.หนองหาน โดยการทำแผนที่อาณาจักรคนเสื้อแดง มีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย และมีกลุ่มคนเสื้อแดงยืนดูเหตุการณ์อยู่ในรั้ว

และจุดที่สาม-จุดทีสี่  "สวนไผ่รีสอร์ท" บ้านนาทราย ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จุดพักของทีมงานอีกกลุ่มหลังก่อเหตุ ที่มีรถยนต์ปิกอัพอีกคันสีบรอนซ์เงิน แต่นายมะดือนังฯย้อนกลับมาพักที่ "เรือนทิวารีสอร์ท" ในพื้นที่ ต.สามพร้าว กบดานอยู่ 2-3 วัน ก่อนเดินทางออกจากพื้นที่ทันที จากนั้นนำตัวนายมะดือนังฯ มาฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ส่งตัวเข้าควบคุมไว้ในเรือนจำกลางอุดรธานี

พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุยิงนายขวัญชัยฯ เมื่อเช้าวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา ทาง ตร.ภ.4 ได้ตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมารับผิดชอบ จนคดีมีความคืบหน้าสามารถจับกุม 1 ผู้ต้องหา คือ นายมะดือนัง มะแซ อายุ 39 ปี พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืนอาร์ก้าต้องสงสัยได้ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งให้ตำรวจวิทยาการตรวจพิสูจน์หาความเชื่อมโยงกับคดีของนายขวัญชัยฯ และจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงนำตัวมานำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพตามขั้นตอน และจุดต่าง ๆ ที่ผู้ต้องหาเข้ามาในพื้นที่ จ.อุดรธานี จนถึงการลงมือก่อเหตุยิงนายขวัญชัยฯ

"การสอบสวนสอดคล้องเป็นไปตามคำให้การของผู้ต้องหาที่รับสารภาพที่ไม่มีการลังเล และหลักฐานพยานต่าง ๆ ทราบว่า ผู้ต้องหาได้ร่วมกระทำความผิดตามวันเวลาเกิดเหตุจริง และตำรวจกำลังเร่งสอบสวนขยายผล หาผู้ร่วมกระทำผิดที่เหลือรวม 7 คน ที่รวมนายมะดือนังฯ ที่เป็นคน จ.นราธิวาส และเคยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน หรือ อส.ที่นั่น ส่วนอีก 6 คนที่เหลืออยู่ในระหว่างการสอบสวน"

พล.ต.ท.อนุชัยฯ กล่าวอีกว่า นายมะดือนังฯ เคยเป็น อส.และมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน ซึ่งปืนประจำกายของเขาก็เป็นปืนเล็กยาวอยู่แล้ว โดยทำงานมาตั้งแต่ปี 53 ฉะนั้นความชำนาญในการใช้อาวุธปืนก็มี ซึ่งอาวุธปืนอาร์ก้าตำรวจชุดจับกุมก็ตรวจค้นได้ที่บ้านพักของนายมะดือนังฯ และกำลังทำการขยายผลว่าอาวุธปืนได้มาอย่างไร และรายละเอียดการสอบสวนยังไม่มากพอ ที่เราจะสรุปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางการสอบสวน พอจะทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นซุ้มมือปืนกลุ่มไหนหรือไม่ พล.ต.ท.อนุชัยฯ ตอบว่า เราได้รวบรวมสอบสวนพยานหลักฐาน ซึ่งพอจะทราบกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทั้ง 7 คนแล้ว โดยวันนี้ตำรวจจะทำการประชุมต่อ เพื่อมอบหมายงานสั่งการให้พนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนในการที่จะดำเนินคดีพวกที่เหลือต่อไป ส่วนข่าวที่ออกมาว่า ผู้ร่วมก่อเหตุเป็นทหารจากภาคตะวันตก เรื่องนี้ตนและพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ไม่เคยให้ข่าวแต่อย่างใด  แต่สื่อจะนำข่าวมาจากไหน ตนไม่สามารถยืนยันได้ แต่เท่าที่มีการสอบปากคำผู้ต้องหา ทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดบางคน แต่งกายคล้ายทหาร ซึ่งตำรวจต้องพิสูจน์ทราบอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุจูงใจที่คนร้ายก่อเหตุยิงนายขวัญชัยฯ สาเหตุจากอะไร พล.ต.ท.อนุชัยฯ กล่าวว่า เรื่องนี้นายมะดือนังฯ ได้รับการว่าจ้าง จากผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และมีการจ่ายค่าจ้างให้บางส่วนประมาณ 8,000 บาท แต่ที่เขาทำเพราะความเกรงใจ ระหว่างผู้มีพระคุณกับตัวเขา ส่วนรายละเอียดขอให้ทางตำรวจได้ทำงานเพิ่มอีกสักระยะหนึ่งก่อน ส่วนจะเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่ ทางตำรวจยังไม่ได้ฟันธงลงไปว่าใช่หรือไม่ ซึ่งเราต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อน แต่ตอนนี้ตนยังไม่สรุปว่า สาเหตุจากอะไร

"ส่วนที่ก่อนหน้าจะเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ ที่มีการแชร์ข้อความในโลกออนไลน์ ตั้งค่าหัวนายขวัญชัยฯ 1.5 ล้านบาท จากซุ้มมือปืนภาคใต้ เรื่องนี้ตนเป็นพวกโลว์เทค ไม่เคยเปิดดู จึงให้ความเห็นไม่ได้"

ที่มา : http://news.voicetv.co.th/thailand/96690.html
         8 กุมภาพันธ์ 2557
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่