มีเรื่องอยากเล่า + แชร์ความเห็นจากคุณพ่อคุณแม่ห้องชานเรือนค่ะ
วันนี้เราไปส่งลูกสาวกับสามีที่เพลย์ไทม์ แล้วไปช็อปที่งาน Baby Best Buy (ชั่วโมงพักผ่อนของแม่) มาค่ะ ปกติเราไม่พาลูกไปงานแฟร์อยู่แล้วเพราะคนเยอะ ยัยแม่ฉายเดี่ยว ช็อปเองแบกเอง ฝากพ่อดูลูก
เพิ่งเดินไปถึงหน้างานตรงจุดที่มีเวทีกับบู้ทสปอนเซอร์ ขณะที่เราชะลอเท้าหยุดดูป้ายนิตยสารหัวใหม่อยู่ ก็มีวัตถุต้องสงสัยในรูปของเด็กน้อยวัยขวบกว่าๆ น่าจะพอๆ กับลูกสาวเรา วิ่งมาชนขา ก่อนจะเด้งไปล้มลงพื้นพรม (วัดจากแรงที่ชน คิดว่าไม่เจ็บนะคะ เพราะชนจากด้านหลัง น่องเราใหญ่ แถมนุ่มด้วย 555) ตัวน้องไม่ได้มีปฏิกิริยาหรือร้องไห้อะไร
เราอุทานว่า "อุ้ย ขอโทษค่ะ" โดยอัตโนมัติ เหมือนเวลาที่เดินไปชนใครเข้า (แต่อันนี้น้องวิ่งมาชนเราก่อนนะคะ ดิชั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าไปไหนเลย)
ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดาว่าคงเป็นคุณพ่อ เข้ามาประคองน้อง ซึ่งตามปกติที่เราเคยเจอ กรณีเดินชนแบบนี้ อีกฝ่ายมักจะพูดว่า "ขอโทษครับ" ไม่ก็ "ไม่เป็นไรครับ" ตอบ แล้วก็จบกันไป แต่รายนี้พิเศษค่ะ ...
...ฮีจ้องเราเขม็ง ก่อนจะพูดว่าเสียงดังฟังชัดว่า "เดินไม่รู้จักดูทาง"
นาทีนั้นเรามัวแต่อึ้งกับปฏิกิริยาตอบสนองของฮี เลยได้แต่ตอบไปงงๆ ว่า "ค่ะ ไม่ได้ดูจริงๆ"
("แกสิ ไม่ดูลูกตัวเอง ปล่อยให้วิ่งมาชนชั้น ลูกแกตัวเท่าเข่า จะให้ฉันมองทางวิ่งลูกแก นอกจากจะต้องเดินก้มหน้าแล้ว ฉันยังต้องมีตาหลังด้วยเว้ย &*%$" คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดค่ะ กลัวถูกต่อย แหะๆ) ก่อนจะผละจากมาโดยมีสายตาคุณพ่อมองตาม
บรื๊อ...ได้ยินเรื่องพ่อแม่ที่คิดว่า "ลูกฉันทำอะไรก็ไม่ผิด" มาก็เยอะ แต่เพิ่งเคยเจอกับตัวนี่แหละ
.
.
.
.
เดินเข้างานมา เราก็เริ่มครุ่นคิด (กะจิตกะใจช็อปปิ้งหายโม้ด)
จิตใจส่วนเห็นแก่ตัว บ่นตัวเองว่า "ขอโทษทำไมฟะ เราไม่ได้ผิด แถมโดนด่าแล้วยังไปขอโทษซ้ำอีก"
แล้วจิตใจส่วนเหตุผลก็ให้คำตอบตัวเอง "ก็ช่วงนี้ลูกเราซน เราพูดขอโทษซะจนติดปาก แถมยังต้องสอนลูกให้ยกมือขอโทษเวลาไปส่งเสียงดัง หรือเกะกะรบกวนคนอื่น"
จิตใจส่วนเห็นแก่ตัวก็คิดต่อว่า "แล้วถ้าเราเลี้ยงลูกให้ติดพูดขอโทษคนอื่น ลูกเราโตขึ้นมา จะโดนกรณี 'สุดท้ายทำไมฉันผิด แถมโดนด่า' แบบเราเมื่อกี้มั้ยฟะเนี่ย"
สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป โดยนึกถึงคำสอนของแม่ (ยายของหลาน) ตั้งแต่เราเด็กๆ ค่ะ
แม่สอนว่า "การพูดว่าสวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ เราไม่เสียเงินสักบาท จะพูดกี่ครั้งก็ไม่ขาดทุน"
ลูกสาวเราตอนนี้ขวบครึ่ง ยังพูดไม่เก่งแถมซนเป็นลิง แต่รู้จักยกมือไหว้เวลาเจอผู้ใหญ่ (ไม่เว้นแม้แต่ยามหน้าหมู่บ้าน) หรือเวลามีใครให้ของ ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มและคำชมจากคนที่เห็น นั่นก็ถือว่าเป็น 'กำไร' ของคนเป็นพ่อแม่
.
.
.
.
ย้อนกลับมาคิดถึงคุณพ่อคนนั้น ด้วยจิตใจเย็นลง (ตอนแรกแค้น 55) กรณีอุบัติเหตุแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีคนผิด การออกปากพูด "ขอโทษ" ไม่ได้ทำให้เราเสียศักดิ์ศรี เป็นโอกาสที่เราจะได้เตือนตัวเองด้วยซ้ำ ขณะที่คุณพ่อคนนั้นเสียทั้งโอกาสในการสอนลูก และการสอนใจตัวเอง
เลยอยากจะฝากข้อคิดที่เราได้จากเรื่องวันนี้ ไว้กับคุณพ่อคุณแม่ห้องชานเรือนค่ะ
การมีลูก ทำให้เราเห็นแก่ลูก...เห็นแก่ตัวเองมากขึ้น หรือจะทำให้เรารู้จักรับผิดชอบมากขึ้น(เพราะนอกจากจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ยังต้องรับผิดชอบสิ่งที่ลูกทำด้วย) ก็ได้
ลูกของเรา....จะเป็นคนมีมารยาท รู้จักเกรงใจผู้อื่น...เราสร้างได้
ตัวเราเอง....จะเป็นพ่อแม่ที่รู้ผิดรู้ชอบ...รู้จักสอนลูกให้เดินทางที่ถูกหรือไม่....เราทำตัวเองได้
.
.
.
ส่วนตัวเรา วันนี้กลับมาเจอลูก ก็หอมแก้มเจ้าลิงไปหนึ่งที พร้อมกับบอกว่า "ขอบใจนะ ที่หนูทำให้แม่เป็นคนที่ดีขึ้น" ^^
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่า
"ลูก...ทำให้เราเห็นแก่ตัวมากขึ้น หรือรู้ผิดชอบมากขึ้น ก็ได้" ข้อคิดจากเรื่องขุ่นใจในงาน BBB วันนี้
วันนี้เราไปส่งลูกสาวกับสามีที่เพลย์ไทม์ แล้วไปช็อปที่งาน Baby Best Buy (ชั่วโมงพักผ่อนของแม่) มาค่ะ ปกติเราไม่พาลูกไปงานแฟร์อยู่แล้วเพราะคนเยอะ ยัยแม่ฉายเดี่ยว ช็อปเองแบกเอง ฝากพ่อดูลูก
เพิ่งเดินไปถึงหน้างานตรงจุดที่มีเวทีกับบู้ทสปอนเซอร์ ขณะที่เราชะลอเท้าหยุดดูป้ายนิตยสารหัวใหม่อยู่ ก็มีวัตถุต้องสงสัยในรูปของเด็กน้อยวัยขวบกว่าๆ น่าจะพอๆ กับลูกสาวเรา วิ่งมาชนขา ก่อนจะเด้งไปล้มลงพื้นพรม (วัดจากแรงที่ชน คิดว่าไม่เจ็บนะคะ เพราะชนจากด้านหลัง น่องเราใหญ่ แถมนุ่มด้วย 555) ตัวน้องไม่ได้มีปฏิกิริยาหรือร้องไห้อะไร
เราอุทานว่า "อุ้ย ขอโทษค่ะ" โดยอัตโนมัติ เหมือนเวลาที่เดินไปชนใครเข้า (แต่อันนี้น้องวิ่งมาชนเราก่อนนะคะ ดิชั้นยังไม่ได้ก้าวเท้าไปไหนเลย)
ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดาว่าคงเป็นคุณพ่อ เข้ามาประคองน้อง ซึ่งตามปกติที่เราเคยเจอ กรณีเดินชนแบบนี้ อีกฝ่ายมักจะพูดว่า "ขอโทษครับ" ไม่ก็ "ไม่เป็นไรครับ" ตอบ แล้วก็จบกันไป แต่รายนี้พิเศษค่ะ ...
...ฮีจ้องเราเขม็ง ก่อนจะพูดว่าเสียงดังฟังชัดว่า "เดินไม่รู้จักดูทาง"
นาทีนั้นเรามัวแต่อึ้งกับปฏิกิริยาตอบสนองของฮี เลยได้แต่ตอบไปงงๆ ว่า "ค่ะ ไม่ได้ดูจริงๆ"
("แกสิ ไม่ดูลูกตัวเอง ปล่อยให้วิ่งมาชนชั้น ลูกแกตัวเท่าเข่า จะให้ฉันมองทางวิ่งลูกแก นอกจากจะต้องเดินก้มหน้าแล้ว ฉันยังต้องมีตาหลังด้วยเว้ย &*%$" คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดค่ะ กลัวถูกต่อย แหะๆ) ก่อนจะผละจากมาโดยมีสายตาคุณพ่อมองตาม
บรื๊อ...ได้ยินเรื่องพ่อแม่ที่คิดว่า "ลูกฉันทำอะไรก็ไม่ผิด" มาก็เยอะ แต่เพิ่งเคยเจอกับตัวนี่แหละ
.
.
.
.
เดินเข้างานมา เราก็เริ่มครุ่นคิด (กะจิตกะใจช็อปปิ้งหายโม้ด)
จิตใจส่วนเห็นแก่ตัว บ่นตัวเองว่า "ขอโทษทำไมฟะ เราไม่ได้ผิด แถมโดนด่าแล้วยังไปขอโทษซ้ำอีก"
แล้วจิตใจส่วนเหตุผลก็ให้คำตอบตัวเอง "ก็ช่วงนี้ลูกเราซน เราพูดขอโทษซะจนติดปาก แถมยังต้องสอนลูกให้ยกมือขอโทษเวลาไปส่งเสียงดัง หรือเกะกะรบกวนคนอื่น"
จิตใจส่วนเห็นแก่ตัวก็คิดต่อว่า "แล้วถ้าเราเลี้ยงลูกให้ติดพูดขอโทษคนอื่น ลูกเราโตขึ้นมา จะโดนกรณี 'สุดท้ายทำไมฉันผิด แถมโดนด่า' แบบเราเมื่อกี้มั้ยฟะเนี่ย"
สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป โดยนึกถึงคำสอนของแม่ (ยายของหลาน) ตั้งแต่เราเด็กๆ ค่ะ
แม่สอนว่า "การพูดว่าสวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ เราไม่เสียเงินสักบาท จะพูดกี่ครั้งก็ไม่ขาดทุน"
ลูกสาวเราตอนนี้ขวบครึ่ง ยังพูดไม่เก่งแถมซนเป็นลิง แต่รู้จักยกมือไหว้เวลาเจอผู้ใหญ่ (ไม่เว้นแม้แต่ยามหน้าหมู่บ้าน) หรือเวลามีใครให้ของ ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มและคำชมจากคนที่เห็น นั่นก็ถือว่าเป็น 'กำไร' ของคนเป็นพ่อแม่
.
.
.
.
ย้อนกลับมาคิดถึงคุณพ่อคนนั้น ด้วยจิตใจเย็นลง (ตอนแรกแค้น 55) กรณีอุบัติเหตุแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีคนผิด การออกปากพูด "ขอโทษ" ไม่ได้ทำให้เราเสียศักดิ์ศรี เป็นโอกาสที่เราจะได้เตือนตัวเองด้วยซ้ำ ขณะที่คุณพ่อคนนั้นเสียทั้งโอกาสในการสอนลูก และการสอนใจตัวเอง
เลยอยากจะฝากข้อคิดที่เราได้จากเรื่องวันนี้ ไว้กับคุณพ่อคุณแม่ห้องชานเรือนค่ะ
การมีลูก ทำให้เราเห็นแก่ลูก...เห็นแก่ตัวเองมากขึ้น หรือจะทำให้เรารู้จักรับผิดชอบมากขึ้น(เพราะนอกจากจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ยังต้องรับผิดชอบสิ่งที่ลูกทำด้วย) ก็ได้
ลูกของเรา....จะเป็นคนมีมารยาท รู้จักเกรงใจผู้อื่น...เราสร้างได้
ตัวเราเอง....จะเป็นพ่อแม่ที่รู้ผิดรู้ชอบ...รู้จักสอนลูกให้เดินทางที่ถูกหรือไม่....เราทำตัวเองได้
.
.
.
ส่วนตัวเรา วันนี้กลับมาเจอลูก ก็หอมแก้มเจ้าลิงไปหนึ่งที พร้อมกับบอกว่า "ขอบใจนะ ที่หนูทำให้แม่เป็นคนที่ดีขึ้น" ^^
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่า