นิยายโรแมนติก คอมเมดี้ "อิงธารา" ตอนที่ 3 นี่แหละผลงานของเรา

กระทู้สนทนา
สองเท้าของภูบดินทร์ก้าวเดินตามเส้นทางเล็กๆ มุ่งสู่ท้ายไร่ที่อยู่ติดกับเชิงเขา ไม่นานนักภาพที่สรรสร้างโดยธรรมชาติก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า น้ำตกเสี้ยวจันทร์เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่ยังคงไหลเรื่อยให้ความชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดปี สายน้ำที่ตกกระทบลงสู่แอ่งหินขนาดใหญ่กระจายเป็นฝอยๆ เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนอยากเยื้องย่างลงไปแหวกว่ายให้ชุ่มจิตฉ่ำใจ หากไม่ติดว่าอากาศช่วงเช้านั้นยังคงหนาวจัด ป่านนี้เขาคงดำผุดดำว่ายอยู่กลางแอ่งน้ำนั่นแล้ว สถานที่นี้ใช้เป็นที่พักผ่อนของคนในหมู่บ้านโดยเฉพาะครอบครัวตัว อ. ที่มากันแทบทุกอาทิตย์เพราะน้ำตกนั้นอยู่ติดกับท้ายไร่ของพวกเขามากกว่าใครอื่น
    ชายหนุ่มจัดแจงถอดรองเท้าผ้าใบไว้ข้างแอ่งหินพร้อมถลกขากางเกงยีนส์ไว้เหนือเข่าทั้งสองข้างก่อนที่จะเดินตรงไปยังแอ่งน้ำนั้น เขาค่อยๆ หย่อนเท้าลงแช่ในสายน้ำเย็นเฉียบแต่กลับทำให้ได้รับความรู้สึกอีกแบบที่แปลกออกไป เหนือขึ้นไปจากแอ่งน้ำ มะขามต้นใหญ่ยังคงแผ่กิ่งก้านอยู่คู่น้ำตกเสี้ยวจันทร์มานานนับครึ่งศตวรรษ เพราะเท่าที่เขาจำได้ ตั้งแต่มาเห็นน้ำตกครั้งแรกเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมะขามต้นนี้ยังมีขนาดเท่าหนึ่งคนโอบ อีกทั้งความเปรี้ยวของมันยังคงเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนกับน้ำตกแห่งนี้ที่อยู่คู่หมู่บ้าน คอยนำพาความอุดมสมบูรณ์ส่งไปถึงผืนไร่ท้องนาอย่างไม่เคยรู้จักเหน็ดเหนื่อย

          เรื่อยลงไปอีกชั้นของน้ำตก กลุ่มต้นเฟิร์นขึ้นเรียงรายกระจายเป็นพุ่มๆ ลดหลั่นกันลงไปตามริมโขดหิน ไกลออกไปไม่ถึงสิบเมตรมีนกเล็กๆ สีสันแปลกตาจดๆ จ้องๆ เมียงมองมาที่ภูบดินทร์อย่างระแวดระวังภัย เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีท่าทีเป็นมิตรมันจึงส่งเสียงร้องเรียกนกอีกตัวที่คงเป็นคู่ของมันแล้วชวนกันบินโฉบลงไปเกาะบนขอบหินเล็กๆ ที่โผล่พ้นผืนน้ำเพียงนิด ชายหนุ่มทอดสายตาปล่อยอารมณ์ไปกับท่าทางของคู่รักตัวกระจี๊ดที่กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำ เจ้านกตัวน้อยเริ่มเย้าหยอกไซ้ปีกขนคลอเคลียกันไม่ห่าง

       ภูบดินทร์แอบอิจฉาอยู่ลึกๆ หรือบางทีเขาอาจจะหาแฟนสักคน อย่างน้อยอาการหวิวๆ กลางอกคงไม่เกิดขึ้นเหมือนเช่นตอนนี้ ชายหนุ่มนึกขันในใจ แต่ถึงกระนั้นผู้หญิงที่เขาจะเลือกมาเป็นคู่ครองก็คงต้องเป็นคนที่เขามั่นใจแล้วเท่านั้น มั่นใจที่จะให้เธอคนนั้นมาดูแลครอบครัว เป็นคู่ครอง คู่คิด คู่ชีวิต และเป็นแม่ของลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และเธอคนนั้นคงอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เขาอาจพบเจอในไม่ช้า

          ช่วงเวลาของยามเช้าผ่านเลยไปจนภูบดินทร์รู้สึกได้เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับผืนน้ำ เขายกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา คงได้เวลากลับเสียทีอย่างน้อยวันนี้จะได้มีเวลาแสดงฝีมือทำกับข้าวให้บิดาได้ทานสักมื้อเพราะห่างหายจากครัวไปนาน
    ชายหนุ่มขยับกายขึ้นจากแอ่งน้ำกลับไปสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อก่อนหน้าแล้วเดินทอดน่องกลับไปตามเส้นทางเดิม ฝั่งขวามือเป็นแปลงมันสำปะหลังสลับกับไร่อ้อยที่บิดาของเขาลงทุนลงแรงจนมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวตามฤดูกาล ผืนไร่อีกฝั่งเป็นแปลงปลูกพืชไร่ ทั้งผลไม้ยืนต้นหลากชนิดของครอบครัวตัว อ. มีรั้วลวดหนามขึงกั้นด้วยเสาไม้บอกเขตแดนอย่างชัดเจน

       ภูบดินทร์สังเกตเห็นวัวหลายตัวหลากสีสันกำลังแทะเล็มหญ้าเขียวๆ ที่ปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ใกล้ๆ ริมรั้วนั้น ซึ่งคงมีใครพึ่งต้อนพวกมันขึ้นมาเพราะตอนขาไปเขาไม่เห็นเลยสักตัว ชายหนุ่มชะเง้อมองข้ามรั้วผ่านฝูงวัวไปยังเพิงเล็กๆ ใต้ต้นตะขบที่ห่างจากริมรั้วออกไปเพียงสิบเมตร มันยังคอยแผ่กิ่งก้านเป็นร่มเงาช่วยคลายความร้อนเมื่อยามที่ดวงอาทิตย์ไร้เมฆบดบัง

          ร่างหนึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างวัวสีขาวนวลที่บางครั้งเจ้าวัวตัวนั้นกลับมีอาการแปลกๆ อย่างที่เขาไม่เคยเห็น มีหลายครั้งที่มันค้อมตัวลงนอนและสลับกับยืน บางครั้งยังใช้เท้าหน้าตะกุยพื้นดินจนคละคลุ้ง อีกหลายครั้งที่เจ้าสัตว์สี่เท้ายังส่งเสียงมอๆ ราวกับร้องเรียกเจ้าพวกวัวตัวเล็กๆ ให้เดินเข้าไปหา เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ใช้มือลูบท้องลูบหลังเจ้าวัวสีขาวนวลนั้นเป็นใคร เขาจึงรีบเบี่ยงตัวเองผ่านช่องเสาไม้เล็กๆ ที่มีปีบต้นใหญ่คั่นกลางระหว่างเสาไม้นั้น
    “ทำอะไรอิง” ภูบดินทร์ร้องถาม และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงพบว่าเจ้าหนูอิงกำลังสาละวนลูบคลำส่วนท้องของสัตว์ตัวใหญ่ที่ตอนนี้มันลงไปนอนใช้คางเกยอยู่บนพื้นฟางแห้งๆ ด้วยเสียงหายใจคล้ายติดขัด

    “นังนวลมันกำลังจะคลอดลูกน่ะเฮีย พึ่งท้องแรกเสียด้วย โผล่แค่ขาออกมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าเกิดไม่คลอดตอนนี้ฉันกลัวว่าลูกมันจะตายเสียก่อน” อิงธาราละล่ำละลักบอกสีหน้าเคร่ง “ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ ฉันเลยไม่รู้จะตามใครมาช่วยดูให้”

          ชายหนุ่มเดินอ้อมไปดูส่วนท้ายอีกด้านของเจ้านวล เป็นจริงอย่างที่เจ้าตัวยุ่งบอก ใต้โคนหางของนังนวลมีกีบเท้าคู่เล็กโผล่พ้นออกมาจากอวัยวะเพศของแม่วัวเพียงคืบ สังเกตตรงส่วนท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะนั้นทำให้รู้ว่ามันคงเจ็บอยู่ไม่น้อย

    “แล้วอิงจะทำอย่างไรต่อ?”
    “ก็ช่วยมันน่ะสิ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล
    “ช่วยยังไง อิงไม่ใช่หมอวัวสักหน่อย” ภูบดินทร์ทำหน้าฉงน
    “ก็ทำเท่าที่ทำได้แหละน่า เฮียมาก็ดีแล้ว ช่วยฉันหน่อยสิ นะเฮียนะ” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังเดินลากแขนของเขาเดินเข้าไปใกล้นังนวลจนชายหนุ่มต้องยื้อไว้
    “เฮ้ย ไม่เอา! ฉันไม่เคย เดี๋ยวถ้ามันตายขึ้นมาจริงๆ จะหาว่าฉันเป็นคนทำสิ”
    “ปอดไปได้ เหอะน่าเฮีย ถ้าปล่อยไว้นานๆ มันก็ได้ตายจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกหรอก”
    “แล้วเราเคยทำเหรอถึงรู้ว่าต้องทำอย่างไร” ชายหนุ่มตั้งข้อสงสัย
    “เคยเห็นพ่อทำ จับๆ ดึงๆ มันก็ออกมาแล้ว ไปเฮีย เฮียไปช่วยบันเบ่ง เดี๋ยวฉันดึงเอง” ชายหนุ่มถูกมอบหมายหน้าที่โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตกปากรับคำเลยสักนิด
    “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะเบ่งตอนไหน คนนะไม่ใช่วัว จะได้รู้ภาษาของมัน”
    “ไม่รู้ล่ะ พอฉันดึงเฮียก็ช่วยโกยๆ ท้องมาทางด้านหลังก็แล้วกัน...นวลเอ๊ย ออกแรงอีกหน่อยนะลูก เดี๋ยวก็ปลอดภัยแล้ว” หญิงสาวลูบหัวลูบคางเจ้านวลสองสามรอบ แม่วัวสาวยังผงกหัวเหมือนรับรู้ว่ากำลังมีคนช่วยมันกับลูกน้อย อิงธาราก้มหยิบเศษฟางข้าวขึ้นมาเต็มกำมือ แล้วใช้ฟางนั้นพันรอบข้อเท้าเล็กๆ เพื่อไม่ให้มือของตัวเองลื่นหลุดจากเท้าน้อยๆ ที่กำลังจะเป็นชีวิตใหม่ของฝูง
    เมื่อรวบรวมสติได้จึงเงยหน้าขึ้นพูดกับอีกคนที่ยังยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลังเพราะยังคงตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
    “เอ๋าเฮีย นั่งลงสิฉันจะดึงแล้วนะ” เมื่อได้ยินเสียงออกคำสั่งเขาจึงรีบนั่งลงข้างท้องมหึมานั่น
    “เร็วเฮีย! หนึ่ง...สอง...สาม...อื้ดดด...อีกทีนะเฮีย หนึ่ง...สอง...สาม...อื้ดดด” อิงธาราออกแรงดึงเป็นจังหวะ “โกยเลยเฮีย โกยมาทางนี้ อื้ด...” ปากก็ยังเร่งเร้าให้อีกคนโกยท้องให้เจ้านวลเช่นกัน
“ออกมาแล้วเฮีย หัวออกมาแล้ว!” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงด้วยเพราะความตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก
    “ร้องอะไรเสียงดังนักหนา อยู่กันแค่สองคน” ภูบดินทร์เอ็ดเจ้าตัวยุ่งที่จู่ๆ ก็ร้องตะโกนจนเขาหูชาไปชั่วขณะ
    “ก็คนมันดีใจนี่นา...เอ้า! หนึ่ง...สอง...สาม อื้ด...” เมื่อหัวเล็กๆ โผล่ ส่วนอื่นก็ตามมาติดๆ
    “เฮ้ย!” เสียงอุทานกลับดังมาจากภูบดินทร์เมื่อจู่ๆ เจ้านวลนั้นก็ขยับกายลุกขึ้นในทันทีทันใด ถ้าไม่เป็นเพราะความไวที่ยังมีติดตัวเขาคงโดนมันเหยียบเข้าที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่ ด้านเจ้าหนูอิงก็เช่นเดียวกันที่กระโดดห่างออกไปไกลถึงวาเศษ ยืนดูท่าทีของแม่วัวสาวอีกครั้ง เจ้านวลเริ่มเบ่งด้วยตัวของมันเองด้วยแรงเฮือกสุดท้าย

       เมื่อร่างของเจ้าสัตว์ตัวเล็กสีน้ำตาลหล่นกระทบบนพื้นหญ้า แม่วัวก็รีบเอี้ยวตัวกลับมาสัมผัสลูกน้อยตามสัญชาตญาณของความเป็นแม่ มันใช้ลิ้นสากๆ เลียเมือกเหนียวตามใบหน้าและลำตัวของลูกน้อย กระตุ้นให้เจ้าตัวเล็กเริ่มขยับลำคอและสูดอากาศข้างนอกเป็นครั้งแรกของมัน

    “เอาไงต่อล่ะทีนี้” เขาส่งคำถามไปยังร่างที่ยังคงยืนยิ้มมองดูภาพของสมาชิกใหม่ตรงหน้าไม่ยอมละสายตา
    “ฝีมือของเราสองคนนะนี่” เว้นระยะไว้ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างๆ “ตัวเมียเสียด้วย โชคดีเป็นบ้า” เจ้าตัวยุ่งส่งยิ้มอย่างเป็นสุข สื่อให้อีกคนรับรู้ว่าสองชีวิตรอดมาได้เพราะเธอกับเขาช่วยไว้แท้ๆ
    “ไม่เข้าไปช่วยมันอีกเหรออิง”
    “ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ลุกได้เอง เฮียเฝ้าไว้ก่อนนะ ฉับจะรีบกลับบ้านไปเอาถังแป๊บนึง” ว่าแล้วร่างเล็กแต่เทอะทะรีบวิ่งเร็วจี๋ไม่เหลียวหลังกลับ สาวเท้าฉับๆ ไปตามทางเดินมุ่งสู่ตัวบ้านที่เห็นอยู่ลิบๆ
    “มันจะรีบร้อนอะไรนักหนาวะ” ภูบดินทร์ส่ายศีรษะอย่างระอาก่อนจะเดินตรงไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ใต้เพิงที่มุงด้วยหญ้าคาและมีร่มของต้นตะขบคอยป้องกันแสงแดดอันแรงกล้าอีกชั้น

           สายตาของภูบดินทร์ยังคงจับจ้องไปยังวัวแม่ลูกคู่นั้น จากประสบการณ์ที่ได้รับในวันนี้ทำให้เขารู้ว่ากว่าจะเกิดขึ้นเป็นหนึ่งชีวิตได้นั้นต้องลำบากยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน เจ้าตัวเล็กเริ่มขยับลุกหลายครั้งแต่ก็เป็นอันล้มเหลวเสียทุกทีไป ครั้งล่าสุดมันลุกขึ้นยืนนิ่งอย่างไม่สู้จะคงที่ พวกวัวตัวเล็กๆ อีกสามตัวพยายามย่องเข้าไปสูดดมร่างของเจ้าตัวน้อยอย่างอยากรู้อยากเห็น นังนวลใช้หัวของมันผงกขึ้นลงไล่เจ้าตัวจุ้นทั้งสามออกไปให้ห่าง อาจเป็นเพราะมันคงหวงลูกน้อยจึงไม่อยากให้ตัวอื่นเข้าใกล้

           ไม่นานนักอิงธาราก็กลับมาพร้อมกับถังใส่น้ำสะอาดกว่าครึ่งถังพร้อมหม้ออลูมิเนียมใบใหญ่ในมืออีกข้าง เธอเดินตรงไปยังวัวแม่ลูกอ่อนก่อนจะวางถังน้ำลงตรงหน้าของมัน

    “อ่ะ กินซะจะได้หายเหนื่อย” ทุกอิริยาบถของเจ้าตัวยุ่งถูกภูบดินทร์มองด้วยแววตาเอ็นดูปนทึ่งในความสามารถ เขาไม่นึกสงสัยว่าถังที่อิงธาราหิ้วมานั้นเอาไว้ทำอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มฉงนแบบสุดๆ กลับเป็นหม้อใบใหญ่ใบนั้นมากกว่า เพราะอยากได้คำตอบเขาจึงรีบลุกเดินเข้าไปหาร่างเล็ก
    “เอาหม้อมาทำไมเหรออิง”
    “เอาไว้ใส่น้องวัวไงเฮีย ของอร่อย หายาก ถ้าปล่อยให้หล่นถูกเศษดินแถวนี้มีหวังต้องล้างจนน้ำหมดโอ่งแน่ เฮียต้องช่วยฉันดูนะ ถ้ามันออกมาแล้วบอกฉันด้วยเดี๋ยวแม่มันกินหมด”

           ภูบดินทร์พนักหน้าหงึกๆ เมื่อรู้ว่าหม้อนั้นสำคัญไหน เพราะน้องวัว หรือรกวัว เป็นของหายาก ราคาแพง อีกทั้งยังอร่อยซึ่งเขาเองก็เคยชิม แต่ไม่รู้หรอกว่ากระบวนการขั้นตอนกว่าที่มันจะลงไปอยู่ในถ้วยให้ได้กินนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง
ทั้งสองช่วยกันขนฟางข้าวที่กองอยู่ข้างเพิงพักมาวางไว้บนพื้นหญ้า กระจายปกคลุมบริเวณที่วัวแม่ลูกยืนอยู่จนทั่วจากนั้นจึงชวนกันกลับไปนั่งอยู่ใต้เพิงพักอีกครั้ง
...........................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่